“หัวใจสลาย” โรคจริงที่ผู้ชายเสี่ยงตายมากกว่าผู้หญิง!

“หัวใจสลาย” ไม่ได้เป็นแค่คำเปรียบเปรย แต่คือโรคจริงที่มีชื่อทางการแพทย์ และอันตรายถึงชีวิตได้ งานวิจัยพบว่า “ผู้ชาย” มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า “ผู้หญิง” ถึงเท่าตัว
รู้หรือไม่ว่า “หัวใจสลาย” เป็นชื่อของภาวะการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับ “หัวใจ” ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ และไม่ได้เกิดจาก “รักคุด” อย่างเดียวด้วย
กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านไปไขคำตอบว่า ทำไมผู้ชายถึงเสี่ยงเสียชีวิตจากโรคนี้มากกว่าผู้หญิง แล้วจะสามารถป้องกันอย่างไรได้บ้าง
อาการ “หัวใจสลาย” คืออะไร?
ภาวะ “หัวใจสลาย” หรือ Broken Heart Syndrome มีชื่อจริงๆ ทางการแพทย์ คือ Takotsubo Cardiomyopathy
โรคนี้เกิดจาก “ความเครียดรุนแรง” จนทำให้หัวใจบางส่วน หดตัวผิดปกติ คล้ายกับตอนที่หัวใจโดนบีบแรงๆ แบบไม่ได้ตั้งตัว
ที่สำคัญคือ มันไม่ใช่โรคหัวใจวายแบบเส้นเลือดอุดตัน แต่คนที่เป็นจะรู้สึกเและมีอาการคล้ายๆกัน เช่น เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก และ หายใจไม่ค่อยออก
ใครมีความเสี่ยงมากกว่า?
ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย แต่เรื่องน่าตกใจก็คือ ผู้ชายที่เป็นโรคนี้กลับมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า
มีงานวิจัยในสหรัฐ โดยศึกษาข้อมูลของผู้ป่วยกว่า 200,000 คนในอเมริกา พบว่าผู้ชาย 11% ที่เป็นโรคนี้เสียชีวิต เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่เสียชีวิตเพียงแค่ 5%
แสดงให้เห็นว่า แม้ผู้หญิงจะมีโอกาสหัวใจสลายบ่อยกว่า แต่ผู้ชายกลับรับมือกับมันได้น้อยกว่า
ทำไมผู้ชายถึงเสี่ยงร้ายแรงกว่า?
นักวิจัยพบว่า สิ่งที่กระตุ้นโรคหัวใจสลายในผู้ชายกับผู้หญิงนั้นต่างกัน
ในผู้หญิง ตัวจุดชนวนมักมาจาก “ความรู้สึก” เช่น เสียคนรัก ตกงาน ความผิดหวังทางอารมณ์ หรือเรื่องอื่นๆที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรง
ในขณะที่ผู้ชายสิ่งกระตุ้นกลับมาจาก “ร่างกาย” เช่น การผ่าตัดใหญ่ โรคหลอดเลือดสมอง หรือเหตุการณ์ที่ทำให้ร่างกายเกิดความเครียด จึงมีผลกระทบต่อหัวใจได้มากกว่านั่นเอง
โดยเหตุผลสำคัญคือ ผู้ชายมักจะฟื้นตัวช้ากว่าผู้หญิงจากโรคหัวใจสลาย เพราะขาดการซัพพอร์ตทางใจ
ผู้ชายหลายคนไม่มีพื้นที่ให้ระบาย ไม่ค่อยพูดถึงความรู้สึกตัวเอง และไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ความเครียดเลยไม่สลายไปไหน และยังคงกัดกินหัวใจอย่างเงียบๆ ต่อไปเรื่อยๆ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคหัวใจสลาย?
อาการของโรคนี้มักจะคล้ายกับอาการหัวใจวาย เช่น เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก เหนื่อยแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอาจไม่ได้ออกแรงทำอะไรให้รู้สึกเหนื่อยเลย
เมื่อสองโรคนี้มีอาการที่คล้ายกันมาก ผู้ป่วยจึงไม่สามารถวินิจฉัยเองได้ ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด แต่ก็ไม่ควรปล่อยผ่านด้วยความคิดว่า “แค่เครียด เดี๋ยวก็หาย” เพราะบางครั้งสิ่งที่หัวใจกำลังแสดงออก อาจเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือครั้งสำคัญก็ได้
โรคหัวใจสลายรักษาอย่างไร?
ในตอนนี้ยังไม่มีตัวยาหรือวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับโรคหัวใจสลาย แพทย์มักจะให้ยารักษาหัวใจทั่วไปเพื่อพยุงอาการ และจะเน้นให้ผู้ป่วยจัดการกับความเครียดเป็นหลัก เช่น พูดคุยกับนักจิตวิทยา ฝึกสมาธิ หรือแค่มีใครสักคนอยู่ข้างๆ ที่คอยรับฟังและเข้าใจ ก็อาจช่วยให้หัวใจกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้นกว่าที่คิด
งานวิจัยนี้มาจากไหน?
งานวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ใน Journal of the American Heart Association เมื่อปี 2024 โดยนักวิจัย
นำโดย Dr. Mohammad Movahed แพทย์โรคหัวใจจาก University of Arizona Sarver Heart Center สหรัฐอเมริกา
มีจุดประสงค์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากผู้ป่วยในสหรัฐฯ ที่เข้ารักษาด้วยโรค Takotsubo Cardiomyopathy หรือ “โรคหัวใจสลาย” ระหว่างปี 2016–2020 โดยใช้ฐานข้อมูล Nationwide Inpatient Sample (NIS)
ทีมวิจัยต้องการรู้ว่า:
- โรคนี้มีอัตราเกิดมากน้อยแค่ไหนในแต่ละปี
- ใครมีความเสี่ยงมากที่สุด
- และโรคนี้ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิตมากน้อยเพียงใด
ผลลัพธ์ที่ได้ จึงกลายเป็นข้อเตือนใจว่า แม้โรคนี้จะดูเหมือนเป็นการแสดงทาง “อารมณ์” มากกว่า “อาการ” แต่มันสามารถพรากชีวิตคนไปได้จริง โดยเฉพาะในผู้ชาย และในคนที่ไม่มีที่พึ่งทางจิตใจที่ดีพอ
บางครั้งคำว่า “ใจพัง” อาจไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย อย่ามองข้ามสัญญาณจากร่างกาย และอย่าปล่อยให้คำว่า “แค่เครียด” มาทำร้ายคุณนานเกินไป
อ้างอิง nbcnews ,ahajournals







