เปิดแล้ว! 'ศูนย์ซึมเศร้า'BMHH ชู 'ยาพ่นจมูก' นวัตกรรมลดซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย

“โรคซึมเศร้า” ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทุก ๆ 40 วินาที
KEY
POINTS
- BMHH เปิด "ศูนย์รักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร" ด้วย 3 แนวทาง คือ รู้เร็ว รักษาเร็ว .การรักษาด้วยทีมสหสาขา และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล
- มุ่งเน้นดูแลรักษาคนไข้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และหลากหลาย ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้คนไข้หายขาดมากขึ้น หรือสามารถกลับไปใช้ชีวิตใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่มีภาวะโรคซึมเศร้า
- ใช้นวัตกรรมใหม่ "Esketamine" ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นซึมเศร้าและมีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ซึ่งกลไกการทำงานได้ผลเร็วกว่ายาต้านเศร้าแบบรับประทาน
“โรคซึมเศร้า” ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทุก ๆ 40 วินาที จะมีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุจากโรคซึมเศร้า และคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 โรคซึมเศร้าจะกลายเป็นภาระโรคอันดับหนึ่งของโลก
ขณะที่ ประเทศไทย ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ปี 2567/2568 ระบุว่า มีคนไทยกว่า 1.3 ล้านคนต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้า หรือประมาณ 2% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ทั้งนี้ แม้สถิติผู้ป่วยจะสูง แต่การเข้าถึงการรักษายังคงเป็นความท้าทาย โดยมีผู้ป่วยเพียง ประมาณ 20-30% เท่านั้นที่เข้าถึงบริการสุขภาพจิตได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
วันนี้ (16 กรกฎาคม 2568) Bangkok Mental Health Hospital หรือ BMHH (โรงพยาบาลแบงค็อก เมนทัล เฮลท์) แถลงข่าว Depression Care Hub: จุดเปลี่ยนการดูแลสุขภาพใจแบบองค์รวม พร้อมเปิดตัวศูนย์รักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร (Comprehensive Depression Center) โดยมี พญ.ปวีณา ศรีมโนทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านสุขภาพจิต Bangkok Mental Health Hospital หรือ BMHH เป็นประธานเปิดงาน พร้อมเสวนาโต๊ะกลม: ซึมเศร้า เรายังมีทางออกเสมอ, โรคนี้มีจริงไหม ซึมเศร้ากับเศร้าต่างกันอย่างไร และอนาคตการดูแลจะไปในทิศทางไหน โดย นพ.ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ผู้ใหญ่ ,นพ.ภูมิปภพ สุนศุข จิตแพทย์ผู้ใหญ่ และพญ.ปัทมาพร ทองสุขดี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช็ก!คุณมีภาวะซ่อนความเศร้าหรือไม่ ? วัยทำงาน รักษาซึมเศร้ามากสุด
3 แนวทางรักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร
พญ.ปวีณา กล่าวว่า BMHH เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางที่ดูแลเรื่องสุขภาพจิตให้แก่ทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะคนป่วยเท่านั้น ซึ่งจากการเปิดโรงพยาบาลระยะ 2 ปี พบว่าสังคมไทยมีปัญหาสุขภาพจิตอย่างมาก โดยสถิติคนไข้ที่มีภาวะวิตกกังวล และซึมเศร้าสูงที่สุด ทำให้เห็นว่าปัญหาโรคซึมเศร้ามีจำนวนมากแต่ถูกซ้อนไว้หรือไม่ คนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ไม่ใช่เฉพาะผู้ใหญ่และมาจากความเครียดเท่านั้น แต่เด็กสามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งคนไข้ที่มารักษาโรคซึมเศร้าที่ BMHH มีอายุน้อยสุด 9 ขวบ จึงเป็นที่มาของการเปิด ศูนย์รักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร
พญ.ปวีณา กล่าวต่อไปว่า BMHH มีศักยภาพ และมีความตั้งใจทำให้เป็นศูนย์รักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร เป็นศูนย์ที่ดีที่สุด เพื่อให้คนไข้หายขาดมากขึ้น หรือสามารถกลับไปใช้ชีวิตใกล้เคียงกับผู้ที่ไม่มีภาวะโรคซึมเศร้า โดยยึดหลักการ 3 แนวทาง คือ
1.รู้เร็ว รักษาเร็ว คนไข้ส่วนใหญ่ที่มารักษามักมีอาการมาก ทั้งที่หากรู้เร็ว รักษาเร็วจะทำให้คนไข้มีโอกาสหายขาดมากขึ้น BMHH มีแบบทดสอบที่ทุกคนสามารถเข้ามาทดสอบเพื่อดูว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า หรือเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่
2.การรักษาด้วยทีมสหสาขา เป็นการรวมตัวของทีมงาน จิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก นักดนตรีบำบัด นักศิลปะบำบัด พยาบาล เภสัชกร ที่จะร่วมกันดูแลรักษาคนไข้ ให้ความรู้ และติดตามการดูแลรักษา
3.ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการดูแลรักษา
"BMHH อยากเป็นโรงพยาบาลที่จูงมือคนไข้โรคซึมเศร้าออกจากความมืด หรือภาวะที่พวกเขากำลังเผชิญ"
นวัตกรรมสุดล้ำ รักษาโรคซึมเศร้า
ศูนย์รักษาโรคซึมเศร้าครบวงจร จะดูแลรักษาคนไข้อย่างที่ถูกต้อง ครบถ้วน และหลากหลาย ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และความเข้าใจว่าคนไข้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ทานยาอย่างถูกวิธี และมีทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
นพ.ภูมิปภพ สุนศุข จิตแพทย์ผู้ใหญ่ กล่าวว่าเทคโนโลยีในการดูแลรักษาคนไข้โรคซึมเศร้า มี Deep Transcranial Magnetic Stimulation (dTMS) การรักษาโดยการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิด ลึก เป็นการปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นสมองในตำแหน่งที่มีผลต่อโรคผ่านหมวกอุปกรณ์ที่ผู้ป่วยสวมใส่ที่ศีรษะ ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อให้การกระตุ้นตรงตำแหน่งของสมองมากที่สุด ระหว่างการรักษา เครื่องจะกระตุ้น 2 วินาที และเว้นพัก 20 วินาที และกระตุ้นซ้ำต่อเนื่อง 20-30 นาที โดยปกติแพทย์จะแนะนำให้ทำการกระตุ้นสัปดาห์ละ 5 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 4 สัปดาห์ หากอาการดีขึ้น
การกระตุ้นนี้จะช่วยให้สมองมีการหลั่งสารสื่อประสาทที่ช่วยให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น ข้อดีของเครื่อง TMS มื่อเทียบกับเครื่อง TMS ทั่วไป คือ มีการทดสอบตำแหน่งที่เหมาะสมในการกระตุ้น ทำให้การกระตุ้นตรงจุด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นได้ลึกกว่า รวมทั้งมีความปลอดภัยสูง ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบหรือยาระงับความรู้สึก
Esketamine ยาพ่นจมูกต้านซึมเศร้า
นพ.ณชารินทร์ พิภพทรรศนีย์ จิตแพทย์ผู้ใหญ่ กล่าวว่า คนไข้โรคซึมเศร้ามีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่เข้ารับการดูแลรักษา ซึ่งด้วยภาวะเศรษฐกิจ สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง และความเครียด ส่งผลให้มีจำนวนคนไข้ซึมเศร้ามากขึ้น
ยารักษาภาวะซึมเศร้าแบบใหม่ Esketamine เป็น "ยาพ่นจมูก" ที่ถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในปี 2019 และมีการนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณกลางปี 2567
"BMHH ถือเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในไทยที่มีการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ใช้ในการรักษาคนไข้โรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ประมาณ 10 คนซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนไข้ซึมเศร้าที่รักษาด้วยวิธีการอื่นๆ ไม่ได้ผล เช่น ทานยา2-3 ชนิดขึ้นไป ทำจิตบำบัดมาหลายครั้งก็ไม่ได้ผล และ 2. กลุ่มคนไข้ซึมเศร้าที่มีความคิดหรือพฤติกรรมฆ่าตัวตายร่วมด้วย ซึ่งกลไกการทำงานได้ผลเร็วกว่ายาต้านเศร้าแบบรับประทาน”
กระบวนการทำงานEsketamine ลดเสี่ยงฆ่าตัวตาย
“ภาวะซึมเศร้า” เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ยาต้านเศร้าแบบดั้งเดิมมักใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล และผู้ป่วยบางรายอาจไม่ตอบสนอง แต่ Esketamine (เอสเคตามีน) มีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างโดยเข้าไปยับยั้งตัวรับ NMDA ของสารสื่อประสาทกลูตาเมต ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทกระตุ้นหลักในสมอง
การควบคุมนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและโครงสร้างในสมองหลายประการ เช่น การกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทใหม่และการเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงข่ายประสาทกลไกที่แตกต่างและรวดเร็วกว่านี้ช่วยให้ Esketamine บรรเทาอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใน ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือดื้อยา
จากข้อมูลสถิติคนไทยฆ่าตัวตาย ประมาณ 5,000 คนต่อปี ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมีทั้งคนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้า หรืออาจจะไม่ได้เป็นซึมเศร้า ดังนั้น การยา Esketamine จะใช้เฉพาะคนไข้ที่เป็นซึมเศร้าและมีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย โดยยาดังกล่าวมีการนำมาใช้ในผู้ใหญ่เท่านั้น เด็กไม่สามารถใช้ได้ ขณะเดียวกัน ผลข้างเคียงของผู้ที่ใช้ยา จะมีอาการความดันสูง และมีความรู้สึกว่าจิตหลุดจากตัวเอง เห็นภาพแปลกๆ หรือมองว่าสิ่งรอบตัวไม่จริง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะพบได้บ้าง แต่ไม่บ่อย
เช็กอาการของโรคซึมเศร้า
อาการของโรคซึมเศร้า จะแตกต่างจากความรู้สึกเศร้าโดยทั่วไป โดยจะมีอาการเกือบตลอดทั้งวัน เกือบทุกวันและไม่หายไปใน 2 สัปดาห์ อาการมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยแต่เรื้อรัง (Persistent Depressive Disorder) ไปจนถึงขั้นรุนแรง (Major Depressive Disorder: MDD) โดยสามารถสังเกตตัวเองหรือคนรอบข้างได้ จากอาการที่พบได้บ่อย ดังนี้
- รู้สึกซึมเศร้า หรือกระวนกระวาย
- รู้สึกว่างเปล่า
- สูญเสียความรู้สึกสนุก / มีความสุขในการทำกิจกรรมที่เคยชอบ
- มีความเปลี่ยนแปลงในด้านพฤติกรรมการกิน / ความอยากอาหาร อาจมีการลดหรือเพิ่มของน้ำหนักแบบไม่เหมาะสม
- ความต้องการทางเพศลดลง
- รู้สึกหมดพลังงาน หมดไฟในการทำสิ่งต่าง ๆ
- มีอาการทางกาย เช่น ปวดตำแหน่งต่าง ๆ โดยไม่มีสาเหตุที่ทำให้มีอาการอย่างชัดเจน
- ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง
- มีปัญหาด้านพฤติกรรมการนอนหลับ
- ไม่สามารถจดจ่อกับการทำกิจกรรมใด ๆ ได้ ไม่มีสมาธิ
- ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ แย่ลง
- มีความรู้สึกผิดหรือรู้สึกไร้ค่า
- มีความรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่
BMHH เล็งเห็นความสำคัญในการดูแลรักษา ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เพราะผู้ป่วยโรคนี้หากไม่ได้รับการรักษา สามารถฆ่าตัวตายได้ ดังนั้น ทางโรงพยาบาล BMHH ได้เตรียมพร้อมเปิดศูนย์โรคซึมเศร้าครบวงจร โดยเน้นการรักษาพยาบาลอย่างครบวงจร ตั้งแต่สงสัยว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า รับการตรวจประเมิน การรักษา รวมถึงการติดตามอาการหากหายแล้ว







