ครั้งแรกของโลก'ศิริราช'ผลิตกระดูกข้อสะโพกไทเทเนียม 3 มิติ

"โรคข้อสะโพกเสื่อม” เป็นภาวะที่เกิดจากการที่ผิวข้อสะโพกถูกทำลายจากหลายปัจจัย อาทิ ผู้ป่วยใช้ร่างกายอย่างหนักเป็นเวลานาน สะโพกผิดรูปแต่กำเนิด เกิดการติดเชื้อ
KEY
POINTS
- ศิริราชเป็นแห่งแรกในโลกที่มีการผลิตไททาเนียม สามมิติขึ้นภายในโรงพยาบาล ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องได้รับกระดูกทดแทนที่มีความเฉพาะเจาะจง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
- ความก้าวหน้าของนวัตกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยที่เคยหมดหวังสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง
- การถ่ายทอดเทคโนโลยี สร้างตลาดนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
"โรคข้อสะโพกเสื่อม” เป็นภาวะที่เกิดจากการที่ผิวข้อสะโพกถูกทำลายจากหลายปัจจัย อาทิ ผู้ป่วยใช้ร่างกายอย่างหนักเป็นเวลานาน สะโพกผิดรูปแต่กำเนิด เกิดการติดเชื้อ รวมถึงมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เกิดอาการปวดในขณะเคลื่อนไหวร่างกาย หรือบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
โดยสถิติจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก ในปี 2549 มี 23,426 ราย และในปี 2568 คาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 34,246 ราย และประมาณการณ์ว่าในปี 2593 จะเพิ่มเป็น 56,443 ราย ซึ่งสาเหตุสำคัญของกระดูกสะโพกเกิดจากการ “พลัด ตก หกล้ม”
นอกจากนี้กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข รายงานในปี 2566 กลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป การพลัด ตก หกล้มทำให้เสียชีวิตสูงถึง 10.20 คนต่อประชากรผู้สูงอายุแสนคน และในแต่ละปีการผลัดตกหกล้มได้คร่าชีวิตผู้คนถึง 684,000 ราย จากการสำรวจสุขภาพประชากรไทย พบว่า 1 ใน 3 “กลุ่มผู้สูงอายุ” คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุด
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ให้ผลการรักษาที่ดี ซึ่งการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวมีข้อจำกัดสำคัญ นั่นคือ ผู้ป่วยต้องมีกระดูกเบ้าสะโพกที่สมบูรณ์เพื่อให้ข้อสะโพกเทียมสามารถยึดติดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว แต่ในกรณีที่มีอาการกระดูกเบ้าสะโพกแตกหรือสึกกร่อนร่วมด้วยนั้น ผู้ป่วยจะไม่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ข้อเทียมชนิดปกติ อาจจะต้องยอมรับภาวะทุพพลภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผลิตกระดูกเบ้าสะโพกไทเทเนียมสำเร็จ
วันนี้ (2 เม.ย.2568) ที่โรงพยาบาลศิริราช จัดงานแถลงข่าว “ครั้งแรกของโลก ศิริราชสามารถผลิตกระดูกเบ้าสะโพกไทเทเนียมเฉพาะบุคคล ด้วยนวัตกรรมการพิมพ์สามมิติในโรงพยาบาล และใช้ในผู้ป่วยจริงได้สำเร็จ (World First: Siriraj Achieves Breakthrough in Point-of-Care Manufacturing of 3D-Printed Titanium Hip Sockets with Proven Clinical Success)” โดย ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย รศ. ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ,ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ,รศ. ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.มหิดล , รศ. นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ,ศ. นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ ผศ. ดร.เชษฐา พันธ์เครือบุตร หัวหน้าโครงการฯ บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด เข้าร่วมงาน
ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า การผลิตกระดูกเบ้าสะโพกเทียมด้วยเทคโนโลยี 3D printing และนำไปใช้ผ่าตัดผู้ป่วยจริงที่ รพ.ศิริราช เป็นครั้งแรก ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์และนวัตกรรมไทย แสดงถึงศักยภาพและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ไทย รวมถึงความสามารถของผู้ประกอบการไทย
ช่วยเหลือผู้ป่วยได้รับกระดูกทดแทนเฉพาะบุคคล
ขอชื่นชมคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล, บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด และทุกภาคส่วนที่ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตที่มั่นคงอีกครั้ง โดยเฉพาะ บพข. ที่สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่องจนสำเร็จเชื่อว่าความสำเร็จนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดลกล่าวว่าตลอดระยะเวลา 137 ปี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล มุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมให้ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล ตามพันธกิจหลักที่วางไว้ โดยปีที่ผ่านมา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้จับมือกับ บริษัท เมติคูลี่ จำกัด พร้อมทั้งยังได้รับการสนับสนุนทุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) จัดตั้ง บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด ในการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์สามมิติเฉพาะบุคคล นำมาใช้ร่วมกับกระบวนการวางแผนการผ่าตัดแบบดิจิตอล เพื่อให้การผ่าตัดที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“วันนี้โครงการดังกล่าวได้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ ศิริราชเป็นแห่งแรกในโลกที่มีการผลิตไททาเนียม สามมิติขึ้นภายในโรงพยาบาล (Siriraj Faculty of Medicine is The First Factory in a Box at Hospital Point-of-Care in The World) โดยได้มีการนำไปใช้ในผู้ป่วยรายแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก และในอนาคตนวัตกรรมดังกล่าวจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องได้รับกระดูกทดแทนที่มีความเฉพาะเจาะจง ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น พร้อมทั้งยังยกระดับวงการแพทย์ให้ก้าวไกลมากกว่าเดิม”
รักษาด้วยนวัตกรรมการพิมพ์ 3 มิติ
ศ. นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า กระบวนการรักษาด้วยนวัตกรรมการพิมพ์สามมิติเฉพาะบุคคลใช้ระยะเวลาโดยประมาณ 2 สัปดาห์ เริ่มจากทำ CT Scan เพื่อให้ทีมแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและวิศวกรจากบริษัท ออส ทรีโอ จำกัด นำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ออกแบบกระดูกเบ้าสะโพกเทียมให้เหมาะกับผู้ป่วย โดยต้องคำนึงถึงตำแหน่งของเนื้อเยื่อและเส้นประสาทเป็นสำคัญ
จากนั้นจึงทำการผลิตชิ้นส่วนจำลอง ก่อนเริ่มผลิตชิ้นส่วนจริงด้วยนวัตกรรมการพิมพ์สามมิติเฉพาะบุคคล แล้วจึงนำไปใช้กับผู้ป่วยที่รอรับการผ่าตัด ซึ่งความก้าวหน้าของนวัตกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยที่เคยหมดหวังสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการแพทย์ไทย ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ต่อยอดงานวิจัย สู่การใช้งานได้จริง
ด้าน รศ. ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ ผู้อำนวยการ บพข. กล่าวเสริมว่า บพข. มีภารกิจหลักในการจัดสรรทุนวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะในภาคการผลิตและภาคบริการ เรามุ่งเน้นสนับสนุนแผนงานที่มีความร่วมมือหรือร่วมลงทุนกับผู้ใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โครงการผลิตกระดูกเบ้าสะโพกไทเทเนียมเฉพาะบุคคลนี้ เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำงานวิจัย Deep Tech ทางการแพทย์มาต่อยอดสู่การใช้งานจริง และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างหมอและวิศกร ทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบสูง ทั้งต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วย และต่ออุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเทศ
“ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยและความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมที่ บพข. และ อว. ร่วมกันผลักดัน เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี สร้างตลาดนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม”
ผศ. ดร.เชษฐา พันธ์เครือบุตร หัวหน้าโครงการฯ บริษัท ออส ทรีโอ จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยี เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งในความสำเร็จครั้งนี้ และเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมายกระดับการแพทย์ นวัตกรรม 'Factory in a Box' หรือการย่อส่วนกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนทั้งหมดให้อยู่ในพื้นที่ขนาดเล็กเทียบเท่าตู้คอนเทนเนอร์เพียงตู้เดียว มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำให้เราสามารถติดตั้งระบบการผลิตภายในโรงพยาบาลได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ รองรับกระบวนการตั้งแต่การออกแบบ การผลิต จนถึงการนำไปใช้งาน ซึ่งเป็นการผลักดันให้เกิดการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ติดตั้งเครื่องพิมพ์สามมิติ@ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
รศ. นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่านวัตกรรมการพิมพ์สามมิติเฉพาะบุคคลเป็นเทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ประชาชนที่มีความซับซ้อนในการรักษา ในฐานะที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงให้การสนับสนุนพื้นที่ขนาด 60 ตารางเมตร ในการจัดตั้งเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต พร้อมทั้งยังผลักดันให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจนวัตกรรมดังกล่าว โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Facebook : ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล







