6 ปีสุดท้ายผู้สูงอายุสุขภาพไม่ดี ช่องว่างที่หน่วยงานรัฐต้องเร่งวางแผนรับมือ

ระหว่างวันที่ 28-29 สค. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ และระดับนานาชาติ ประจำปี 2568
KEY
POINTS
- NIDA เก็บข้อมูลแบบ “Panel Study” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้สูงอายุในมิติต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
- ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือทางการเงินจากลูกหลานเป็นหลัก ไม่ใช่เงินสวัสดิการจากภาครัฐ
- อายุขัยเฉลี่ยของคนไทย (Life Expectancy) อยู่ที่ประมาณ 77-78 ปี แต่อายุขัยที่มีสุขภาพดี อยู่ที่ประมาณ 60 บวก 16 ปี และคนไทยจะใช้ชีวิตในช่วง 6 ปีสุดท้ายโดยมีสุขภาพที่ไม่ดี
ระหว่างวันที่ 28-29 สค. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ และระดับนานาชาติ ประจำปี 2568 (2025 National and International Conference of The National Institute of Development Administration) หรืองาน 4th NIC - NIDA Conference, 2025 ภายใต้หัวข้อ “Collaboration for Sustainable Development in the Intelligent Age: Paving the Way for Solutions to New Global Challenges” (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในยุคปัญญาประดิษฐ์) โดยมีผู้เชี่ยวชาญ จากองค์การสหประชาชาติ (UN) สถานทูตจีนมาร่วมเป็น Keynote Speaker รวมถึงมี Partner จากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น EU และภูฏานมาร่วมจัดงาน
ศ. ดร.วิสาขา ภู่จินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับเวทีการประชุมวิชาการของไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล พร้อมดึงดูดนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และมุมมองจากประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ ร่วมจุดประกายความคิด และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในยุคอัจฉริยะ ปูทางสู่ความท้าทายใหม่ระดับโลกร่วมกันสอดรับกับปรัชญาและวิสัยทัศน์ของ “นิด้า” ในการเป็น “สถาบันสรรค์สร้างปัญญาของสังคม และสร้างผู้นำเพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล” WISDOM for Sustainable Development “สร้างปัญญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นวัตกรรม 'หลอดเลือดสมอง' เพิ่มอัตราการรอด ลดความพิการ เสียชีวิต
กรมการแพทย์! ลุยปั้นคน-เทคโนโลยีขั้นสูง ดันไทยติด Top 3 เอเชีย
นวัตกรรมช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้สูงอายุ
ยกตัวอย่างงานวิจัยที่มีความโดดเด่นและนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงปฏิบัติได้จริง เกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ : NIDA มีศูนย์วิจัยสังคมผู้สูงอายุที่ศึกษาเรื่องนี้มานานกว่า 15 ปี โดยมีการเก็บข้อมูลแบบ Panel Study (ติดตามกลุ่มตัวอย่างเดิมอย่างต่อเนื่อง) เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ สุขภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัว ข้อมูลเหล่านี้ได้ถูกนำเสนอให้กับหน่วยงานรัฐบาล เช่น กรมกิจการผู้สูงอายุ และ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อใช้ในการวางแผนนโยบายเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต
“ผศ.ดร.ดารารัตน์ อานันทนะสุวงศ์” ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสังคมผู้สูงอายุ NIDA ให้สัมภาษณ์“กรุงเทพธุรกิจ”ว่า งานวิจัยด้านสังคมผู้สูงอายุของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ “ปัญญาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย NIDA ได้ก่อตั้ง ศูนย์วิจัยสังคมผู้สูงอายุ ขึ้นมาเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจประชากรกลุ่มนี้อย่างลึกซึ้งมานานกว่า 15 ปี โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลแบบ “Panel Study” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้สูงอายุในมิติต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
Panel Study: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนานโยบาย
Panel Study คือการติดตามเก็บข้อมูลจาก กลุ่มตัวอย่างเดิม อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแตกต่างจากการสำรวจทั่วไปที่เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เปลี่ยนไป งานวิจัยของ NIDA เก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป และติดตามเก็บข้อมูลทุกๆ 2 ปี ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยมีความละเอียดและครอบคลุมหลายด้าน เศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย และการพึ่งพิงความช่วยเหลือจากลูกหลาน สุขภาพ การประเมินสุขภาพกายและสุขภาพจิตด้วยตนเอง และความสัมพันธ์ในครอบครัว การอยู่ร่วมกับลูกหลานและคู่สมรส
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือทางการเงินจากลูกหลานเป็นหลัก ไม่ใช่เงินสวัสดิการจากภาครัฐ นอกจากนี้ยังพบว่า โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนไปสู่ครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์แบบพึ่งพิงซึ่งกันและกันระหว่างพ่อแม่และลูกเป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้งานวิจัยได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม โดย NIDA มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเป็น Changing Agent หรือผู้ที่จะนำข้อมูลไปสร้างการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น กรมกิจการผู้สูงอายุ ข้อมูลจากงานวิจัยช่วยให้กรมฯ สามารถวางแผนนโยบายรองรับสังคมผู้สูงอายุได้ดีขึ้น โดยเฉพาะแนวคิด “Active Ageing” และ “Productive Ageing” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยังคงมีคุณค่าและสามารถทำงานได้ต่อไป
รวมทั้ง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีการนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวคิดเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “สิทธิมนุษยชนของผู้สูงอายุ” โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่แข็งแรงในช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดดูแลโดยตรง
ผศ.ดร.ดารารัตน์ กล่าวว่า งานวิจัยของ NIDA ยังช่วยสะท้อนให้เห็นว่า อายุขัยเฉลี่ยของคนไทย (Life Expectancy) อยู่ที่ประมาณ 77-78 ปี แต่ อายุขัยที่มีสุขภาพดี (Healthy Life Expectancy) อยู่ที่ประมาณ 60 บวก 16 ปี นั่นหมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้ว คนไทยจะใช้ชีวิตในช่วง 6 ปีสุดท้ายโดยมีสุขภาพที่ไม่ดี ซึ่งเป็นช่องว่างที่หน่วยงานรัฐต้องเร่งวางแผนรับมือ NIDA จึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ เพื่อให้ภาครัฐตระหนักและสร้างโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุต่อไป







