รอดจากโรคสมองอย่างไร | อาหารสมอง

รอดจากโรคสมองอย่างไร | อาหารสมอง

ในแต่ละวันเรามักได้ยินเรื่องว่าทำอย่างไรจึงจะมีสุขภาพดี จนรู้สึกเอือมและสับสนเพราะมันซ้ำไปซ้ำมาและเราก็ทำบ้างไม่ทำบ้างอย่างไม่รู้ว่าอะไรสำคัญมากสำคัญน้อย

ผมได้พบข้อเขียนจากสื่อต่างประเทศที่เชื่อถือได้และน่าสนใจ เพราะแนะนำว่าควรเปลี่ยนสไตล์การดำรงชีวิตในลักษณะใด ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย 3 โรคสำคัญได้ในเวลาเดียวกัน

โรคสำคัญ 3 โรค คือ โรคหลอดเลือดสมอง (สโตรก หรือ stroke) โรคซึมเศร้าในวัยสูงอายุและโรคสมองเสื่อม (Dementia ซึ่งอัลไซเมอร์ (Alzheimer) เป็นส่วนหนึ่ง ) ศึกษาโดย Brian Care Labs ที่โรงพยาบาล Massachusetts General นำทีมโดย Dr.Sanjula Singh ปรากฏในหนังสือพิมพ์ New York Time เมื่อไม่นานมานี้

งานศึกษาล่าสุดชิ้นนี้อยู่ในประเภทที่เรียกว่า Meta Analysis (คือการนำผลจากงานวิจัยจำนวนมากที่ขัดแย้งและสนับสนุนกันมาสรุปว่า แท้จริงแล้ววิธีศึกษาวิจัยของงานเหล่านี้มีอะไรที่ถูกต้องและบกพร่องจนสามารถเอามาสรุปได้ในที่สุด)

โดยพิจารณางานวิจัย 59 ชิ้น และพบว่ามีอยู่หลายปัจจัยที่ซ้อนกันอยู่ อันมีผลต่อความเสี่ยงในการป่วยไข้ 3 โรคดังกล่าว เเละพบว่าการเปลี่ยนแปลงในสไตล์การดำรงชีวิตบางประการ สามารถนำไปสู่การลดลงของความเสี่ยงป่วยเป็น 3 โรคนี้ได้ในเวลาเดียวกัน

ในขั้นต้นพบว่า 3 โรคนี้มีความสัมพันธ์กัน คนที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคสมองเสื่อมหรือมีประสบการณ์จากสโตรก สุดท้ายมักมีโอกาสเป็นอีกโรคหรือสองโรคด้วย เนื่องจากทั้งสามโรคเป็นผลมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลอดเลือดเล็กในสมอง และสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งของสามโรคนี้มาจากการมีความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน 

งานวิจัยพบว่าไม่ต่ำกว่า 60% ของโรคสโตรก 40% ของโรคสมองเสื่อมและ 35% ของโรคซึมเศร้าในวัยสูงอายุ สามารถป้องกันได้ หรือทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายช้าลงได้หากควบคุมปัจจัยเสี่ยง ตัวเลขนี้สำคัญเพราะมันสะท้อนการลดลงของความเสี่ยงจากการเป็นบุคคลที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้ และมันมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไม่มาก แต่มีผลกระทบกว้างไกล 

งานศึกษานี้ระบุ 6 ปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการป่วย 3 โรคสมอง (1) ดื่มแอลกอฮอล์ระดับน้อยถึงปานกลาง (น้อยกว่าหนึ่งเบียร์ขวดเล็กต่อวัน) (2) กระตุ้นสมองสม่ำเสมอ เช่น การอ่าน คิดเลข (3) อาหารอุดมด้วยผัก ผลไม้ ปลาและถั่ว (4) มีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงสูง (5) มีเป้าหมายในชีวิต (6) มีปฏิสัมพันธ์กับสังคม

เมื่อมองด้านการป้องกัน หรือการลดความเสี่ยงแล้ว ลองมาดูด้านสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นสามโรคนี้บ้างเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น งานศึกษาระบุ 13 นิสัยและพฤติกรรมด้านสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยง (1) ความดันโลหิตสูง (2) Body Mass Index (BMI) หรือมีน้ำหนักที่ไม่สมดุลกับความสูง กล่าวก็คือมีระดับความอ้วนเกินปกติ (3) ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (4) ระดับคอเลสเตอรอลสูง (5) มีอาการโรคซึมเศร้า

(6) อาหารอุดมด้วยเนื้อแดง เครื่องดื่มหวาน ลูกกวาด ขนมหวาน และเกลือ (7) สูญเสียการ ได้ยิน (8) มีโรคไต (9) มีความเจ็บปวด ซึ่งไปขวางกั้นการมีกิจกรรมทางกาย (10) มีปัญหาการนอนหลับ (นอนไม่หลับ หรือมีคุณภาพการหลับไม่ดี) หรือนอนเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน (11) มีประวัติของการสูบบุหรี่ (11) มีความเหงาหรือตัดขาดจากสังคม (13) มีความเครียดในชีวิตประจำวัน

งานศึกษามิได้พิสูจน์ว่าอะไรเป็นสาเหตุของ 3 โรคนี้โดยตรง เพียงแต่ชี้ให้เห็นปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยง แพทย์ผู้วิจัยตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมากมายเพื่อหลีกหนีทั้ง 13 ปัจจัยข้างต้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จึงแนะนำให้มองว่ามันเป็นเมนูให้เลือก จงเลือกสักตัวหนึ่งและเดินหน้าทีละขั้นๆ ต่อไป

 

อย่างไรก็ดี ผู้วิจัยเสนอแนะว่ามีปัจจัยความเสี่ยงบางตัวที่มีผลกว้างไกล ซึ่งควรให้ความสนใจ (ผู้วิจัยดูจะเกรงใจคนอ่านอยู่ไม่น้อย) ตัวแรก คือลดความดันโลหิต ผู้วิจัยพบว่าความดันโลหิตสูงเป็นความเสี่ยงที่สูงสุดในการพัฒนา 3 โรคนี้ของบุคคลโดยทั่วไป สำหรับโรคสโตรกคนมีความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงถึงเกือบ 3 เท่าของคนมีความดันโลหิตปกติ

การควบคุมความดันโลหิตให้ลดลง จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพราะมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของสมอง โดยควรเริ่มต้นจากกินเค็มน้อยลง ออกกำลังกายมากขึ้นและลดน้ำหนัก สำหรับหลายคนแค่นี้ยังไม่พอต้องกินยาลดความดันประกอบด้วย

ตัวที่สอง คือ มีกิจกรรมทางกายและทางสมองสม่ำเสมอ กิจกรรมทางกายหรือออกกำลังกายระดับปานกลาง (การเดิน) หรือระดับสูง (วิ่ง ว่ายน้ำออกกำลังที่เข้มข้น) เป็นสิ่งจำเป็น เช่นเดียวกับกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับการใช้สมองที่สำคัญต่อการป้องกันโรคสมองเสื่อมอย่างมาก (ลดการเสี่ยงได้ถึง 40%) เช่น การอ่าน การพบปะมีสังคมกับผู้คน เล่นเกม)

ตัวที่สาม พยายามลดปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย โดยเปลี่ยนแปลงสไตล์การดำรงชีวิตและพฤติกรรม เวลาที่เหมาะสมของการปรับเปลี่ยนคือ วัยกลางคนมิใช่วัยสูงอายุ เพราะการป้องกันโรคแต่เนิ่นๆ เป็นผลดีต่อผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคเหล่านี้ ซึ่งอาจมาจากพันธุกรรม การดูแลสมองอย่างดีช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงและทำให้พัฒนาการของโรคเป็นไปอย่างช้าขึ้น

กล่าวโดยสรุปในเรื่องสุขภาวะของสมองนั้น มีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่ง 3 สิ่งสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษก็คือ (1) ระดับความดันโลหิต (2) กิจกรรมทางกายและสมอง และ (3) การลดความเสี่ยงด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตั้งแต่อยู่ในวัยกลางคน นอกจากนี้ระดับน้ำตาลเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม เพราะจะนำไปสู่โรคเบาหวานที่ส่งผลกระทบต่อหลากหลายโรคเเละส่งผลสะท้อนไปยังโรคทางสมองอีกต่อหนึ่ง