รุนแรง!เป็น'ไข้หวัดใหญ่' พร้อม 'โควิด-19'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

รุนแรง!เป็น'ไข้หวัดใหญ่' พร้อม 'โควิด-19'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

เมื่อติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19  หากคุณอยู่ในวัยเรียนต้องขาดเรียน ถ้าอยู่ในวัยทำงานคุณต้องลางาน เพื่อพักฟื้นและรักษาตัวให้หายจากอาการป่วยเสียก่อน ยิ่งติดทั้ง 2 เชื้อใเวลาเดียวกัน อาการของคุณจะรุนแรงแค่ไหน?

Keypoint:

  • อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกัน และมีโอกาสติดเชื้อร่วมกัน หากติดโควิดร่วมกับไข้หวัดใหญ่ จะทำให้มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น 
  • หากติดเชื้อทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์ เพื่อรักษา และปัจจุบันวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดพร้อมวัคซีนโควิดได้ โดยฉีดได้ในวันเดียวกัน ไม่ต้องเว้นระยะห่าง 
  • ทุกครั้งที่ป่วย มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยร่างกาย ขอให้ตรวจATK ร่วมด้วย เพราะนั้นอาจจะไม่ใช่อาการไข้หวัด แต่เป็นโควิด-19 หรือเป็นทั้ง 2 โรค

 

พอเข้าสู่ฤดูหนาว หรือหน้าฝน หลายๆ คนมักจะเป็น ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่  ซึ่งเป็นโรคที่ระบาดมาก ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19  จึงมีความน่ากังวลมากขึ้นไปอีก เนื่องจากอาการของทั้งสองโรคนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกันมาก โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้ 38-40 องศา ไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 

จะมีอาการที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะมีน้ำมูกไม่เยอะ และยังมีการแพร่กระจายสู่ผู้อื่นจากการสัมผัสผู้ป่วยเมื่อมีการไอและจามเหมือนกันอีกด้วย

จากการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีนพบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคโควิด -19 จะทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้ออื่น ๆ ถึง 20-80 % และการติดเชื้อร่วมกันกับโควิด -19 พบว่าเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ มีโอกาสทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการติดเชื้อร่วมกันนั้นเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากถึง 29-55 % โดยในประเทศไทยพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากกว่า โควิด -19 ถึง 33 เท่า พบผู้เสียชีวิตสูงถึง 2 %ทั่วโลก 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

ไข้หวัดใหญ่ VS โควิด อาการต่างกันอย่างไร? 

'อาการไข้หวัดใหญ่' อาการป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยสามารถพบได้ในทุกฤดูกาล แต่ในฤดูหนาวจะมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่าปกติถึง 2 เท่า ซึ่งการดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่อย่างถูกวิธี ก็เพื่อการลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่อาจส่งผลให้เป็นอันตรายรุนแรง อย่างการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจได้

อาการไข้หวัดใหญ่ ที่เด่นชัดมีดังต่อไปนี้

  • ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
  • ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะปวดตามแขน ขา ปวดข้อ ปวดรอบตา ปวดเมื่อยตามตัว
  • ไข้สูง 39-40 องศา
  • เจ็บคอ และคอแดง มีน้ำมูกใสๆ ไหล
  • ไอแห้งๆ ตามตัวจะร้อนแดง ตาแดง
  • อาเจียน หรือท้องเดิน เป็นไข้ 2-4 วัน แล้วค่อยๆ ลดลง แต่อาการคัดจมูกและแสบคอยังคงอยู่ โดยทั่วไปจะหายใน 1 สัปดาห์

รุนแรง!เป็น\'ไข้หวัดใหญ่\' พร้อม \'โควิด-19\'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

'โควิด-19' โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ก่อให้เกิดอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้แล้ว จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่ป่วย

 อาการโควิด-19 ที่เด่นชัดได้แก่

  •  มีไข้สูง มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
  •  อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  •  ไอแห้ง เจ็บคอ มีน้ำมูก
  • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ถ่ายเหลว
  • หายใจลำบาก หายใจเหนื่อยหอบ
  • จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส

เมื่อไรที่เป็นไข้หวัดใหญ่แล้วควรมาพบแพทย์

  • มีไข้เกิน 24 ชั่วโมง
  • ให้ยาลดไข้แล้วยังเกิน 5 องศา
  • หายใจหอบ หรือหายใจลำบาก
  • มีอาการ มากกว่า 7 วัน
  • ปลายมือ ปลายเท้าเขียว
  • เด็กดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารไม่พอ
  • เด็กซึมลง ไม่เล่น
  • เด็กไข้ลดลง แต่หายใจไม่ออก

ผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ควรมาพบแพทย์

  • หายใจหอบ หรือหายใจลำบาก
  • มีไข้เกิน 24-48 ชั่วโมง'
  • เจ็บ หรือแน่นหน้าอก
  • หน้ามืด เป็นลม สับสน หน้ามืด
  • อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้

รุนแรง!เป็น\'ไข้หวัดใหญ่\' พร้อม \'โควิด-19\'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

 

เช็ก 'ไข้หวัดใหญ่' ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีน

โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) พบได้ในทุกเพศ ทุกกลุ่มอายุ แพร่ระบาดอย่างมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ติดต่อผ่านการไอ จาม หรือหายใจรดกัน โดยมีระยะฟักตัว 1-4 วัน ไข้หวัดใหญ่ มีอาการอย่างไร?

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 มีความคล้ายคลึงกัน และมีโอกาสติดเชื้อร่วมกัน หากติดโควิดร่วมกับไข้หวัดใหญ่ จะทำให้มีความเสี่ยงป่วยรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่กันด้วย

  • เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน – 3 ปี
  • สตรีมีครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  • ผู้สูงอายุ อายุ65 ปีขึ้นไป
  • ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง/หอบหืด/หัวใจ/หลอดเลือดสมอง/ไตวาย/เบาหวาน/มะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด)
  • ผู้พิการทางสมอง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
  • ผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคธาลัสซีเมีย (และผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
  • โรคอ้วน มีน้ำหนักเกิน 100 ก.ก. (BMI> 35 กก./ตรม.)

ไข้หวัดใหญ่ น่ากลัวกว่าที่คิด ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือ 'การฉีดวัคซีน' เสริมเกราะภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง

รุนแรง!เป็น\'ไข้หวัดใหญ่\' พร้อม \'โควิด-19\'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

 

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ควรทราบ

เจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด และจะหายภายใน 2 วัน อาการทั่วไป มีไข้ ปวดตามตัว และหลังจากการฉีดยา  6-12 ชั่วโมง และอยู่ได้นาน 1-2 วัน บางรายอาจมีผื่นลมพิษ ริมฝีปากบวม

ขณะที่ เมื่อมีอาการข้างต้น ควรตรวจ ATK ด่วนๆเช่นเดียวกัน สำหรับใครที่มีอาการระบบทางเดินหายใจส่วนบน หากมีอาการ มีไข้ ไอ เจ็บคอ ตาแดง ผื่นขึ้น ถ่ายเหลว แสบคอมาก ตรวจ ATK ทันที หรือเมื่อใดก็ตามที่มีไข้ โดยที่ไม่ได้มีอาการอื่นๆ หรือมีอาการเตือนของโรคไข้เลือดออก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป และเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

4 วิธีดูแลตนเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

  1. ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง หมั่นเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาเพื่อลดไข้ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. สวมเสื้อผ้าที่ทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ  สวมผ้าปิดปากและจมูกเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย
  3. ดื่มน้ำอุ่นมากๆ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นเป็นอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย และหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นควรใช้ช้อนกลาง
  4. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีภูมิต้านทานต่ำ

รุนแรง!เป็น\'ไข้หวัดใหญ่\' พร้อม \'โควิด-19\'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

 

หากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ปฏิบัติอย่างไร

ควรปฎิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • แยกตัวจากบุคคลอื่นเป็นเวลา 5 วัน และรับประทานยารักษาตามอาการ
  • เมื่อครบ 5 วันแล้ว ไม่มีไข้ อาการโดยรวมดีขึ้น พบปะบุคคลอื่น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ให้สวมหน้ากากอนามัย
  • หากยังมีไข้ อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้แยกตัวเพิ่มเป็น 10 วัน
  • ตรวจ ATK แล้วผลเป็น Negative (-) ทั้ง 2 ครั้ง สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้
  • ถอดหน้ากากอนามัยได้ เมื่อครบเวลา 10 วันแล้วนับตั้งแต่มีอาการ

โควิดยังคงอยู่กับเรา ผู้ที่มีอาการควรตรวจด้วย ATK ถ้าพบผลบวก (+) และพบว่าตัวเอง เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น อยู่ในกลุ่ม 608 หรือมีภูมิต้านทานต่ำ แนะนำให้ไปโรงพยาบาลพบแพทย์เพื่อรับยา และแนะนำควรรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หากฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือน

 

ป้องกันตนเองให้ห่างไกล โควิด

การป้องกัน และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 สามารถทำได้ด้วยวิธีที่เรารู้ข้อมูลอยู่แล้ว ได้แก่

  • การสวมหน้ากากอนามัย
  • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ผู้คนแออัด
  • เว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นขั้นต่ำ 2เมตร
  • คอยตรวจดูเฝ้าระวังอาการของตนเองหากมีไข้ 

อย่างไรก็ตาม โดยปัจจุบันวัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถฉีดพร้อมวัคซีนโควิดได้ โดยฉีดได้ในวันเดียวกัน ไม่ต้องเว้นระยะห่าง หากสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนที่คุณรักอยู่เสมอ ตรวจ ATK ด้วยตนเองก่อนในเบื้องต้น หากมีไข้สูง อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน 

รุนแรง!เป็น\'ไข้หวัดใหญ่\' พร้อม \'โควิด-19\'ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

ฉะนั้น หากติดเชื้อทั้งโควิด-19 และโรคไข้หวัดใหญ่ สามารถดูแลตนเอง ด้วยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโควิด-19 เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อทั้ง 2 ตัวนี้พร้อมกันได้

 

 

อ้างอิง: กรมควบคุมโรค , โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลเปาโล