ภัยร้าย! ความเครียด ส่งผล 'กระดูกบางเกิดโรคกระดูกพรุน'

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ “กระดูกบางเกิดโรคกระดูกพรุน” มาจากวิถีชีวิตอิสระหลาย อาทิ ผลกระทบจากความผิดปกติทางสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
KEY
POINTS
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ “กระดูกบางเกิดโรคกระดูกพรุน” มาจากวิถีชีวิตอิสระหลาย อาทิ ความเครียด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด
- ผู้หญิงเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าและเร็วกว่าผู้ชาย รวมถึงอายุ กรรมพันธุ์ ยา รวมถึงเคยกระดูกหัก ผอมเกินไป ขาดสารอาหาร และขาดการออกกำลังกาย
- ควรลดความเครียด รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น กุ้งแห้ง ถั่วแดง ผักคะน้า ฯลฯ และควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง ๆ ละ 1 ชั่วโมง
รู้หรือไม่? “ความเครียด” ส่งผลให้คนเรา “กระดูกบางสู่โรคกระดูกพรุน” ได้ เพราะความเครียดเรื้อรังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และสารสื่อประสาทบางชนิด ซึ่งจะไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่สร้างกระดูก (Osteoblasts) และเร่งการสลายของเซลล์กระดูก (Osteoclasts) ส่งผลให้มวลกระดูกลดลงและกระดูกเปราะบางขึ้น
ผลกระทบของความเครียดทางจิตใจและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD) โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล ต่อความเสี่ยงและการรักษาโรคกระดูกพรุน
ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนมากกว่า 1 ล้านคน คนไทยประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ไม่ทราบว่าโรคกระดูกพรุนรุนแรงถึงขั้นทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิด "โรคกระดูกพรุน"
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ “กระดูกบางเกิดโรคกระดูกพรุน” มาจากวิถีชีวิตอิสระหลาย อาทิ ผลกระทบจากความผิดปกติทางสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน กลไกโดยตรงที่ทำให้เกิดโรคนี้ยังไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนัก
อย่างไรก็ตาม การศึกษาโดย Ko และคณะ แสดงให้เห็นว่าซีรัมจากสัตว์ที่สัมผัสกับการสูบบุหรี่ส่งผลให้มีการสร้างกระดูกใหม่จากแมคโครฟาจเพิ่มขึ้นในการตอบสนองต่อ RANKL รวมถึงการลดลงของเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเตส (ALP) และการลดลงของการสร้างกระดูกใหม่ของเซลล์สร้างกระดูก ในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาสุขภาพจิต 28.2% รายงานว่าสูบบุหรี่ เทียบกับ 17.5% ในประชากรทั่วไป
ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าความเครียดทางจิตใจสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการสูบบุหรี่ เนื่องจากผลกระทบด้านลบของการสูบบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพกระดูก ความเครียดทางจิตใจอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนทางอ้อมด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน การดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะชราภาพและการผลิต ROS ใน MSCs ที่ได้จากไขกระดูก ซึ่งส่งผลให้ศักยภาพในการสร้างกระดูกลดลง การใช้สารเสพติด เช่น การติดโอปิออยด์ ก็เพิ่มขึ้นในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับความเครียดทางจิตใจ (18.7% เทียบกับ 5% ในกลุ่มที่ไม่มีความผิดปกติทางสุขภาพจิต) พบว่าอัตราการเกิดภาวะกระดูกพรุนและภาวะกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นในผู้หญิงที่ติดโอปิออยด์
ความเครียดเรื้อรังส่งผลเกิดกระดูกพรุน
ศ.ดร.นพ.นรัตถพล เจริญพันธุ์ เมธีวิจัยอาวุโส สำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สังกัดหน่วยวิจัยด้านแคลเซียมและกระดูก และภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ภาวะเครียดทางอารมณ์เรื้อรังของคนในสังคมปัจจุบันทั้งในเมืองและชนบท ส่งผลให้มวลกระดูกลดลงและเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุนได้
"โดยมีปัจจัยกระตุ้นที่หลากหลาย อาทิ ความเจ็บป่วยทางกายจากโรคเรื้อรัง ตลอดจนสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งพิษภัยของความเครียดเรื้อรังจะนำชักนำให้เกิดโรคทางกาย เช่น โรคกระเพาะ และความดันโลหิตสูง รวมถึงโรคทางจิตใจ เช่น วิตกกังวลและซึมเศร้า แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือความเครียดทำให้กระดูกพรุนได้เช่นกัน" ศ.ดร.นพ.นรัตถพล ระบุ
ทั้งนี้ ศ.ดร.นพ.นรัตถพลอธิบายว่า โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิงภายหลังหมดประจำเดือน ในช่วงแรกมักไม่แสดงอาการจึงดูเหมือนกระดูกแข็งแรงเช่นคนปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปีอาจเกิดกระดูกหักอย่างไม่คาดคิดแม้จากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีกระดูกต้นขาหักจำนวนหนึ่งอาจไม่สามารถเดินได้ดังเดิม ซึ่งส่งผลต่อทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวในระยะยาว
"ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความเครียดเรื้อรังทำให้เกิดภาวะกระดูกบาง โรคกระดูกพรุน หรือเสริมให้โรคกระดูกพรุนที่เป็นอยู่ก่อนแล้วรุนแรงขึ้นได้หรือไม่และอย่างไร เดิมเชื่อกันว่า ความเครียดทำให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนชื่อ “คอร์ติซอล” ซึ่งกระตุ้นให้กระดูกสลายแคลเซียมต่อเนื่อง จนทำให้มวลกระดูกลดลง" ศ.ดร.นพ.นรัตถพลกล่าว
จากงานวิจัยในหลายประเทศและงานวิจัยของ ศ.ดร.นพ.นรัตถพลที่ได้รับการสนับสนุนจาก สกว. ได้แสดงแนวคิดใหม่ว่า ระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมองและไขสันหลัง ส่งเส้นประสาทมาควบคุมการทำงานของกระดูกโดยตรง โดยเซลล์สร้างกระดูกที่เรียกว่า “ออสติโอบลาสต์” ตอบสนองต่อสารเคมีจากปลายประสาทที่มาเลี้ยง แต่ผลที่ได้จะสร้างกระดูกเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมีที่ปล่อยออกมาและตัวรับของสารเคมีนั้นๆ ที่อยู่บนเยื่อหุ้มเซลล์
"ความเครียดที่มีต้นกำเนิดจากสมอง รวมถึงโรคของจิตใจที่สัมพันธ์กับความเครียด เช่น โรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง กระตุ้นให้ปลายประสาทที่ควบคุมเซลล์สร้างกระดูกหลั่งสารเคมีหลายชนิด เช่น นอร์อิพิเนฟรินและเซโรโทนิน ซึ่งล้วนยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก แต่กลับเพิ่มการทำงานของเซลล์ออสติโอคลาสต์ ซึ่งทำหน้าที่สลายกระดูก ผลลัพธ์คือ มวลกระดูกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและสุดท้ายอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกบาง โรคกระดูกพรุน หรือทำให้กระดูกพรุนที่เป็นอยู่แล้วรุนแรงขึ้น" ศ.ดร.นพ.นรัตถพลกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อชะลอการลดลงของมวลกระดูกให้ช้าที่สุด ควรการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารแคลเซียมสูง เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม ล้วนช่วยให้สุขภาพกระดูกสมบูรณ์แข็งแรง ขณะที่การเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้น เช่น เดิน วิ่ง หรือขี่จักรยาน และการเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอนอกจากจะกระตุ้นให้มีการสร้างกระดูกได้ดียิ่งขึ้นโดยตรงแล้ว ยังช่วยลดความเครียดความกังวล ส่งผลดีทางอ้อมต่อกระดูกด้วย
ศ.ดร.นพ.นรัตถพล แนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคลายเครียดหรือยาคลายกังวลเพื่อหวังเพียงผลเรื่องสุขภาพของกระดูก เนื่องจากมีงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ยาคลายเครียดทั่วไปไม่ช่วยให้มวลกระดูกเพิ่มขึ้น การใช้ยาคลายเครียดหรือคลายกังวล จึงควรมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และควบคุมการจ่ายยาโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะการลดความเครียดและความวิตกกังวลสามารถทำได้โดยอาศัยปรัชญาที่เป็นสากล เช่น ทางสายกลางและความพอเพียง จะส่งผลให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้นในระยะยาว
"โรคกระดูกพรุน" ภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรคกระดูกพรุนกลายเป็นปัญหาระดับชาติที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น นับเป็น “ภัยเงียบ” อย่างแท้จริง เนื่องจากผู้ป่วยจะไม่รู้ว่าตัวเองมีภาวะกระดูกพรุน เพราะไม่พบว่ามีอาการใด ๆ จนกระทั่งล้มแล้วมี “กระดูกหัก” จึงรู้ว่าเป็น “โรคกระดูกพรุน” สาเหตุเกิดจากการสูญเสียมวลกระดูก ทำให้กระดูกเสียคุณสมบัติการรับน้ำหนัก กระดูกเปราะ หักง่าย บางคนอาจตัวเตี้ยลง (มากกว่า 3 เซนติเมตร) เนื่องจากกระดูกสันหลังโปร่งบางและยุบตัวลงช้า ๆ หรือบางคนมีอาการปวดหลังจากการล้มหรือยกของหนัก
แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ง่ายกว่าคนทั่วไปเพียงแค่มีแรงกระแทกเบา ๆ การบิดเอี้ยวตัวอย่างทันทีทันใด ไอ จาม หรือลื่นล้ม ทำให้กระดูกสะโพกหรือกระดูกสันหลังหักได้ง่าย ก่อให้เกิดความพิการหรือทุพพลภาพตามมา และคุณภาพชีวิตที่ด้อยลง
กลุ่มเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุน
- ผู้หญิงเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าและเร็วกว่าผู้ชาย
โดยเฉพาะเมื่อหมดประจำเดือน หรือผ่าตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง การสลายกระดูกจะเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศ จึงเริ่มสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ถึง 40 – 50%
- อายุ
มวลกระดูกของคนเราหนาแน่นที่สุดเมื่ออายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ
- ผู้หญิงอายุเกิน 60 ปี โอกาสเกิดกระดูกพรุน 10 คน ใน 100 คน
- ผู้หญิงอายุเกิน 70 ปี โอกาสเกิดกระดูกพรุน 20 คน ใน 100 คน
- ผู้หญิงอายุเกิน 80 ปี โอกาสเกิดกระดูกพรุน 40 คน ใน 100 คน
- กรรมพันธุ์
ในครอบครัวที่พ่อหรือแม่มีโรคกระดูกพรุนแล้วมีกระดูกหัก ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนแล้วกระดูกหักด้วย
- เชื้อชาติ
ชาวต่างชาติที่มีผิวขาวและคนเอเชียมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนสูง
- ยา
การได้รับยาบางชนิดเป็นเวลานานทำให้มวลกระดูกบางลง เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์, ผู้ป่วยโรค SLE (โรคพุ่มพวง)ยาทดแทนธัยรอยด์ ยาป้องกันการชัก เป็นต้น
- เคยกระดูกหัก
โอกาสที่จะเกิดกระดูกหักซ้ำเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.5 เท่า
- แอลกอฮอล์ การดื่มเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์
ในปริมาณมากกว่า 3 แก้ว/วัน ทำให้มีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนเร็วขึ้น
- บุหรี่
สารพิษนิโคตินเป็นตัวทำลายเซลล์สร้างมวลกระดูกทำให้กระดูกบางลง หากสูบบุหรี่มากกว่า 20 มวน/วัน ความเสี่ยงต่อกระดูกสะโพกหักสูงขึ้น 1.5 เท่าของคนไม่สูบบุหรี่
- ผอมเกินไป
คนที่ผอมเกินไปจะเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่า และมีความเสี่ยงกระดูกหักเพิ่มขึ้น 2 เท่าของคนรูปร่างปกติ
- ขาดสารอาหาร
การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ นอกจากทำให้ร่างกายเสียสมดุลแล้วยังอาจขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างมวลกระดูก โดยเฉพาะแคลเซียม วิตามินดี และโปรตีน
- ขาดการออกกำลังกาย
คนไม่ออกกำลังกายมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่า พบว่า ผู้หญิงที่นั่งมากกว่า 9 ชั่วโมง/วัน เสี่ยงกระดูกสะโพกหักมากกว่าผู้หญิงที่นั่งน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันถึง 50%
- การรับประทานอาหาร
ถ้าได้รับเกลือมากกว่า 1 ช้อนชา/วัน ชา กาแฟมากกว่า 3 แก้ว/วัน น้ำอัดลมมากกว่า 4 กระป๋อง/สัปดาห์ และทานโปรตีนมากกว่า 10 – 15% ในแต่ละมื้อของอาหาร มีความเสี่ยงกระดูกพรุนสูง เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม ส่วนอาหารเค็มจัดและคาเฟอีนยังทำให้ร่างกายขับแคลเซียมมากขึ้นอีกด้วย
วัยทองกับโรคกระดูกพรุน
ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีเนื้อกระดูกน้อยกว่าผู้ชายประมาณ 10 – 30% และเมื่อหมดประจำเดือนจะมีการสลายของกระดูกมากถึงร้อยละ 3.5 ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะหมดประจำเดือนเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไปหรือที่เรียกว่า “วัยทอง” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ทำให้เนื้อกระดูกเปราะบาง มีผลทำให้กระดูกหักได้ง่าย ๆ
ป้องกันกระดูกพรุนคนวัยทอง
ผู้หญิงในวัยทองควรดูแลตัวเองให้มากกว่าปกติ ควรลดความเครียด รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น กุ้งแห้ง ถั่วแดง ผักคะน้า ฯลฯ ซึ่งเป็นสารหลักในการสร้างเนื้อกระดูก ทั้งนี้ผู้หญิงที่หมดประจำเดือน การเสริมแคลเซียมไม่ได้ช่วยให้กระดูกแข็งแรง แต่ช่วยยับยั้งการเสื่อมสลายของกระดูกเท่านั้น
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง ๆ ละ 1 ชั่วโมง จะช่วยลดการสลายของแคลเซียมจากกระดูกได้ด้วย นอกจากนี้ควรงดการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และพยายามป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้ม เป็นต้น
อาหารเสริมพลัง ป้องกันกระดูกพรุน
- แคลเซียม ที่ร่างกายต้องการอาจแตกต่างในแต่ละวัย และสภาวะร่างกาย ดังนี้
- อาหารที่มีปริมาณแคลเซียมมากได้แก่ ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้า บรอกโคลี
- นมและผลิตภัณฑ์ของนม
- ปลาซาร์ดีนพร้อมกระดูก ปลาตัวเล็ก ๆ พร้อมกระดูก กุ้งแห้ง เต้าหู้แข็ง งาดำ กะปิ เป็นต้น
- วิตามินดี มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม โดยร่างกายต้องการวิตามินดี วันละ 400-800 หน่วย
- นม 1 แก้ว = มีวิตามินดี 100 หน่วย และแคลเซียม 300 มิลลิกรัม
- ออกกำลังทุกวัน ป้องกันกระดูกพรุน สมดุลการทรงตัว
เด็กเล็ก พบว่าเด็กไทยมีปัญหาขาดการออกกำลังกายในช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงพบว่ามีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนสูง เนื่องจากขาดการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักผ่านกระดูก
ผู้ใหญ่ พบว่า ผู้ที่นั่งมากกว่า 9 ชั่วโมง/วัน มีโอกาสเกิดกระดูกสะโพกหักมากกว่าผู้ที่นั่งน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน ถึง 50%
ผู้สูงอายุ ควรออกกำลังกายชนิดที่มีการลงน้ำหนัก เช่น เต้นรำ เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ ทั้งบนถนนหรือลู่วิ่ง ทั้งนี้การฝึกการทรงตัวเพื่อป้องกันการหกล้มเป็นวิธีการที่ดีที่จะลดอุบัติการณ์ของกระดูกหักได้ เช่น การรำมวยจีนบางประเภท แต่ถ้าไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
ตรวจวัดมวลกระดูก Bone Mineral Density (BMD)
การตรวจวัดมวลกระดูก Bone Mineral Density (BMD) ด้วยเครื่องมือรังสีชนิดพิเศษ เป็นวิธีการที่ไม่เจ็บปวด ใช้ตรวจกระดูกได้ทุกส่วน แต่ที่นิยมและใช้เป็นมาตรฐานเปรียบเทียบตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด คือ ที่กระดูกสันหลังช่วงเอวและกระดูกสะโพก ซึ่งจะได้ค่าเป็นตัวเลขแสดงความเบี่ยงเบนจากค่ามาตรฐาน
ส่วนภาพ X-rays ในภาวะกระดูกพรุนจะเห็นเนื้อกระดูกจาง ๆ โพรงกระดูกกว้างออก ความหนาของผิวกระดูกลดลงและมีเส้นลายกระดูกหยาบ ๆ โดยจะเห็นขอบของกระดูกเป็นเส้นขาวชัด ในบางราย อาจเห็นกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังทรุดตัว
ตรวจกระดูกตอนไหนดี
- ผู้ที่มีอาการปกติ ไม่มีภาวะเสี่ยง ควรเริ่มตรวจความหนาแน่นกระดูกเมื่ออายุ 60 ปี
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น เคยมีประวัติกระดูกหักในครอบครัวจากภาวะกระดูกพรุน หรือรับประทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจความหนาแน่นกระดูกเร็วขึ้น
อ้างอิง:National Library of Medicine , สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ,โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชันแนล







