'EMFACE'ยกกระชับใบหน้า สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ

'EMFACE'ยกกระชับใบหน้า  สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ

ประเทศไทยมีการเสริมความงามมากที่สุดเป็นอันดับ 14 ของโลก ขณะที่เทรนด์ความงามยุคใหม่จะเน้นการรักษาที่ไม่พึ่งศัลยกรรม อย่างล่าสุด 'EMFACE' วิธีการใหม่ที่ใช้ยกกระชับ ลดหย่อนคล้อย ริ้วรอย แต่มีสิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียงก่อนไปทำ

Keypoints :

  •     ประเทศไทยมีการเสริมความงามมากเป็นอันดับ 14 ของโลก และมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดเสริมความงามของไทย จะขึ้นไปแตะระดับประมาณ 2.48 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.6% (CAGR ปี 2563-2570) เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เกือบ 3 เท่า
  •      เทรนด์ความงามยุคใหม่ จะเน้นการรักษาที่ไม่พึ่งศัลยกรรม เน้นแบบเป็นตัวเองอย่างยั่งยืนและปลอดภัย มีวิธีการใหม่อย่าง EMFACE ที่ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดการหย่อนคล้อย ริ้วรอย
  •      ผลการวิจัยใช้ EMFACE ในคนไทย รวมถึง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น  บุคคลที่ห้ามทำ และตอบคำถามที่ว่า คนฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน หรือร้อยไหมยกกระชับใบหน้ามาแล้ว ทำได้หรือไม่ 

     Krungthai COMPASS มองว่า ตลาดเสริมความงามของไทยมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าชาวไทย และกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ที่ต้องการเดินทางเพื่อเสริมความงาม โดยรายงานล่าสุดของ ISAPS ระบุว่า ไทย เป็นประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุดเป็นอันดับที่ 14 ของโลก

 มูลค่าตลาดเสริมความงามไทย

        จากรายงานของ Grand View Research ที่ได้ประเมินมูลค่าตลาดเสริมความงามทั่วโลก คาดว่า ในปี 2570 มูลค่าตลาดจะขึ้นไปแตะระดับ 2.16 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.14 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 13.9% (CAGR ปี 2563-2570) เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2.5 เท่า โดยมูลค่าตลาดเสริมความงามในกลุ่มที่ไม่ใช่การศัลยกรรม (Noninvasive Procedures) มีสัดส่วนมากกว่าการเสริมความงามโดยการศัลยกรรม (Invasive Procedures) ที่ระดับ 56% ของมูลค่าตลาดเสริมความงามทั่วโลก

\'EMFACE\'ยกกระชับใบหน้า  สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ

 

   ทั้งนี้ ข้อมูลของ Grand View Research คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดเสริมความงามของไทย จะขึ้นไปแตะระดับ 7.51 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.48 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.6% (CAGR ปี 2563-2570) เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เกือบ 3 เท่า

ข้อมูลของ Medical Tourism Association พบว่า ค่าบริการเสริมความงามของไทยถูกกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 50-120% (โดยเฉลี่ยประมาณ 80%) และยังถูกกว่าประเทศในภูมิภาคอย่างสิงคโปร์และเกาหลีใต้โดยเฉลี่ยประมาณ 24% และ 7% ตามลำดับ

และข้อมูลของบริษัทวิจัยด้านการตลาด Allied Market Research พบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เพื่อเสริมความงาม (Cosmetic treatment) สร้างรายได้ให้ไทยมากที่สุด โดยคาดว่าในปี 2570 จะมีมูลค่าตลาดกว่า 5.86 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของมูลค่าตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทย

เทรนด์ความงามยุคใหม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 BTL Aesthetics มีการแถลงข่าวอัพเดทเทรนด์ความงามและเผยผลวิจัยการใช้เทคโนโลยีด้านความงามEMFACE โดย บัณฑิตา อุมัษเฐียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย จาก BTL Aesthetics กล่าวว่า เทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะความงามในยุดใหม่หรือ Modern Aesthetics นั้น ผู้คนมักให้ความสำคัญกับความสวยงามในแบบฉบับที่เป็นตัวเองอย่างธรรมชาติ รวมทั้งยังใส่ใจถึงสุขภาพองค์รวมหรือ Wellness ที่ยั่งยืนด้วย และมีความสวยอย่างปลอดภัย ซึ่งEMFACE เป็นการตอบโจทย์เทรนด์นี้ ด้วยการดึงความสวยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

\'EMFACE\'ยกกระชับใบหน้า  สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ EMFACE ยกกระชับใบหน้า

     บัณฑิตา กล่าวอีกว่า EMFACE ที่บริษัทศึกษาถึงต้นเหตุของปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย จึงไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับผิวหนังชั้นบนและชั้น SMAS เท่านั้น แต่สามารถให้การดูแลในทุกชั้นผิว รวมถึงส่วนของชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกที่สุดและทำหน้าที่พยุงชั้นผิวทั้งหมดไว้ มีความสำคัญและส่งผลต่อความหย่อนคล้อย นี่คือจุดเด่นของ EMFACE ที่ช่วยสร้างผิวหน้ายกกระชับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือทำลายเซลล์ผิว เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ก่อให้เกิดแผล ใช้เวลาน้อย และไม่ต้องพักฟื้น ตอบโจทย์ความงามยุคใหม่ที่ยั่งยืนทั้งระหว่างกระบวนรักษาและผลลัพธ์หลังทำ

     การทำงานของ EMFACE ได้ผสานสองคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อใบหน้าโดยเฉพาะ ได้แก่HIFESTM (High Intensity Facial Electrical Stimulation) ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อเฉพาะมัดที่ทำให้หน้ายกกระชับใต้ผิว และทำให้แต่ละชั้นผิวได้รับการพยุงกันได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยเกิดการยกกระชับ และคลื่นพลังงาน Synchronized RF ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสติน ช่วยคืนความยืดหยุ่นให้ผิวดูเรียบเนียนและซะลออายุผิวให้ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเป็นธรรมชาติ กลไกนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) ที่ทำหน้าที่ยึดโยงผิวในแต่ละชั้นให้มีความแข็งแรง

        การทำEMFACE

  • เป็นเทคโนโลยีกลุ่มคลี่นพลังงาน ที่ใช้ความร้อนต่ำ 42 องศาเซลเซียส จึงมีความอ่อนโยน โดยจะมีแผ่นแปะบริเวณที่หน้าผาก และแก้ม
  • ใช้เวลาครั้งละ 20 นาที แนะนำให้ทำ 4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 สัปดาห์
  • ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ริ้วรอยที่ผิวหน้าแลดูลดเลือนลง ใบหน้าแลดูยกกระชับมากขึ้น
  • ไม่แนะนำให้ทำในผู้ที่มีโลหะในร่างกาย
  • และต้องทำโดยแพทย์
  • ส่วนการคงอยู่ของผลลัพธ์ บริษัทมีการติดตามถึง 12-16 เดือน ซึ่งผลการวิจัยอยู่ระหว่างรอตีพิมพ์"บัณฑิตากล่าว
    \'EMFACE\'ยกกระชับใบหน้า  สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ

ผลการศึกษาในคนไทย

       ศ.นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ หัวหน้าศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การศึกษาประสิทธิผลของการทำEMFACEในคนไทย ได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากBTL Aesthetics ในเรื่องเครื่องมือในการวิจัย ทั้งนี้ บริษัทได้ยอมรับกฎการวิจัยภายนอกของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คือ ไม่ผลการวิจัยจะออกมาให้ผลเป็นบวกหรือลบ จะต้องมีการนำเสนอและตีพิมพ์ทางวิชาการ เพื่อให้รู้ว่าได้ผลตามที่บริษัทระบุหรือไม่

     การศึกษานี้มีกลุ่มตัวอย่างในประเทศไทยจำนวน 15 คน อายุเฉลี่ย 48 ปี ดำเนินการในช่วงเดือนเม.ย.2566 กระบวนการวิจัยได้นำโซลูชันการวิเคราะห์สภาพผิวโดยการถ่ายภาพแบบสามมิติ ได้แก่ QuantifiCare และเทคโนโลยีAntera 3D@ มาใช้ในการวิเคราะห์สภาพผิวและประเมินประสิทธิผลทางสถิติ ผลลัพธ์ภายหลัง 1 เดือนที่เข้ารับการรักษาด้วยโปรแกรม EMFACE ครบ 4 ครั้ง พบว่า

      การยกตัวของผิวบริเวณหน้าผากและแก้ม ไปจนถึงริ้วรอยบริเวณหางตาที่ตื้นขึ้น นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ผิวด้วยโซลูซันสามมิติยังพบว่าปริมาตรของผิวบริเวณร่องน้ำตาและแก้มมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่งผลให้ร่องตาที่ลึกและปัญหาแก้มตอบดูเต็มอิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังครอบคลุมถึงประสิทธิผลด้านความเรียบของสภาพผิว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้พบว่าผิวบริเวณหน้าผากมีความเรียบขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเช่นกัน นับเป็นผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายสำหรับการรักษาที่ไม่พึ่งการศัลยกรรม
\'EMFACE\'ยกกระชับใบหน้า  สิ่งต้องรู้ ข้อห้าม ผลข้างเคียง ก่อนไปทำ

กลไกการออกฤทธิ์EMFACE

"ไม่ว่าจะด้วยอายุที่มากขึ้นหรือมลภาวะ ต่างส่งผลให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่พยุงชั้นไขมันใต้ผิวหน้าเสื่อมสภาพลง วิทยาการของ EMFACE ในการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ น่าจะมีผลช่วยกระตุ้นให้เกิดการเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่พยุงชั้นไขมันขึ้นใหม่ด้วย ซึ่งจะส่งผลช่วยยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้น เห็นได้จากความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญของกลุ่มตัวอย่าง"ศ.นพ.วรพงษ์กล่าว

ผลข้างเคียงทำEMFACE

สำหรับผลข้างเคียง ศ.นพ.วรพงษ์ กล่าวว่า

  • เกิดรอยแดงเล็กน้อยถึงปานกลาง หายเองใน 30 นาที จำนวน 8 ใน 60 ครั้ง คิดเป็น 13.3%
  • อาการเสียวฟัน เกิด 3 ใน 60 ครั้ง คิดเป็น 5% หายเองใน 2 ชั่วโมง
  • และแสบ 1 ใน 60 ครั้ง คิดเป็น 1.7% เกิดขึ้นเฉพาะระหว่างการรักษา
    ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นนี้ ทางวิจัยถือว่ายอมรับได้ เพราะน้อยมากและหายเอง โดยไม่ต้องรักษา

       ข้อบ่งชี้การทำEMFACE ในปัจจุบัน ศ.นพ.วรพงษ์ กล่าวว่า จะไม่ทำในผู้ที่

 1.มีการใช้คลื่นวิทยุ ถ้าคนติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ

 2.ผู้ที่มีวัสดุฝังเหล็กบริเวณใบหน้า รวมถึง เหล็กดัดฟัน

 3.ผู้ที่มีความผิดปกติ ความแข็งแรงกล้ามเนื้อ หรือความล้าของกล้ามเนื้อ

           "ส่วนคนที่มีการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน ก็สามารถทำEMFACEได้ แต่มีความร้อนทำให้ฤทธิ์ของโบทูลินั่มน้อยลง แต่หากทำ EMFACEก่อนอาจทำให้การใช้ปริมาณของโบทูลินั่มน้อยลง ส่วนคนที่ร้อยไหมมาก่อน ไม่แน่ใจว่าEMFACEจะมีผลดับไหมหรือไม่ แต่ตรงกันข้าม สามารถทำEMFACEก่อนไปร้อยไหมทีหลังก็ได้ และคนที่ทำศัลยกรรมพลาสติกร เช่น เสริมจมูก สามารถทำEMFACEได้ เพราะการแปะแผ่นของเครื่องจะทำบริเวณหน้าผากและแก้ม ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับอวัยวะส่วนอื่น"ศ.นพ.วรพงษ์กล่าว