'SiPH' ผู้ป่วยเพิ่ม10% ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

'SiPH' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

“โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” เป็นหนึ่งโครงการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555

KEY

POINTS

  • ผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมารักษาโรคยากและซับซ้อน
  • โรงพยาบาลได้ยกระดับการดูแลรักษาผ่านการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ เทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ และมีการนำหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด มาดูแลผู้ป่วย
  • เตรียมขยายพื้นที่ผู้ป่วยวิกฤต ICU เพิ่มในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 โดยจะเปิดบริการเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 17 เตียง โดยจำนวนเตียงรวมทั้งสิ้น 89 เตียง

 

“โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” เป็นหนึ่งโครงการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ด้วยแนวคิด ‘ผู้รับ ผู้ให้’ เพื่อนำรายได้จากการบริการทางการแพทย์คืนสู่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ศิริราช ทุกครั้งที่ผู้รับบริการได้รับการดูแลรักษา ทุกคนจะเป็น ‘ผู้รับ’ และ ‘ผู้ให้’ ในเวลาเดียวกัน

ปัจจุบันโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ให้บริการการรักษาโรคทั่วไป โรคยากและซับซ้อน พร้อมเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ในการให้บริการดูแล รักษา และให้คำปรึกษาผู้ป่วยอย่างครบวงจร มุ่งเน้นการบริการที่เป็นเลิศและมีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'ศิริราช' ยกระดับการแพทย์ AI เพิ่มสตาร์ทอัพ ดูแลรักษา ฟื้นฟู

'SiCIR' รักษาผู้ป่วยโดยไม่ต้องผ่าตัด แม่นยำ ฟื้นตัวไว

“ศิริราช”รองรับผู้ป่วยนอก4.8 ล้านราย

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลศิริราชมีผู้ป่วยมาใช้บริการที่เป็นผู้ป่วยนอกประมาณ 4.8 ล้านราย และผู้ป่วยในมากกว่า1.3 แสนราย โดยเฉลี่ยต่อวันมีผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลวันละ 22,000 ราย ซึ่งผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ค่อนข้างจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีขั้นสูงในการรักษาทำให้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาของผู้ป่วยสูงมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับงบประมาณจากการบริการสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและประกันสังคม

ฉะนั้น โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ จึงเป็นหนึ่งโครงการของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่จะช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศิริราช และเป็นการร่วมช่วยเหลือและสร้างโอกาสทางสุขภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยที่ขาดแคลนอีกหลายชีวิตที่โรงพยาบาลศิริราช และยังเป็นการช่วยพัฒนายกระดับการแพทย์ไทยสู่ความเป็นเลิศในเอเชียอาคเนย์สืบต่อปณิธาน ผู้รับ ผู้ให้ ที่มุ่งสร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม

\'SiPH\' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10

“ขณะนี้ผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยแต่ละวันมีผู้ป่วยนอกมาใช้บริการประมาณ 2,000 กว่าราย ซึ่งโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ มีความพร้อมทั้งในเรื่องของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรทางการแพทย์ สามารถรองรับ 400 เตียง รองรับผู้ป่วยทั้งโรคทั่วไป โรคยากและซับซ้อนที่มีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้จำนวนผู้ป่วยสูงวัยมากขึ้น ดังนั้น ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ กำลังก้าวขึ้นสู่ปีที่ 14 และครบรอบ 137 ปี โรงพยาบาลศิริราช จะเป็นโรงพยาบาลที่ช่วยดูแลผู้ป่วยอย่างได้มาตรฐานและให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่สุด” ศ.นพ.อภิชาติ กล่าว

“โรงพยาบาลศิริราช” เป็นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยจำนวนมาก และเป็นการรักษาโรคยากและซับซ้อน ซึ่งเมื่อรักษาโรคยากและซับซ้อนค่ารักษาพยาบาลก็ย่อมแพง และมีการใช้ทรัพยากรและงบประมาณในการใช้ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยจำนวนมาก แต่ละปีโรงพยาบาลศิริราชขาดทุน1,200 ล้านบาท การเปิดโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นการช่วยแบ่งเบาผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศิริราชและตลอดที่ผ่านมาไม่เคยใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน

\'SiPH\' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

ขยาย ICU ใช้AI ดูแลผู้ป่วยวิกฤต

ศ.นพ.กฤตย์วิกรม ดุรงค์พิศิษฏ์กุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ กล่าวว่าโอกาสเข้าสู่การดำเนินการในปีที่ 14 ทางโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ได้วางแผนการให้บริการและดูแลผู้ป่วยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยปี 2567 มีผู้ป่วยนอกมาใช้บริการ 9.2 แสนราย และผู้ป่วยใน 2.6 หมื่นราย อีกทั้งได้เปิดบริการ Respiratory Care Unit (RCU) เพื่อดูแลผู้ป่วยวิกฤตทางเดินหายใจ

โดยแยกพื้นที่พิเศษ เพื่อการดูแลเฉพาะทางที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจอย่างรุนแรง หรือจำเป็นต้องได้รับการช่วยหายใจอย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรังระยะรุนแรง ผู้ที่ติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง พร้อมทั้งการขยายพื้นที่ผู้ป่วยวิกฤต ICU เพิ่มในช่วงปลายปี พ.ศ. 2568 โดยจะเปิดบริการเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 17 เตียง โดยจำนวนเตียงรวมทั้งสิ้น 89 เตียง

\'SiPH\' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

นอกจากนั้นจะมีแผนการเปิด High Dependency Unit (HDU) เพื่อดูแลผู้ป่วยที่ต้องได้รับการเฝ้าระวังใกล้ชิดเป็นพิเศษ สำหรับดูแลผู้ป่วยที่อาการรุนแรง ‘ระดับกลาง’ คือ อาการยังไม่ถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือยังไม่รุนแรงที่จะต้องเข้า ICU ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีอายุมากต้องการการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีภาวะเปราะบางและต้องการการบริบาลแบบใส่ใจใกล้ชิด ในส่วนของการพัฒนามาตรฐานการรักษา

“โรงพยาบาลได้ยกระดับการดูแลรักษาผ่านการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ เทคโนโลยี AI ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยและสนับสนุนเพื่อวิเคราะห์และสร้างความแม่นยำในการวินิจฉัยและรักษามากยิ่งขึ้น อีกทั้งมีการนำหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic-assisted da Vinci Surgery) มาใช้ในหัตถการที่ต้องการความละเอียดสูง ทั้งการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ การผ่าตัดในช่องท้อง ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและสะโพกเทียม โดยทำหน้าที่ควบคู่กับศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญการผ่าตัด ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ทั้งความปลอดภัย เพิ่มโอกาสการกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติให้กับผู้ป่วย”ศ.นพ.กฤตย์วิกรม กล่าว

สิ่งสำคัญในการรักษาที่ “โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์” ยึดมั่น คือ การดูแลด้วยหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรของ SiPH อย่างเต็มความสามารถ ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่ส่งต่อกันมาจากศิริราชสู่ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

\'SiPH\' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต

\'SiPH\' ผู้ป่วยเพิ่ม10%  ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง รับผู้ป่วยวิกฤต