1 ใน  5 ตายจาก'โรคหัวใจและหลอดเลือด'ก่อนวัยอันควร ทั้งที่มีวิธีป้องกันได้ถึง 80 %

1 ใน  5 ตายจาก'โรคหัวใจและหลอดเลือด'ก่อนวัยอันควร  ทั้งที่มีวิธีป้องกันได้ถึง 80 %

1 ใน  5 คนทั่วโลกตายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ กรมควบคุมโรคแนะนำวิธีป้องกันได้ 80 %

วันที่ 29 กันยายนของทุกปีเป็นวันหัวใจโลก (World Heart Day) และในปี 2568 สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือ Don't miss a beat : อย่าพลาดจังหวะหัวใจ เพราะการดูแลหัวใจทุกวินาทีมีค่าและทุกจังหวะหัวใจคือชีวิต มุ่งเน้นให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลจากสมาพันธ์วันหัวใจโลก (World Heart Federation) ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุอันดับ 1 การเสียชีวิตทั่วโลก โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 20.5 ล้านคน และ 1 ใน 5 เป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้

จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) ปี 2568 ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 2.6 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี

นพ.สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน เนื่องจากการสะสมของไขมัน โปรตีน และการอักเสบบริเวณผนังด้านในของหลอดเลือดหัวใจ

หากมีอาการเจ็บแน่นกลางอก จุกแน่นกลางอก เจ็บร้าวไปที่หัวไหล่ซ้าย แขนหรือกราม เหงื่อออก ใจสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือโทร. 1669

 ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ระดับไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด และมลพิษทางอากาศ

โรคหัวใจและหลอดเลือดสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมน้ำหนัก ระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เข้ารับการตรวจคัดกรองหรือตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค

นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation) พบว่า การออกกำลังกายสามารถช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 80 %  ประชาชนควรตั้งเป้าหมายการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันหรือสะสม 150 นาทีต่อสัปดาห์

  •  รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตามหลัก 2:1:1 ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 - 9 ชั่วโมงต่อวัน
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ BMI 18.5 - 22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นควัน

ที่สำคัญการรู้ค่าและควบคุมค่าความดันโลหิตน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และระดับไขมันในเลือดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพชีวิตที่ดีไม่พลาดโอกาสการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและคนที่คุณรัก