พุงป่อง ‘ท้องอืด’ ไม่ใช่อิ่ม กินเยอะ อาจเพราะ ‘ภูมิแพ้แฝง’

พุงป่อง มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ไม่สบายตัว อาจไม่ใช่เพราะอิ่มจากอาหารที่ทาน เกิดขึ้นได้จาก “ภูมิแพ้แฝง”ด้วย
อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ไม่สบายตัวหลังรับประทานอาหาร เป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคย และมักถูกมองข้ามว่าเป็นเพียงเรื่องปกติของการกินมากเกินไป หรืออาหารไม่ย่อย
แต่สำหรับบางราย อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายถึงภาวะที่เรียบง่ายแต่ซับซ้อนกว่า นั่นคือ "ภูมิแพ้อาหารแฝง"(Food Intolerance) หรือภูมิแพ้แฝง ที่แตกต่างจากภูมิแพ้อาหารเฉียบพลันอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ภูมิแพ้แฝงคืออะไร? ทำไมถึงทำให้ท้องอืด?
คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ “ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy)” เป็นอย่างดี เพราะจะแสดงอาการรวดเร็ว รุนแรง อาจเกิดขึ้นเพียงระบบเดียวหรือหลายระบบก็ได้และค่อนข้างรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่น ผื่นขึ้น ปากบวม อาเจียน ท้องเสีย หรือเกิดภาวะช็อก หายใจติดขัด แน่นหน้าอก หอบ ซึ่งอาการรุนแรงอย่างหลังจำเป็นต้องรีบพบแพทย์ทันที
เนื่องจากเมื่อร่างกายรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไปเพียงเล็กน้อย จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดีชนิด IgE ให้ทำงานเกินกว่าปกติ โดยร่างกายจะเข้าใจผิดว่าสิ่งที่รับประทานเข้าไปเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงเกิดปฏิกิริยาแบบเฉียบพลันทันที โดยอาการมักเกิดภายใน 2-30 นาทีและไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ขณะที่ภูมิแพ้อาหารแฝง พญ.รุ้งทิวา พุฒิพิทยาธร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงราย อธิบายไว้ว่า ภูมิแพ้อาหารแฝง คือภาวะที่ไม่สามารถย่อยอาหารหรือเมตาบอไลท์องค์ประกอบของอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโรคที่มาจากปฏิกริยาที่เกิดจากอาหาร
ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ลำไส้และร่างกาย พบได้ประมาณ 15 – 20 % ของประชากรและพบมากขึ้นในกลุ่มโรคลำไส้แปรปรวน โดย 50 – 80 % ในกลุ่มนี้อาการจะเป็นมากขึ้นสัมพันธ์กับอาหารที่ทานไม่ได้
อาการ จะพบอาการทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ท้องอืด มีลมแก๊สในทางเดินอาหาร ปวดท้อง ท้องเสีย และระบบอื่นๆทางร่างกายโดยสัมพันธ์กับปริมาณอาหารในกลุ่มที่ไม่สามารถย่อยได้ที่ทานเข้าไป ถ้ายังทานมากอาการจะยิ่งรุนแรง
ตัวอย่างลักษณะกลุ่มโรคที่เป็นภูมิแพ้อาหารแฝง
1.ภาวะย่อยนมวัวไม่ได้ (Lactose Intolerance) คนไข้จะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย หลังทานผลิตภัณฑ์ที่มีนมวัวเป็นส่วนประกอบ
2.ภาวะย่อยฟรักโทสไม่ได้ โดยน้ำตาลฟรักโทสพบในผลไม้รสหวาน คนไข้จะมีอาการทางเดินอาหารหลังทานผลไม้
3.ภาวะย่อยแอลกอฮอล์ไม่ได้ (Alcohol Dehydrogenase Deficiency) คนไข้จะมีอาการหน้าแดง ตัวแดง ร้อนตามตัวหลังดื่มสุรา
4.ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD Deficiency) จะมีเม็ดเลือดแดงแตก จากการทานอาหารประเภทถั่วปากอ้า ไวน์แดง บลูเบอร์รี่ ถั่วเหลือง ถั่วเปลือกอ่อน
5.Intolerance of Short Chain Fermentable Carbohydrate คือไม่สามารถย่อยอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีการดูดซึมในลำไส้ได้น้อย และมักอุดมไปด้วยน้ำตาลจากธรรมชาติสูง (Fermentable Oligosaccharides Disaccharides Monosaccharide and Polyols; FODMAPS) คนไข้จะมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ท้องเสีย หลังทานอาหารในกลุ่มนี้
6.ไมเกรน (Migraine) สามารถถูกกระตุ้นได้หลังทานอาหารกลุ่ม High Biogenic Amine เช่น แอลกอฮอล์, ช็อกโกแล็ต, ชีส, ผงชูรส, แอสปาแตม, คาเฟอีน, ถั่ว และอาหารที่มีส่วนผสมของไนไตรท์
7.กลุ่มอาการ Mast Cell ถูกกระตุ้นโดยอาการจะเกิดขึ้นหลังทานอาหารประเภท เผ็ด อาหารแปรรูป อาหารที่ผ่านการถนอมอาหาร แอลกอฮอล์ โดยคนไข้จะมีอาการหน้าแดง ตัวแดง คัน ผื่นขึ้น ท้องเสีย ปวดท้อง
อาการที่บ่งบอกว่าอาจมีภูมิแพ้อาหารแฝง
นอกเหนือจากอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องหลังรับประทานอาหารแล้ว ภูมิแพ้อาหารแฝงยังสามารถแสดงออกผ่านอาการอื่นๆได้อีกด้วย เช่น
- ระบบทางเดินอาหาร ท้องผูก ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน จุกเสียดท้อง มีแก๊สมาก
- ผิวหนัง สิวอักเสบ ผิวแห้ง ผิวบวม ผื่นคัน ลมพิษ ผื่นแดงตามร่างกาย
- ระบบทางเดินหายใจ ไอเรื้อรัง จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ไซนัสอักเสบ หอบหืด
- ระบบกระดูกและข้อต่อ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ
- ระบบประสาท ปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรน
- อาการอื่น ๆ นอนไม่หลับ ไม่สบายตัว อ่อนเพลีย น้ำหนักเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ ขอบตาดำ
อาหารที่พบบ่อยว่าภูมิแพ้อาหารแฝง
อาหารทุกชนิดสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้อาหารแฝงได้ ตัวอย่างอาหารที่มักจะถูกพบว่าเป็นสาเหตุของภูมิแพ้อาหารแฝง ได้แก่
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม ชีส โยเกิร์ต เนย ครีม เวย์โปรตีน
- ธัญพืชที่มีกลูเตน ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต
- ไข่ ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทา
- ถั่วเปลือกแข็ง อัลมอนด์ วอลนัท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ
- ถั่วเมล็ด ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว ถั่วแดง
- เนื้อสัตว์ เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแกะ
- อาหารทะเล กุ้ง ปู ปลา หอย
- ผัก มะเขือเทศ พริก แครอท มันฝรั่ง
- ผลไม้ ส้ม สตรอเบอร์รี่ กีวี่ สับปะรด
- เครื่องเทศ พริกไทย ขิง ข่า กระเทียม
- เครื่องดื่ม กาแฟ ชา ไวน์ เบียร์
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีภูมิแพ้อาหารแฝง?
การวินิจฉัยภูมิแพ้อาหารแฝงทำได้ยากกว่าภูมิแพ้อาหาร เนื่องจากอาการมักไม่รุนแรงและไม่แสดงผลทันทีหลังกินอาหาร แต่มีหลายวิธีที่สามารถช่วยระบุตัวการได้
1. บันทึกพฤติกรรมการกินและอาการ จดบันทึกอาหารที่รับประทานในแต่ละวันและอาการที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด จะช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างอาหารและอาการ
2.การงดอาหารและทดลองกลับมารับประทาน เป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดี โดยการงดอาหารต้องสงสัยทีละชนิดเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ จากนั้นค่อยๆ ทดลองกลับมารับประทานทีละน้อย เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย
3.การตรวจเลือดหาภูมิต้านทาน IgG หากภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสารอาหารที่ทดสอบชนิดใด ก็สามารถบอกได้ว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะแพ้อาหารแฝงชนิดนั้นๆ สามารถรู้ได้ถึง 222 ชนิดในการตรวจครั้งเดียว ต้องรอผลวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการประมาณ 7 วัน
การจัดการกับภูมิแพ้อาหารแฝง
พญ.กานต์พิชชา พตั่งฮวดพาเจริญ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 3 ให้ข้อมูลเรื่อง ท้องอืด ผื่นขึ้นบ่อย หรือเพราะ “แพ้อาหารแฝง” ไม่รู้ตัวไว้ว่า แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้อย่างน้อยประมาณ 6 เดือน เช่น หากแพ้ข้าวเจ้า ก็อาจหันไปทานลูกเดือยทดแทน รวมกับการบำรุงร่างกายด้วยการอาหารที่ช่วยทำให้ระบบลำไส้แข็งแรง อย่างกลูตามีน แมกนีเซียม และโปรไบโอติก นั่นเอง
หลังจากเว้นระยะการงดทานสิ่งที่แพ้ไปแล้ว 6 เดือน ก็สามารถกลับมาทานอาหารที่แพ้ได้อีกครั้ง แต่ต้องไม่ลืมว่า แม้กลับมาทานได้ก็มีโอกาสแพ้ได้อีก และสิ่งที่ไม่เคยแพ้ก็มีโอกาสแพ้ได้ในอนาคต ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ ในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้อาหารแฝงขึ้นได้
อ้างอิง : รพ.นครธน , N Health , รพ.พญาไท , รพ.กรุงเทพเชียงราย