ขี้เกียจ ง่วง หงุดหงิด ทำ ‘ฮอร์โมนรวน หมวกไตทำงานผิดปกติ'ได้อย่างไร?

ขี้เกียจ ง่วง หงุดหงิด ทำ ‘ฮอร์โมนรวน หมวกไตทำงานผิดปกติ'ได้อย่างไร?

ตอนนี้ ไม่ใช่เพียงเช้าวันจันทร์ที่หลายๆ คน ไม่อยากลุกจากที่นี้ แต่ทุกวันของการทำงาน การไปเรียนในช่วงเช้า หลายคนอาจรู้สึก ขี้เกียจไม่อยากตื่นเช้า

KEY

POINTS

  • "ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า ง่วงกลางวัน หงุดหงิดง่าย ติดหวาน" พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องปกติ อาจเสี่ยงมีภาวะฮอร์โมนรวน หรือ ภาวะต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ
  • ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติจะมีความเกี่ยวข้องกับความขี้เกียจ เหนื่อยง่าย ง่วงนอน อาการดีขึ้นเมื่อกินของหวาน อารมณ์แปรปรวน เป็นหวัดบ่อย น้ำหนักขึ้นง่าย
  • วิธีรักษาต้องขจัดความเครียด นอนก่อน 4 ทุ่ม นอนให้พออย่างน้อย 6ชั่วโมง ออกกำลังกายเบา รับประทานอาหารเช้าก่อน 10 โมง แบ่งเป็นมื้อย่อย 5-7 มื้อต่อวัน 

ตอนนี้ ไม่ใช่เพียงเช้าวันจันทร์ที่หลายๆ คน ไม่อยากลุกจากที่นอน แต่ทุกวันของการทำงาน การไปเรียนในช่วงเช้า หลายคนอาจรู้สึก ขี้เกียจไม่อยากตื่นเช้า ไม่อยากทำอะไร อยากนอนเฉยๆ พอตื่นเช้าไปทำงาน กลางวันก็ง่วงแสนง่วง หงุดหงิดง่ายเหมือนคนนอนไม่พอ ต้องอัดฉีดคาเฟอีนเข้าร่างกายหรือเติมความหวาน จากขนมหวานแสนอร่อย แต่รู้หรือไม่? พฤติกรรมเหล่านี้ อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องปกติ แสนธรรมดา หรือเป็นนิสัยส่วนตัวอีกต่อไป อาจเสี่ยงเป็นภาวะ “ฮอร์โมนไม่สมดุล” และ “ร่างกายพังแบบไม่รู้ตัว”

"ฮอร์โมน" สารเคมีเล็กๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นจากต่อมไร้ท่อ ต่างมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด! ตั้งแต่ช่วยในการเจริญเติบโต ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก การเผาผลาญ การนอนหลับ ไปจนถึงระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ล้วนแล้วแต่ควบคุมโดยฮอร์โมน ซึ่งหากฮอร์โมนในร่างกายเกิดความไม่สมดุล อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างที่คุณคาดไม่ถึง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

บอร์ดสปสช.ไฟเขียว!อนุมัติงบ 145 ล้าน 'ฮอร์โมนข้ามเพศฟรี 2 หมื่นคน'

ฮอร์โมนอายุยืนยาวคนในเขต'บลูโซน' ที่ไม่เหมือนใครในโลก

รู้จัก "ฮอร์โมน" สารเคมีที่มีอิทธิพลต่อชีวิต

นพ.ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล อายุรแพทย์ แพทย์ผู้ชำนาญการโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อฮอร์โมน (Hormones) โรงพยาบาลวิมุต อธิบายว่า คือ สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกาย เปรียบเสมือน "ผู้ส่งสาร" ที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างประสานกัน โดยฮอร์โมนที่โดดเด่นและมีสำคัญต่อร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น

  • เอสโตรเจน (Estrogen): เป็นฮอร์โมนเพศที่ควบคุมลักษณะทางเพศของผู้หญิง เช่น หน้าอก สะโพก ประจำเดือน การตั้งครรภ์
  • โปรเจสเตอโรน (Progesterone): อีกหนึ่งฮอร์โมนเพศสำคัญของผู้หญิงในการควบคุมรอบเดือน และการตั้งครรภ์
  • เทสโทสเตอโรน (Testosterone): ฮอร์โมนเพศที่ควบคุมลักษณะทางเพศของผู้ชาย เช่น กล้ามเนื้อ หนวดเครา เสียง และความต้องการทางเพศ
  • ไทรอกซิน (T4) และไตรไอโอโดไทโรนีน (T3): ควบคุมระบบเผาผลาญ การเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกาย
  • คอร์ติซอล (Cortisol): ฮอร์โมนความเครียด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และการตอบสนองต่อความเครียด
  • อะดรีนาลีน (Adrenaline): ฮอร์โมนที่หลั่งออกมา เมื่อร่างกายเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ตกใจ กลัว
  • อินซูลิน (Insulin): ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (Growth hormone): กระตุ้นการเจริญเติบโต และพัฒนาการของร่างกาย

ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล คืออะไร?

ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล (Hormone Imbalance) เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายสูง หรือต่ำกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • พันธุกรรม
  • อายุ
  • โรคประจำตัว
  • ความเครียด
  • การใช้ยา
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องระวัง

สัญญาณเตือนภัย อาการฮอร์โมนไม่สมดุล

อาการของฮอร์โมนไม่สมดุลนั้นจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุและเพศ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในผู้ชายและผู้หญิง จะมีอาการแตกต่างกัน ดังนี้

อาการของฮอร์โมนไม่สมดุลในผู้หญิง

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น มาน้อย มามาก มาไม่สม่ำเสมอ ปวดประจำเดือนรุนแรง
  • มีบุตรยาก
  • เป็นสิว โดยเฉพาะสิวฮอร์โมนที่มักขึ้นบริเวณคางและแนวกราม
  • ผิวแห้ง ผมร่วง เล็บเปราะ
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ซึมเศร้า
  • น้ำหนักขึ้น โดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง
  • ช่องคลอดแห้ง
  • ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน

อาการของฮอร์โมนไม่สมดุลในผู้ชาย

  • สมรรถภาพทางเพศลดลง
  • กล้ามเนื้อลีบ
  • เหนื่อยง่าย
  • อารมณ์แปรปรวน
  • นอนไม่หลับ
  • น้ำหนักขึ้น
  • เต้านมโต

ฮอร์โมนไม่สมดุลปล่อยไว้... อันตรายกว่าที่คิด!

หากปล่อยให้ฮอร์โมนไม่สมดุล โดยไม่ทำการรักษาเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่โรคต่างๆ ได้ เช่น

  • เบาหวาน
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคอ้วน
  • ภาวะซึมเศร้า
  • โรคไทรอยด์
  • โรคกระดูกพรุน
  • มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

เสี่ยงต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติภาวะที่หลายๆคนอาจไม่รู้จัก

นอกจากภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลแล้ว ยังเสี่ยงมีภาวะหมวกไตทำงานผิดปกติร่วมด้วย ซึ่งต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ เป็นภาวะที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยรู้จักหรือคุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ว่าพบได้ค่อนข้างบ่อยในบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย 

ต่อมหมวกไต อวัยวะที่ทำหน้าที่สำคัญที่หลาย ๆ คนมักจะไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ ซึ่งหน้าที่ของต่อมหมวกไตก็คือการผลิตฮอร์โมน 3 ชนิด ซึ่งได้แก่

  • ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่มีหน้าที่กำจัดความเครียดและสร้างพลังงานให้ร่างกาย แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายมีความเครียดสะสมเรื้อรัง หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ระดับฮอร์โมนชนิดนี้จะสูงขึ้นและส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพและแก่เร็ว หรือถ้าระดับฮอร์โมนต่ำเกินไป ก็อาจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้
  • ฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน (Aldosterone) มีหน้าที่ช่วยควบคุมสมดุลของแร่ธาตุโซเดียมและโปแตสเซียมในร่างกาย
  • ฮอร์โมนดีเอชอีเอ (DHEA, Dehydroepiandosterone) มีหน้าที่ต้านความเครียด เพิ่มความแข็งแรง และชะลอความเสื่อมให้ร่างกาย

พฤติกรรม เพิ่มความเสี่ยง “ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ"

ลองตรวจเช็คตัวคุณว่ามีอาการเช่นนี้บ่อยครั้งหรือไม่ หากมีอาการเช่นนี้บ่อยครั้ง นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล และภาวะหมวกไตทำงานผิดปกติ

  • ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อยากนอนตอนกลางวัน
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
  • ชอบทานของหวาน น้ำตาล
  • อาการดีขึ้นเมื่อกินของหวาน
  • ติดกาแฟ
  • ชอบกินเค็ม
  • หน้ามืดวิงเวียน เวลาลุกนั่งเปลี่ยนท่า
  • ผิวแห้ง หมองคล้ำ
  • อารมณ์แปรปรวนง่าย
  • โรคภูมิแพ้ ผื่นแพ้ง่าย
  • เป็นหวัดบ่อย
  • น้ำหนักขึ้นง่าย

วิธีการรักษาภาวะหมวกไตทำงานผิดปกติ

  • ขจัดความเครียด

ความเครียด เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหมวกไตล้า การรักษาภาวะหมวกไตล้า จึงต้องเริ่มต้นจากการรักษาที่ต้นเหตุ นั่นคือ กำจัดความเครียดให้หมดไป รู้จักวิธีการคลายความเครียด

  • ตรวจหาภูมิแพ้อาหารแบบแอบแฝง

เชื่อหรือไม่ว่า “ภูมิแพ้อาหาร” นั้นสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณได้มากมาย ไม่ใช่เพียงแค่อาการแพ้เกิดผดผื่น อาการบวม แดง คัน อย่างที่เราเห็นกันบ่อยครั้งเพียงเท่านั้น

  • นอนให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง

การนอนคือการพักผ่อนให้ดีที่สุด อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมงนะคะ

  • ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม 

เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

  • นอนราบระหว่างวัน เมื่อรู้สึกเพลีย

เมื่อรู้สึกเพลีย อย่าฝืนตัวเอง เพราะต่อให้ฝืนตัวเองต่อไปก็ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แถมยังทำให้คุณไม่สามารถเรียนหรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย ควรนอนราบเป็นการพักผ่อน

  • ออกกำลังกายแบบเบา ๆ เพื่อความเพลิดเพลิน

เช่น โยคะ เดิน เป็นต้น เนื่องจากหากเราออกกำลังกายหนักเกินไป จะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนได้

  • รับประทานอาหารเช้าก่อน 10 โมง

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรเลือกอาหารที่สด สะอาด เลือกอาหารประเภทไขมันที่เป็นไขมันชนิดดี และคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใย

  • ควรแบ่งเป็นมื้อย่อย 5-7 มื้อต่อวัน

ในคนที่มีภาวะต่อมหมวดไตล้า ควรแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อย เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกาย

  • สารเสริมอาหารบางชนิด 

สำหรับคนที่รับประทานอาหารแล้วได้รับสารอาหารไม่เพียงพอกับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ หรือมีภาวะที่ขาดสารอาหารบางชนิด อาจต้องรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติมตามที่แพทย์สั่งปรึกษาแพทย์ 

หากคุณมีอาการรุนแรง เรื้อรัง หรือ ต้องการรับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อความแน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี และ เหมาะสำหรับตัวคุณมากที่สุด

อ้างอิง: โรงพยาบาลวิมุต ,โรงพยาบาลนครธน