‘บำรุงราษฎร์’ ชูนวัตกรรมกู้ชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจ อัตรารอด 85-90%

สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ ชูประสบการณ์ความชำนาญของทีมแพทย์ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย และนวัตกรรมกู้ชีวิตผู้ป่วยวิกฤติ ยกระดับการรักษาโรคหัวใจสู่มาตรฐานระดับโลก
KEY
POINTS
- บำรุงราษฎร์มุ่งเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อยที่สุด ปลอดภัยสูง ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำได้เร็วขึ้น
- การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมีอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยสูงถึง 85-90%
- แผนลงทุนในเวชศาสตร์แม่นยำ และจีโนมิกส์ ขยายการใช้เครื่องมือ AI และวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
“โรคหัวใจ และหลอดเลือด" ยังคงเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ด้วยสถิติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 17-18 ล้านคนต่อปี คิดเป็น 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมด และแนวโน้มของโรคยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคนอายุน้อยที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ภาวะ อ้วน และวิถีชีวิตที่เร่งรีบ
ขณะที่ในประเทศไทย ปี 2568 ยังไม่มีข้อมูลสถิติโรคหัวใจที่เฉพาะเจาะจง โดยข้อมูลล่าสุดจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ปี 2566 ระบุว่าคนไทยมีผู้ป่วยสะสมจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดกว่า 250,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึงประมาณ 40,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน โดยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตลำดับต้นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
HNS ทางเลือกใหม่ รพ.บำรุงราษฎร์ รักษาโรคนอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ
รักษาโรคหัวใจมาตรฐานระดับโลก
วันนี้ (22 กันยายน 2568) สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” แถลงข่าว “Bumrungrad Heart Institute :Healing Every Beat” โดยมี “แบร์รี่ วอล์ฟแมน” Senior Executive Director of Operations กล่าวว่า ได้นำแนวทางปฏิบัติที่ได้มาตรฐานระดับโลก และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้รักษาโรคหัวใจเพื่อผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพมาสู่ผู้ป่วยทั้งในประเทศไทย และทั่วโลกได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งใน 'โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569' สาขาโรคหัวใจ และ 'โรงพยาบาลอัจฉริยะที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2569' ในการนำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้เพื่อยกระดับการดูแลผู้ป่วย
ทีมแพทย์ชำนาญ รักษาเคสยาก-ซับซ้อน
ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า สถาบันโรคหัวใจเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่พร้อมดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเคสที่ยากหรือซับซ้อน
“เทคโนโลยีแม้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด ก็ต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของแพทย์ในการให้คำแนะนำ และรักษาอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย บำรุงราษฎร์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งมอบทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ”
รักษาแบบบาดเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
ศ.นพ.กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันโรคหัวใจ และอายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวบรรยายหัวข้อ "How Cutting-Edge Heart Technology is Transforming Cardiac Care" ว่าหลักสำคัญของการรักษาโรคหัวใจที่บำรุงราษฎร์คือ การวินิจฉัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพราะโรคหัวใจมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยชีวิตผู้ป่วยได้
บำรุงราษฎร์จึงได้นำเทคโนโลยีการวินิจฉัยที่ทันสมัยมาใช้ เช่น เครื่อง Photon-Counting CT ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการทำงานของหัวใจ รวมถึงตรวจหาความผิดปกติของลิ้นหัวใจ หลอดเลือด และเนื้อเยื่อหัวใจได้อย่างละเอียด และแม่นยำ ส่งผลให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
“การรักษา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มุ่งเน้นการรักษาแบบบาดเจ็บน้อยที่สุด (Minimally Invasive) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยสูง ลดระยะเวลาการพักฟื้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำได้เร็วขึ้น ศ.นพ. กุลวี กล่าว
ปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการสัดส่วน คนไทย 50% ชาวต่างชาติ 50% โดยให้บริการรักษาโรคลิ้นหัวใจได้อย่างครอบคลุมทั้ง 4 ลิ้น ผ่านทางสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด (Catheter-based) เช่น TAVR (การรักษาลิ้นหัวใจเอออร์ติกผ่านสายสวน), TPVR (การรักษาลิ้นหัวใจพัลโมนิกผ่านสายสวน) และ TEER (การ รักษาลิ้นหัวใจไมทรัล และไตคัสปิดผ่านสายสวน) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน
อัตรารอดชีวิตของผู้ป่วยสูงถึง 85-90%
นอกจากนี้ ยังมีห้องปฏิบัติการสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจที่ทันสมัยเพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิด จังหวะที่ซับซ้อนด้วยการจี้ไฟฟ้าหัวใจ หรือการใช้อุปกรณ์ฝั่งในหัวใจ รวมถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมีอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยสูงถึง 85-90% ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ บำรุงราษฎร์ยังเป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI ในโปรแกรมการรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจ ล้มเหลว (Heart Failure Program) ตั้งแต่ 2565 จนถึงปัจจุบัน และยังได้รับอนุญาตให้เป็นศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะ หัวใจจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยอีกด้วย
นวัตกรรมช่วยชีวิตผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ
ศ.นพ.กุลวี กล่าวต่อไปว่า สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ พร้อมยกระดับการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นรุนแรงด้วยเทคโนโลยี Mechanical Circulatory Support (MCS) ที่ครอบคลุม เช่น เทคโนโลยี LVAD หรือ Left Ventricular Assist Device เพื่อการพยุงหัวใจระยะยาว และเป็นสะพานรอรับการปลูกถ่ายหัวใจ, ECMO สำหรับการช่วยพยุงหัวใจ และปอดชั่วคราวในภาวะวิกฤติ
รวมถึงมี เทคโนโลยี VAD (Percutaneous ventricular assist device: Impella) เครื่องปั๊มหัวใจขนาดเล็กที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหาร และยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) โดยเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือการทำงานของหัวใจห้องล่างผ่านสายสวน สามารถสูบฉีดเลือดได้ถึง 4.3 ลิตรต่อนาที เทียบเท่ากับหัวใจของคนปกติที่สามารถปั๊มเลือดได้ประมาณ 3-5 ลิตรต่อนาที
การใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ไม่เพียงช่วยให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้นแต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากภาวะช็อก โดยอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ 180 วันลดลงถึง 26% และเมื่อใช้ร่วมกับเครื่อง ECMO ในการรักษาแบบ "ECpella" ก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยวิกฤติมีโอกาสรอดชีวิต และฟื้นตัวได้มากขึ้น และมีทีมแพทย์สหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญ และผ่านการฝึกอบรมเข้มข้น สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แผนลงทุนเวชศาสตร์แม่นยำ และจีโนมิกส์
"สิ่งที่เรามุ่งมั่นพัฒนา ทั้งการวินิจฉัย การรักษา หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ล้วนมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาที่ได้มาตรฐานระดับโลก ซึ่งส่งผลให้อัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น ภาวะแทรกซ้อนลดลง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยความสำเร็จทั้งหมดนี้เกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีมของแพทย์สหสาขาวิชาชีพ ทั้งอายุรแพทย์โรคหัวใจ, ศัลยแพทย์หัวใจ, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพวินิจฉัย, แพทย์วิสัญญี, พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟู ทำให้สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นทางเลือกในการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อนให้กับผู้ป่วยจาก ทั่วทุกมุมโลก"
อนาคตยังมีแผนลงทุนในเวชศาสตร์แม่นยำ และจีโนมิกส์ รวมถึงขยายการใช้เครื่องมือ AI และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
อีกทั้งนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อลดความเสี่ยง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ทั้งนี้เพื่อส่งมอบทางเลือกของการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







