ทำไม?คนนอนน้อยถึงเสี่ยง เช็กสัญญาณ 'สมองขาดเลือด' อัมพาต

ทุกคนต่างทราบดีว่า "การนอน" มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพย่อมสำคัญกว่า โดยการนอนกินเวลาถึง 1 ใน 3 ของชีวิตคนเรา
KEY
POINTS
- การนอนหลับสั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระของโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม การงีบหลับ (1–60 นาที) อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ
- อดนอนเรื้อรังส่งผลต่อการทำงานสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองตีบ กระบวนการเรียนรู้ช้าลง หลับกลางอากาศหรือหลับใน และเกิดอาการทางจิต
- การนอนให้พอเพียง อาจจะใช้เวลานอนให้มากกว่าปกติในวันก่อนที่รู้ว่าจะต้องอดนอน และเมื่ออดนอนมาแล้วก็ควรหาเวลานอนชดใช้ให้มากพอ
ทุกคนต่างทราบดีว่า "การนอน" มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่การนอนหลับที่มีประสิทธิภาพย่อมสำคัญกว่า โดยการนอนกินเวลาถึง 1 ใน 3 ของชีวิตคนเรา แต่หลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการนอน ทั้งที่จริงๆ แล้วการนอนสำคัญกับชีวิตและสุขภาพของคนเราอย่างมาก
การนอนที่มีประสิทธิภาพ ควรนอนประมาณ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะในขณะที่เราหลับนั้น ร่างกายจะสามารถปรับสมดุล ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้พัฒนากระบวนการต่าง ๆ ที่สำคัญได้อย่างเต็มที่ และการนอนยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ซึ่งหากอดนอนหรือนอนไม่หลับ หรือนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน สะสมไปเรื่อยๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ
แพทย์ด้านระบบประสาทของ Baystate Health ดร. คาริน จี.จอห์นสัน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของBaystate Health Regional Sleep Program และประธานฝ่ายการนอนหลับของAmerican Academy of Neurologyซึ่งทำการวิจัยเกี่ยวกับการนอนหลับด้วยตนเอง เห็นด้วยกับผลการวิจัยที่เคยระบุไว้ในงานวิจัยก่อนหน้านี้ด้วย
ดร. จอห์นสัน กล่าวว่าเมื่อผู้ป่วยมาพบเธอเพื่อตรวจอาการผิดปกติของการนอนหลับเธออธิบายให้ผู้ป่วยฟังว่าอันตรายจากการนอนหลับไม่เพียงพอหรือการนอนหลับไม่เพียงพออาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองรวมถึงปัญหาสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ เช่นความดันโลหิตสูง เบาหวานโรคหัวใจโรคไต โรคอ้วน และภาวะซึมเศร้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'นอนละเมอ' อันตรายกว่าที่คิด เรื่องใกล้ตัวที่ควรเร่งรักษา
80%แพทย์มีปัญหาการนอน เกินครึ่งหยุดหายใจขณะหลับ 15 ครั้ง/ชั่วโมง
นอนน้อยกว่า 6 ชม.เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง-อัมพาต
ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท โพสต์ข้อมูลผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก “สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์” โดยระบุดังนี้
"ใครนอนน้อยกว่า 6 ชม. แต่ไม่งีบกลางวัน เสี่ยงอัมพาต 82%"
การนอนน้อย กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม การศึกษานี้พบว่า การนอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุ 45 – 65 ปี และผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นดังนี้
- นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน → ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 65% (HR = 1.65)
- นอนรวมน้อยกว่า 7 ชั่วโมงวัน → ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 62% (HR = 1.62)
- นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง + ไม่นอนกลางวัน → ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 82% (HR = 1.82)
ข้อสรุป:
- การนอนหลับสั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงอิสระของโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม
- การงีบหลับ (1–60 นาที) อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ
การดูแลสุขภาพการนอน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง!
ถ้านอนไม่หลับจะเกิดอะไรขึ้นกับสมอง?
- ความจำสั้นและไม่มีสมาธิ สมองจะจัดการกับความทรงจำขณะหลับ โดยโอนถ่ายความทรงจำระยะสั้นเข้าสู่สมองส่วนที่เก็บความทรงจำระยะยาว ทำให้เราจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี หากเราอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้สมองไม่สามารถรับความทรงจำใหม่ได้นอกจากนี้ยังทำให้ไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งรอบตัว
- สมองไม่สามารถกำจัดสารพิษที่ตกค้างได้ ปกติสมองจะกำจัดสารพิษตกค้างในสมองออกทุกคืนที่เรานอนหลับ และหนึ่งในสารพิษที่ถูกกำจัดออกไปนั้นก็คือ บีตา แอมีลอยด์ (Beta Amyloid) โปรตีนที่เป็นพิษต่อร่างกายและยังเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์
- เสี่ยงเกิดเส้นเลือดอุดตันในสมอง จากผลการศึกษาพบว่าหากเรานอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงเกิดภาวะหลอดเลือดสมองอุดตันมากขึ้นถึง 4.5 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่นอนหลับ 7-8 ชั่วโมง เนื่องจากสมองไม่สามารถกำจัดของเสียที่ตกค้างได้หมด
- ง่วงอยู่ตลอดเวลา ทุกเซลล์ในร่างกายทำงานตลอดเวลาขณะที่เราตื่น ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานอยู่ตลอด และหนึ่งในสารที่ร่างกายสร้างขึ้นขณะใช้พลังงานก็คือสารอะดีโนซีน (Adenosine) ยิ่งสมองสะสมสารอะดีโนซีนมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งง่วงมากขึ้นเท่านั้น และหากไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอแล้วอาจจะทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย
ผลของการอดนอนจะเกิดไรขึ้นกับร่างกาย
เราถูกสอนกันมานานแล้วว่าคนเราต้องนอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ข้อมูลปัจจุบันพบว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่ต้องนอนให้ถึง 8 ชั่วโมงก็ได้ แต่ต้องเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพเพียงพอ
สังเกตตัวเองว่านอนหลับเพียงพอไหม
- เมื่อตื่นมาตอนเช้า รู้สึกยังไม่สดชื่น อยากจะนอนต่อไปอีก
- ในระหว่างวัน มีอาการง่วงเหงาหาวนอนอยู่เรื่อย ๆ
- ถ้ามีโอกาสได้นอนในตอนกลางวันอาจหลับไปภายในเวลา 5 นาทีเท่านั้น
การนอนไม่พอมีผลต่อร่างกายอย่างแน่นอน ถ้านอนน้อยไปเพียง 1 วันอาจไม่เห็นผลกระทบที่รุนแรงนัก อย่างมากก็แค่ง่วงซึมบ้างในช่วงกลางวัน แต่พอตกกลางคืนเมื่อได้นอนอย่างเต็มอิ่มอีกครั้ง ร่างกายจะฟื้นตัวกลับมาสดชื่นได้อีกในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้ายังคงอดนอนต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งเห็นผลกระทบชัดเจนขึ้น
ร่างกายอ่อนเพลีย
เพราะไม่มีการสำรองพลังงานมาใช้ในวันรุ่งขึ้น มีผู้กล่าวว่าถ้าร่างกายมีพลังงานอยู่เท่ากับ 100% จะหมุนเวียนพลังงานใช้จริงอยู่เพียง 70% ที่เหลืออีก 30% จะเป็นพลังงานสำรองของชีวิตเอาไว้ใช้ในยามป่วยไข้ไม่สบายหรือใช้ในภาวะฉุกเฉินต่าง ๆ รวมถึงภาวะอดนอนนี้ด้วย จึงพบว่าถ้าอดนอนสั้น ๆ จะไม่เป็นอะไรมาก แต่ถ้านานไปพลังงานที่เหลือ 30% นี้ก็จะร่อยหรอลงและเมื่อนั้นก็จะมีอาการไม่สบายชัดเจนขึ้น
เกิดโรคอ้วนตามมาได้
เนื่องจากเกิดความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลในเลือด ทำให้น้ำตาลในเลือดมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องรับประทานมากยิ่งขึ้น อาการจะคล้ายกับผู้ป่วยโรคเบาหวานแบบที่ 2 (Diabetes type 2) การที่เราตื่นอยู่นานแบบอดนอน ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น จึงรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้นไปอีก จากหลักฐานการศึกษาพบว่า ความอ้วนที่เกิดจากการอดนอนพบได้บ่อยขึ้นในคนอายุน้อย หรือในวัยกลางคนมากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุ ปัจจัยเสริมอย่างอื่น เช่น การดูทีวีรอบดึกก็มีผลให้อยากรับประทานอาหารเพิ่มอีก 1 มื้อ หรืออยากรับประทานขนมขบเคี้ยวมากขึ้นก็จะยิ่งเป็นตัวเสริมให้อ้วนขึ้นไปเรื่อย ๆ
ร่างกายไม่เจริญเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็ก
เนื่องจากฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตถูกสร้างน้อยลง รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกรบกวน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจากการอดนอนเลยก็เกิดขึ้นได้
อดนอนเรื้อรังส่งผลต่อการทำงานของสมอง
ทำให้หลอดเลือดสมองตีบ
มีผลการศึกษาทางการแพทย์รายงานว่า ผู้ที่มีปัญหาปวดศีรษะและความจำไม่ดีจำนวนหนึ่งเมื่อตรวจเอกซเรย์สมองแล้วพบว่ามีหลอดเลือดสมองตีบ และเมื่อสืบประวัติย้อนกลับไปพบว่า มีจำนวนมากที่มีประวัตินอนไม่พอร่วมด้วย หลังจากที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้นอนหลับเพิ่มขึ้นก็พบว่า หลอดเลือดสมองที่ตีบนั้นดีขึ้น
ทำให้กระบวนการเรียนรู้ช้าลง
การอดนอนจะมีผลต่อการทำงานของสมองในส่วนต่าง ๆ ให้ทำงานผิดไป เช่น สมองส่วนหน้าสุด (Prefrontal Cortex) จะทำให้การเรียนรู้จากคำพูด (Verbal Learning Tasks) แย่ลง ส่วนกลีบสมองบริเวณขมับ (Temporal lobe) จะทำให้การเรียนรู้ด้านภาษา (Language Processing) ช้าลง
ทำให้เกิดอาการงีบหลับสั้น ๆ หรือที่เรียกว่า “หลับกลางอากาศ” หรือ “หลับใน”
เกิดจากการที่สมองส่วนธาลามัส (Thalamus) ของคนที่นอนไม่พอ จะหยุดทำงานช่วงสั้น ๆ แบบชั่วคราว อาจเป็นวินาทีหรือนานถึงครึ่งนาที ทำให้เกิดอาการงีบหลับ ไม่ตื่นตัว ไม่ตอบสนองต่อการรับรู้ใด ๆ หรือรับรู้ได้ช้า บางคนเรียกภาวะนี้ว่า “หลับใน” ซึ่งเป็นอันตรายมากถ้าเกิดขึ้นระหว่างที่กำลังขับรถหรือระหว่างการทำงานที่ต้องใช้ความเร็วหรือความแม่นยำด้วย
ทำให้เกิดอาการทางจิต
การอดนอนชนิดรุนแรงสามารถทำให้เกิดภาวะโรคทางจิต (Psychosis) ได้ เช่น อาการหูแว่ว ประสาทหลอน หลงผิด ระแวงกลัวคนมาทำร้าย หรือมีอาการคล้ายคนที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนหรือโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) เช่น อารมณ์ร่าเริงสนุกสนานผิดปกติหรือมีอารมณ์เศร้าผิดปกติได้ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดอาการหงุดหงิดง่า หรืออารมณ์เสียง่ายมากน้อยตามแต่ความรุนแรงของการอดนอนนั้น
เคล็ดลับนอนหลับสบายตลอดคืน
ดร. จอห์นสันและAmerican Academy of Sleep Medicineเสนอเคล็ดลับเพิ่มเติมต่อไปนี้เกี่ยวกับวิธีการนอนหลับสบายตลอดคืน :
- หลีกเลี่ยงนิโคติน แอลกอฮอล์ อาหารหรือเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยคาเฟอีน และยาใดๆ ที่มีฤทธิ์กระตุ้นก่อนนอน
- ปฏิบัติตามกิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ
- สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนเข้านอน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ภายใน 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
- ทำให้ห้องนอนของคุณเงียบ มืด และเย็นสบายเล็กน้อย
- อย่าดูนาฬิกาในเวลากลางคืน แต่ควรใช้เสียงปลุกเพื่อช่วยปลุกคุณให้ตื่น
- ตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกเช้า
- หลีกเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแสงสว่างในช่วงเย็น
ดร. จอห์นสันตั้งข้อสังเกตว่าความสำคัญของสุขภาพการนอนหลับได้รับการรับรองโดยสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาซึ่งในปี 2022 ได้เพิ่มสุขภาพการนอนหลับเป็นหนึ่งใน8 สิ่งสำคัญของชีวิตเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ ควบคู่ไปกับโภชนาการ การออกกำลังกาย การเลิกบุหรี่ ความดันโลหิต การควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและกลูโคส และการลดน้ำหนัก เนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อเสาหลักด้านสุขภาพอื่นๆ เหล่านี้ การนอนหลับจึงเป็น "รากฐาน" ของสุขภาพอย่างแท้จริง
แนวทางการรักษาเรื่องอดนอนที่ได้ผลดีที่สุด คือ การนอนให้พอเพียง อาจจะใช้เวลานอนให้มากกว่าปกติในวันก่อนที่รู้ว่าจะต้องอดนอน และเมื่ออดนอนมาแล้วก็ควรหาเวลานอนชดใช้ให้มากพอ ภาวะอดนอนก็จะดีขึ้นได้เองโดยที่ไม่ต้องไปหาการรักษาที่ยุ่งยากอื่น
อ้างอิง: baystatehealth ,เพจ สาระสมองกับอจ.หมอสุรัตน์ ,โรงพยาบาลรามคำแหง ,ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล







