'Colposcopy' ส่องกล้อง เครื่องมือวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก

ปัจจุบันเราทราบกันดีว่า มะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ชนิดความเสี่ยงสูง (High-risk HPV)
สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย www.tgcs.or.th
Facebook : สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย - TGCSthai
หากเชื้อนี้คงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานจะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเป็นภาวะก่อนมะเร็งหรือมะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดย Pap test และ/หรือ การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจหาระยะก่อนเป็นมะเร็งหรือมะเร็งระยะเริ่มต้น
หากผลตรวจพบความผิดปกติจำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของความผิดปกติ แพทย์มักแนะนำให้ทำการตรวจส่องกล้องปากมดลูก หากพบจุดผิดปกติอาจมีการตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็กเพื่อนำไปตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หญิงไทย 17 ล้านคนเผชิญโรค เช็ก! 'สุขภาพผู้หญิง' ก่อนเกิดโรคร้าย
มะเร็งปากมดลูก 'HPV The Toilab' ตรวจรู้ก่อนเป็นโรค-ป้องกัน-รักษาหาย
เมื่อไหร่ต้องส่องกล้องปากมดลูก
ผู้ที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ เช่น ผล Pap test ผิดปกติ และ/หรือพบเชื้อ HPV ชนิดสายพันธุ์เสี่ยงสูง จำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมโดยการตรวจส่องกล้องปากมดลูก นอกจากนี้การตรวจส่องกล้องปากมดลูกยังสามารถใช้ได้ในกรณีที่ตรวจพบรอยโรคที่ปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด หรือบริเวณรูทวารหนักได้อีกด้วย
ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
การตรวจส่องกล้องปากมดลูกมักทำในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นบริเวณปากมดลูกได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ควรแจ้งแพทย์หากมีภาวะดังต่อไปนี้
1. กำลังใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (Aspirin), วาร์ฟาริน (Warfarin), หรือโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) เนื่องจากยาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเลือดออกหากต้องทำการตัดชิ้นเนื้อ
2. กำลังตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ แม้ว่าการตรวจส่องกล้องปากมดลูกจะปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ แต่แพทย์อาจหลีกเลี่ยงการตัดชิ้นเนื้อจากปากมดลูก เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเช่น เลือดออกมากจากบริเวณที่ตัดชิ้นเนื้อ
ขั้นตอนการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
โดยปกติการตรวจส่องกล้องปากมดลูก ใช้เวลาเพียง 5-10 นาที สามารถทำได้ในห้องตรวจโดยไม่ต้องใช้ยาชา และมักก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายเพียงเล็กน้อย โดยการตรวจมีลักษณะคล้ายกับการตรวจภายในทั่วไป ผู้ป่วยจะนอนท่าขึ้นขาหยั่งบนเตียงตรวจ และแพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อถ่างช่องคลอดออกเพื่อให้เห็นปากมดลูกชัดเจน
จากนั้นแพทย์จะมองผ่านกล้องซึ่งเป็นกล้องขยายชนิดพิเศษที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นปากมดลูกได้ละเอียดขึ้น โดยที่กล้องขยายนั้นจะไม่สัมผัสกับร่างกายของผู้ที่รับการตรวจ แพทย์จะใช้สารละลายกรดอะซิติก (acetic acid) ทาบริเวณปากมดลูก ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ที่ผิดปกติปรากฏเด่นชัดขึ้น ผู้ที่รับการตรวจอาจรู้สึกเย็นหรือแสบเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด หากพบความผิดปกติ แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็กจากบริเวณปากมดลูกหรือช่องคลอดเพื่อนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
เนื่องจากการตัดชิ้นเนื้ออาจทำให้รู้สึกตึงหรือปวดเกร็งเล็กน้อยเท่านั้น และจะหายไปอย่างรวดเร็ว ในบางกรณีแพทย์อาจต้องเก็บตัวอย่างโดยขูดด้านในคอมดลูก (endocervical canal) ร่วมด้วย หากผู้เข้ารับการตรวจกำลังตั้งครรภ์จะไม่แนะนำเก็บตัวอย่างโดยขูดด้านในคอมดลูก เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร อย่างไรก็ตามการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทั้งสองวิธีเป็นเพียงการส่งตรวจเพื่อให้ได้การวินิจฉัยเท่านั้น ยังมิได้หมายความว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็ง ดังนั้นผู้ป่วยจึงยังมิต้องวิตกกังวลจนเกินไป
หากมีการตัดชิ้นเนื้อ แพทย์อาจใช้สารละลายสีเหลืองน้ำตาล (Monsel solution) ทาบริเวณปากมดลูกเพื่อช่วยห้ามเลือด สารนี้จะหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
การดูแลหลังการตรวจส่องกล้องปากมดลูก
- หากมีการตัดชิ้นเนื้อ อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย ผู้รับการตรวจควรงดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา อย่างน้อย 48 ชั่วโมง งดการใส่สิ่งใดเข้าไปในช่องคลอด เช่น สารชำระล้างช่องคลอด, ผ้าอนามัยแบบสอด โดยทั่วไปผลการตรวจชิ้นเนื้อมักใช้เวลา 7-14 วัน
- หากแพทย์ใช้สารห้ามเลือดแบบน้ำ (Monsel solution) ผู้รับการตรวจอาจมีตกขาวสีน้ำตาลหรือดำคล้ายกากกาแฟ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะหายไปภายในไม่กี่วัน
- ส่วนใหญ่มักสามารถกลับไปทำงานได้ทันทีหลังตรวจ บางคนอาจมีอาการปวดเกร็งเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง
- หากมีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ปวดท้องน้อยหรือมีไข้ ผู้รับการตรวจควรมาตรวจที่โรงพยาบาลก่อนวัดนัดหมาย
เขียน โดย :พ.ญ.กมัยธร เทียนทอง กลุ่มงานสูตินรีเวชศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี
เอกสารอ้างอิง
1. Cooper DB, Dunton CJ. Colposcopy. In: StatPearls. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing; 2025 [cited 2025 Feb 19]. Available from: http://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK564514/
2. Perkins RB, Guido RS, Castle PE, Chelmow D, Einstein MH, Garcia F, et al. 2019 ASCCP Risk-Based Management Consensus Guidelines for Abnormal Cervical Cancer Screening Tests and Cancer Precursors. J Low Genit Tract Dis. 2020 Apr;24(2):102–31.
3. Wittenborn J, Wagels L, Kupec T, Iborra S, Najjari L, Stickeler E. Anxiety in women referred for colposcopy: a prospective observational study. Arch Gynecol Obstet. 2022 Mar;305(3):625–30.







