WHO จัด 'โควิด-19' สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ

WHO จัด 'โควิด-19' สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ

องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ "โควิด-19" สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ แต่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชนในระดับต่ำ ขณะที่ ศูนย์จีโนม รพ.รามา เผย 13 คุณสมบัติสำคัญของ "โอมิครอน JN.1"

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันอังคาร (19 ธันวาคม 2566) จัดให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ "โควิด-19" สายพันธุ์ย่อย JN.1 ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์ BA.2.86  เป็น "สายพันธุ์ที่น่าสนใจ" (variant of interest) หลังจากพบสายพันธุ์นี้ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของโลก แต่ยังไม่พบว่าก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างออกไป หรือมีอาการรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตามตำแหน่งการกลายพันธุ์ของ JN.1 มีมากพอที่จะทำให้สามารหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น

ก่อนหน้านี้สายพันธุ์  BA.2.86 ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าสนใจเมื่อเดือนสิงหาคม และจนถึงขณะนี้ WHO ยังไม่เลื่อนอันดับสายพันธุ์ใดอยู่ในกลุ่ม "สายพันธุ์ที่น่ากังวล" (variant of concern) นับจากสายพันธุ์โอมิครอนถูกจัดอยู่ในกลุ่ม สายพันธุ์ที่น่ากังวล เมื่อปี 2564

ขณะที่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อ สายพันธุ์ JN.1 เกือบ 20% ของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ และสายพันธุ์นี้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีแนวโน้มจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วประเทศต่อไป ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูตรใหม่ที่มีในขณะนี้ คาดว่ายังสามารถป้องกันสายพันธุ์ JN.1 เช่นเดียวกับสายพันธุ์อื่น ๆ

ด้าน ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.)รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุ 13 คุณสมบัติสำคัญของ "โอมิครอน JN.1" ที่ควรทราบจากองค์การอนามัยโลก , กรมควบคุมโลกสหรัฐฯ, จีเสส(GISAID), และหน่วยงานหลักประกันสุขภาพของสหราชอาณาจักร(UK Health Security Agency)

1. คุณสมบัติการหลบหนีระบบภูมิคุ้มกันของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 อาจทำให้มีการติดเชื้อซ้ำในกลุ่มประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมาก

2. ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 จะเป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขมากกว่าโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการหมุนเวียนติดต่อทั่วโลกอยู่ในขณะนี้

 

3. บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และบุคคลที่มีโรคร่วมอื่น ๆ ที่รุนแรงสามารถป้องกันตนเองได้ด้วยวิธีที่ทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพ เช่น การสวมหน้ากากอนามัย

4. คุณสมบัติการหลบหนีระบบภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้นของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อแม่โอมิครอน BA.2.86 อาจทำให้สามารถแข่งขันกับสายพันธุ์อื่น ๆ ได้และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในปี 2567

5. องค์การอนามัยโลกกังวลว่าการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลกมีจำนวนลดลงอย่างมากอันอาจทำให้เราระบุจำนวนโอมิครอนสายพันธุ์ที่กำลังอุบัติขึ้นในขณะนี้เช่น JN.1, XDD คลาดเคลื่อน ส่งผลให้การวางแผนการป้องกันและการรักษาผิดพลาดได้

6. องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยของ SARS-CoV-2 เช่น JN.1, XDD อย่างต่อเนื่อง

7. ในขณะนี้ ความเสี่ยงทางสาธารณสุขที่คาดว่าจะเกิดจากโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำสำหรับการเกิดเป็นโรครุนแรงเมื่อเทียบกับโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ๆ

8. โอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 มีการแพร่กระจายที่มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการหมุนเวียนทั่วโลกในปัจจุบัน แต่ประเมินว่าไม่น่าจะถึงระดับของการระบาดครั้งแรกของโควิด-19 หรือการระบาดของโอมิครอนครั้งแรก

9. สัดส่วนของผู้ป่วยที่เกิดจากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 กำลังเพิ่มขึ้น แต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อเจ็บป่วยหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

10. ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์โอมิครอน JN.1 จะก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้น

11. การแพร่ติดต่ออย่างรวดเร็วของโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ ทำให้เกิดคำถามว่ามันอาจขับเคลื่อนให้เกิดการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อไปทั่วโลก

12. วัคซีนโควิด-19 เจนเนอเรชันล่าสุด “XBB.1.5 โมโนวาเลนต์” จากการทดสอบทั้งในสัตว์และทั้งในอาสาสมัครพบว่าป้องกันการติดเชื้อจากโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1 ได้ดี

13. การทดสอบทางห้องปฏิบัติการด้วย ATK, PCR และการรักษา โควิด-19 ด้วยยาต้านไวรัสยังมีประสิทธิภาพต่อโอมิครอนสายพันธุ์ JN.1

WHO จัด \'โควิด-19\' สายพันธุ์ JN.1 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ

 

อ้างอิง : WHOCenter for Medical Genomics