ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

เป็นครั้งแรกที่ไทยจะมีโพรไบโอติกส์คุณภาพสูง จากจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ที่เหมาะกับพันธุกรรมและไลฟ์สไตล์การกินอยู่ของคนไทยโดยเฉพาะ ด้วยความร่วมมือระหว่างองค์กรวิจัย "ไบโอเทค" กับ "ไบโอเมด" เอกชนด้านโพรไบโอติกส์

KEY

POINTS

  • ไบโอเทค BioMed และ HKSGM ได้จับมือร่วมวิจัย พัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกส์ (probiotics) คุณภาพสูง จากจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ที่เหมาะกับประชากรไทย 
  • ทั้ง 3 ฝ่ายยังจะศึกษาสายพันธุ์จุลินทรีย์เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันของประชากรไทยหรือแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Probiotics) 
  • BioMed ฮ่องกง ทุ่มเททรัพยากรไปกับการทำวิจัยเกี่ยวกับลักษณะจุลินทรีย์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มโรคผื่นแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน โรคทางสมอง ฯลฯ 

ข้อมูลจากธนาคารกรุงเทพในปี 2566 ระบุว่า มูลค่าตลาดโพรไบโอติกส์ในไทยอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาทต่อปี คาดการณ์ว่าในปี 2569 จะเติบโตถึง 9.1 พันล้านบาท หรือเติบโตปีละ 12.21%

จากเทรนด์ดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ที่โฟกัสการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรืออาการป่วย จึงเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นความต้องการโพรไบโอติกส์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว

ภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ ประเทศไทยจะมีองค์ความรู้ที่สามารถนำไปพัฒนานวัตกรรมและเลือกใช้จุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย ในการผลิตเป็นโพรไบโอติกส์ที่มีคุณภาพสูงสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ช่วยลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์จากต่างประเทศ

ผลจากความร่วมมือทางการวิจัยและวิชาการระหว่าง 3 หน่วยงาน ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) บริษัท ไบโอเมด เทคโนโลยี โฮลดิ้งส์ ประเทศไทย จำกัด (BioMed) และสมาคมจุลินทรีย์ลำไส้ฮ่องกง (HKSGM)

ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

โพรไบโอติกส์สำหรับคนไทย

วรรณพ วิเศษสงวน ผู้อำนวยการไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า เมื่อปี 2561 มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับนานาชาติชื่อ Cell Journal เรื่องการมีไมโครไบโอมในลำไส้ (Microbiome ซึ่งหมายถึงระบบนิเวศจุลินทรีย์ในร่างกาย) ที่แตกต่างกันของประชากรแต่ละภูมิภาค

เนื่องจากวัฒนธรรมด้านอาหารที่แตกต่างกัน ความร่วมมือกับภาคเอกชนครั้งนี้มีระยะเวลา 3 ปี จึงเป็นการวิจัยและพัฒนาโพรไบโอติกส์ที่เหมาะกับประชากรไทย

“เรามุ่งศึกษารูปแบบไมโครไบโอมของประชากรไทย โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ที่หลากหลายและพฤติกรรมการบริโภคอาหารแต่ละพื้นที่

ข้อมูลการศึกษาเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ไมโครไบโอมจะนำมาใช้พัฒนาสูตรผลิตโพรไบโอติกส์และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ ซึ่งออกแบบมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ”

สำหรับนักวิจัยไบโอเทค ที่ผ่านมามีการศึกษาเรื่องไมโครไบโอมในเชิงลึกที่มีความแม่นยำและละเอียดลึก ช่วยให้การวิจัยและพัฒนาด้านไมโครไบโอม สามารถนํามาสู่การใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ความเข้าใจการอยู่รวมกันของกลุ่มจุลินทรีย์กับเซลล์เจ้าภาพ หรือสิ่งแวดล้อม ช่วยให้เราสามารถออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อปรับเปลี่ยนและควบคุมให้จุลินทรีย์มีคุณสมบัติ หรือเป็นแหล่งผลิตสารชีวภาพที่อุตสาหกรรมหลากหลายประเภทที่ต้องการได้

ในปัจจุบันการวิจัยไมโครไบโอมในมนุษย์มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงผลของอาหารที่มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงไมโครไบโอมในลําไส้

ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการทำงานของร่างกาย สุขภาพและการเป็นโรคของมนุษย์ แทบจะกล่าวได้ว่าไมโครไบโอมเกี่ยวข้องกับการทำงานในร่างกายทุกส่วนของมนุษย์

หวังสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง

วันวนัส มาอินทร์ กรรมการผู้จัดการไบโอเมด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทคือ Biomed Technology ที่ฮ่องกง ซึ่งก่อตั้งโดย Bioinformatics และ Genomic Scientists บริษัทระดับโลกที่สามารถถอดรหัสพันธุกรรม SARS-coronavirus และยังร่วมมือกับ Hong Kong Science and Technology Park สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลฮ่องกง

โดยมีเป้าหมายการเป็นที่หนึ่งในการดูแลสุขภาพลงลึกระดับจุลินทรีย์ มุ่งเน้นที่หลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Base) และ การดูแลแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ที่เหมาะสมสำหรับคนไทยและคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

ธุรกิจหลักของบริษัทไบโอเมดคือ การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ เพื่อหาความเสี่ยงหรือสาเหตุของการเจ็บป่วย ซึ่งเกิดจากจุลินทรีย์ของแต่ละคนที่เสียสมดุล ทั้งยังค้นคว้า วิจัย ผลิตและจำหน่ายโพรไบโอติกส์ในลักษณะขายบุคคลใดก็ได้และแบบเฉพาะบุคคล ผ่านช่องทาง B2B ซึ่งเป็นโรงพยาบาลและคลินิกเวลเนส และ B2C ผ่านช่องทางต่างๆ

“เราพบว่าโจทย์ปัญหาที่ผู้บริโภคหลายกลุ่มเสริมโพรไบโอติกส์แล้วไม่ได้ผลนั้น อาจเกิดจากหลายปัจจัยทั้งการเลือกซื้อโพรไบโอติกส์มารับประทานเองโดยไม่ได้ตรวจดูปริมาณและความหลากหลายของจุลินทรีย์ในร่างกาย

หรือแม้แต่การรับประทานโพรไบโอติกส์ที่ไม่ถูกสายพันธุ์ ไม่เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ จึงทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรืออาจไม่เห็นผล

ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภค”

Biomed คาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมโพรไบโอติกส์ของทางบริษัทแล้ว จะยังช่วยเรื่องการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยีการผลิตและที่สำคัญมีฐานข้อมูลจุลินทรีย์ในท้องถิ่นเพิ่มเติม

เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคชาวไทยและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีตามหลักวิชาการยิ่งขึ้น

วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนบริษัท

นายวันวนัส มาอินทร์ CEO บริษัท ไบโอเมด เทคโนโลยี โฮลดิ้งส์ ประเทศไทย จำกัด (BioMed)  กล่าวเสริมอีกว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนบริษัท บน 3 แนวทาง ได้แก่

1) เพิ่มจำนวน sample size ของตัวอย่างจุลินทรีย์

2) ทำงานวิจัย ที่ครอบคลุมกลุ่มโรคมากขึ้น

3) explore แนวทางการรวมโพรไบโอติกส์กับ ingredients อื่นๆ เช่น เห็ด สมุนไพร ฯลฯ 

ไบโอเทคจับมือไบโอเมด ค้นหา จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์คุณภาพสูงสำหรับคนไทย

นโยบายของกลุ่มบริษัท BioMed เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ บนแนวคิด scientific และ precision-based

กล่าวคือ solution ทุกอย่างที่บริษัทฯ นำเสนอ ต้องมีที่มาที่ไปรองรับอย่างชัดเจนและพิสูจน์ได้ ด้วยเหตุนี้ BioMed ฮ่องกง จึงได้ทุ่มเทงบประมาณ และบุคลากรไปกับการทำวิจัยเกี่ยวกับลักษณะจุลินทรีย์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มโรคผื่นแพ้ผิวหนัง สะเก็ดเงิน โรคทางสมอง ฯลฯ รวมถึงการบรรเทาอาการของโรคดังกล่าว

ด้วยการให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยบรรเทาโรคดังกล่าวได้ และดูลักษณะการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ ควบคู่ไปกับการสังเกตอาการ ซึ่งงานวิจัยทั้งหมดได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารการแพทย์แล้ว

ส่วนความร่วมมือด้านวิชาการและการวิจัย ระหว่าง ไบโอเทค Biomed รวมถึง HKSGM ในประเทศไทยนั้น จะใช้ methodology หรือวิธีการที่ใกล้เคียงกับการวิจัยที่ทำสำเร็จแล้วในฮ่องกง แต่ปรับเปลี่ยนในบางส่วนเพื่อความเหมาะสมสำหรับการวิจัยในไทย

จึงต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญจากไบโอเทคมาประกอบกัน ทำให้ร่นระยะเวลาการทำวิจัยรวมถึงทรัพยากร แต่ยังคงไว้ซึ่งแนวทางนำไปสู่ข้อสรุปด้านจุลินทรีย์ที่เหมาะสมกับคนในประเทศไทย

นอกจากนี้ ทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับจุลินทรีย์และโพรไบโอติกส์ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการขยายตัวของธุรกิจโพรไบโอติกส์ให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักรู้ว่าแท้จริงแล้วโพรไบโอติกส์นั้นมีประโยชน์มากมายกว่าเพียงแค่เรื่องการขับถ่าย.