‘นวัตกรรมสเต็มเซลล์ iPSC’ความหวังผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลว

รายงานล่าสุดโดย Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่าเศรษฐกิจเวลเนส (Wellness Economy) ของประเทศไทยในช่วงปี 2565–2566 เติบโตเร็วที่สุดในโลก
KEY
POINTS
- Genesenn (เกเนเซน) วางระบบดูแลแบบเฉพาะบุคคล โดยเวชศาสตร์บูรณาการ รักษา ดูแลสุขภาพเชิงรุก ป้องกัน ก่อนเกิดโรค
- สเต็มเซลล์ iPSC เพื่อรักษาโรคเสื่อมต่างๆ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคกระดูกพรุน ถือเป็นก้าวสำคัญในการเริ่มต้นพลิกโฉมระบบการดูแลสุขภาพ
- ปักหมุดให้ไทยกลายเป็น Regenerative Health Hub ของเอเชีย รองรับทั้งผู้ป่วย และกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพ
รายงานล่าสุดโดย Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่าเศรษฐกิจเวลเนส (Wellness Economy) ของประเทศไทยในช่วงปี 2565–2566 เติบโตเร็วที่สุดในโลกด้วยอัตราการขยายตัวสูงถึง 28.4 % มีมูลค่าสูงถึง 40.54 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาทโดยในบรรดา 11 กลุ่มอุตสาหกรรมเวลเนสหลักของประเทศ
กลุ่มที่เติบโตสูงสุดคือ“การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” (Wellness Tourism)ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 415,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 119.5 % สะท้อนศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Wellness ระดับโลกทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ บริการด้านสุขภาพ และประสบการณ์ที่เชื่อมโยงสุขภาวะกับวัฒนธรรมไทยอย่างลงตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เพิ่มทักษะพนักงานนวดและสปา ทำงานต่างประเทศเดือนละครึ่งแสน
CITE DPU ชู 4 หลักสูตร ป.โท Upskill - Reskill รองรับ AI -ดิจิทัล
Genesenn เทรนด์ดูแลสุขภาพคนรุ่นใหม่ บริการแพทย์เชิงรุก
โดยจากข้อมูลสถิติปี 2567 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางมาถึงประเทศไทยกว่า 7 ล้านคน และคาดว่าในปี 2568 จำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 ล้านคน เติบโตขึ้นถึง 11.4 % จากปีที่ผ่านมา เพราะสุขภาพที่ดีไม่ใช่แค่การรักษาโรค แต่เริ่มต้นจากการป้องกันและฟื้นฟูจากต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ แนวทางการรักษา Personalized & Proactive Careที่แม่นยำมาผสมกับ การดูแลเชิงรุก เพื่อให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน จึงเป็นเทรนด์รักสุขภาพของคนยุคนี้ให้ความสำคัญในการความใส่ใจดูแลตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ
เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่ Genesenn (เกเนเซน) จึงเน้นให้บริการแพทย์เชิงรุก” (Preventive & Regenerative Medicine) ผ่านการดูแล เสริมสร้างสุขภาพโดยรวมในร่างกาย รองรับทั้งคนไทยแลุะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่มาพักผ่อนพร้อมรับการดูแลสุขภาพในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ ไทยเป็น HUP ด้านสุขภาพของโลกได้
วางระบบดูแลแบบเฉพาะบุคคลโดยเวชศาสตร์บูรณาการ
"นพ.สุจิต บัญญัติปิยพจน์" ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์(Genesenn Medical Director) เปิดเผยว่า Genesenn (เกเนเซน) วางระบบดูแลแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Health Program) โดยเวชศาสตร์บูรณาการ รักษา ดูแลสุขภาพเชิงรุก ป้องกัน ก่อนเกิดโรค โดยมุ่งเน้นการดูแลผู้สูงวัยและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อย่างครบวงจรครอบคลุมคนไทย รวมทั้งรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่มาพักผ่อนพร้อมรับการดูแลสุขภาพในประเทศไทย
ผ่านศูนย์บริการ PNC Nursing Care & Wellness Center ศูนย์ฟื้นฟูหลอดเลือด และ ดูแลผู้สูงอายุ DNA Clinic คลินิกเวชศาสตร์ความงามและการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล Chayana Wellness (ลาดพร้าว) ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยแบบลึกถึงเซลล์ ออกแบบมาเพื่อกลุ่ม ซึ่งมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะหลอดเลือดเสื่อม รวมถึงปัญหาสุขภาพเรื้อรัง อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง อัลไซเมอร์ และภาวะสมรรถภาพทางเพศชายลดลง
นอกจากนี้ยังมี อมตยา (กระบี่) น้ำแร่เค็มธรรมชาติ สำหรับการฟื้นฟูหลอดเลือดและโรคผิวหนัง โดยมุ่งเน้นการดูแลผู้สูงวัยและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) อย่างครบวงจรครอบคลุม ดูแลทั้งคนไทยและรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่มาพักผ่อนพร้อมรับการดูแลสุขภาพในประเทศไทย
นวัตกรรมสเต็มเซลล์ iPSC
ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ Genesenn Medical Director กล่าวว่าขณะนี้ เกเนเซน อยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และบริษัท HELP Therapeutics Co., Ltd. เพื่อทำงานวิจัยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหัวใจที่เสื่อมสภาพจากภาวะหัวใจล้มเหลวด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยใช้สเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นการนำเอาเซลล์ของมนุษย์ที่มีชีวิต มาใช้ในกระบวนการดูแลรักษา บำบัด บรรเทา ป้องกันโรคหรือสภาวะเสื่อมของร่างกายที่ผ่านมาวงการแพทย์ไทยได้มีการพัฒนา จนสามารถใช้บำบัดรักษาโรคในระบบโลหิตได้
"เชื่อมั่นในว่า สเต็มเซลล์จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกาย ที่ผู้ที่ได้รับบริการกว่า 80-90 % ก็สามารถฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้นมาได้" นพ.สุจิต กล่าว
สำหรับบริษัท HELP Therapeutics Co., Ltd. มีนวัตกรรมเซลล์ต้นกำเนิดจากเซลล์ต้นแบบเหนี่ยวนำ (iPSC) และเป็นผู้ถือสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ในประเทศจีน เขาเชื่อว่าซึ่งความร่วมมือนี้จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคใหม่ของการดูแลหัวใจ ไม่ใช่แค่รักษา แต่สามารถใช้เทคโนโลยีมาดูแลการเสื่อมของร่างกายได้
นพ.สุจิตร์ กล่าวว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและห้องปฏิบัติการที่ใช้สเต็มเซลล์ iPSC เพื่อรักษาโรคเสื่อมต่างๆ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลวและโรคกระดูกพรุน ถือเป็นก้าวสำคัญในการเริ่มต้นในการพลิกโฉมระบบการดูแลสุขภาพ ด้วยการรักษาจากต้นเหตุและนวัตกรรมการฟื้นฟูยุคใหม่
เชื่อว่าการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในระบบการแพทย์โดยผสมผสานกับ เวชศาสตร์แม่นยำการแพทย์บูรณาการ จะเป็นโซลูชันดูแลสุขภาพจากต้นเหตุให้คนไทยได้ และดึงนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกให้มาดูแลรักษาที่ประเทศไทย
ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวทั่วโลกและประเทศไทย ไม่เพียงแค่ยกระดับแนวทางการรักษาแบบฟื้นฟู (Regenerative Therapy) เท่านั้น แต่ยังเป็นการปักหมุดให้ประเทศไทยกลายเป็น Regenerative Health Hub ของเอเชีย รองรับทั้งผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีมาตรฐานเดิม และกลุ่มนักท่องเที่ยวสุขภาพที่มองหาโซลูชันเพื่อฟื้นฟูสุขภาพของเขาได้อีกด้วย
ทั้งนี้ การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ต้องดำเนินการภายใต้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเซลล์บำบัด และมาตรฐานธนาคารเซลล์ และการนำไปใช้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพของแพทยสภาและผ่านกระบวนการขั้นตอนตามมาตรฐานสากล เป็นผลิตภัณฑ์ ATMPs(Advance Therapy Medicinal Products)ที่ต้องผ่านกระบวนการประเมินคุณภาพและความปลอดภัยมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน GMP/PICS
ตามหลักเกณฑ์ผลิตยาขั้นสูงซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน ATMPs เพราะมองว่าการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ได้ รองรับสังคมสูงวัย และทำให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูงซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกับประเทศไทย
"ปัจจุบันวงการแพทย์ให้การยอมรับการใช้สเต็มเซลล์ทางการแพทย์มากขึ้นกว่าในอดีตแล้ว แต่อาจจะทำให้วงแคบๆอยู่เป็นแซนบอกซ์ แต่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้สเต็มเซลล์จะเป็นทางเลือกของการฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกายและการรักษาโรคที่ทำให้คนไข้เข้าถึงได้มากขึ้นจากนวัตกรรมที่ก้าวหน้าและจะทำให้ราคาเข้าถึงได้ หากมีการนำสเต็มเซลล์มาใช้ในระบบการแพทย์โดยผสมผสานกับ เวชศาสตร์แม่นยำการแพทย์บูรณาการ จะเป็นโซลูชันดูแลสุขภาพจากต้นเหตุให้คนไทยได้ และดึงนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วโลกให้มาดูแลรักษาที่ประเทศไทยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย”







