“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

คอลัมน์ "Work life balance" กรุงเทพธุรกิจ สัมภาษณ์ "หมอมิยู" ทพญ.ชรินญา กาญจนเสวี ทันตแพทย์นักวิ่ง กับเป้าหมายสู่การพิชิต World Marathon Majors พร้อมเผยเคล็ดลับการแบ่งเวลาการทำงาน และการซ้อมเพื่อให้ไปถึงฝัน

“อยากจะวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะวิ่งไม่ได้” หมอมิยู - ทพญ.ชรินญา กาญจนเสวี ทันตแพทย์ประจำ โรงพยาบาลเจ้าพระยา วัย 32 ปี คุณหมอนักวิ่ง เล่าให้กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ฟังถึงเป้าหมายระยะยาว เพราะ “การวิ่ง” ไม่ใช่แค่ให้สุขภาพที่ดี แต่ยังสามารถนำเงินที่ได้จากการวิ่งส่งต่อให้กับโรงพยาบาล และทำให้คนครอบครัวหันมาออกกำลังกายได้อีกด้วย

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

ด้วยความที่คุณพ่อและคุณแม่เป็นทันตแพทย์ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับ “หมอมิยู” ในการเรียนแพทย์ สู่การเป็น คุณหมอฟันนักวิ่งในปัจจุบัน และเนื่องจากออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กทั้งเป็นนักว่ายน้ำ เรียนขี่ม้า เทนนิส นอกจากนี้ ยังเล่นดนตรีอย่างเปียโน และตีกลอง ส่งผลให้เป็นคนแอคทีฟ แต่การเตรียมพร้อมสอบเข้าคณะแพทย์ในช่วง ม.ปลาย จนมาถึงช่วงเรียน 6 ปี ทำให้การออกกำลังกายต้องหยุดชะงักไป กระทั่งได้มาใช้ทุนที่ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ศาลายา จุดประกายให้กลับมาวิ่งอีกครั้ง

หมอมิยู เล่าว่า ตอนที่เริ่มกลับมาวิ่ง เพราะเห็นคนที่ทำงานไปวิ่งกัน ประกอบกับเป็นช่วงที่พี่ตูนวิ่ง “ก้าว” จากเบตง ไปแม่สาย บริจาคให้โรงพยาบาลเป็นแรงบันดาลใจว่า พี่ตูนเขาวิ่งเพราะเขาชอบ ทำให้งานอดิเรกสามารถนำเงินไปสร้างโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยได้อีกหลายชีวิต งานวิ่งแรกที่ลง คือ งานวิ่งของ ศูนย์โรคหัวใจฯ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลา 65 นาที มีแวะระหว่างทางด้วย คนที่เขาวิ่งมาก่อนเขาบอกว่า ใช้เวลาดีมากสำหรับการวิ่งครั้งแรก

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

 

  • จัดตารางงานและการวิ่ง

“พอมีคนชมว่าเราวิ่งดี จึงหางานวิ่งอื่นๆ ลง และลงวิ่งงานเดิมจนได้ถ้วยรางวัลในปีต่อๆ มา สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้อยากลองซ้อมจริงจังดูว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน พอวิ่งดีขึ้น เริ่มมีการซ้อม ได้ถ้วยและเงินรางวัล ก็จะเอาเงินรางวัลทั้งหมดไปบริจาคให้โรงพยาบาล เป็นเหตุผลว่าทำไมเราอยากวิ่งล่าถ้วยรางวัลได้เงิน เพราะเราสามารถทำให้งานอดิเรกเกิดประโยชน์แก่คนอื่นได้ เป็นการเติม Passion เล็กๆ น้อยๆ นอกเหนือจากการทำงาน” หมอมิยู กล่าว

ทั้งนี้ ด้วยการทำงานที่เป็นทันตแพทย์เต็มเวลา และได้หยุด 2 วันต่อหนึ่งสัปดาห์ ทำให้หมอมิยูต้องจัดตารางในการซ้อม เพราะเป้าหมายใหญ่ คือ การเข้าร่วม World Marathon Majors ซึ่งต้องวิ่งรายการใหญ่ 6 เมือง และมีผู้หญิงไทยที่วิ่งครบเพียง 8 คนเท่านั้น

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

“หมอมิยู” เล่าต่อไปว่า ใน 6 รายการ จะมีหนึ่งสนามที่ต้องวิ่งเวลาดีๆ เท่านั้นถึงจะสมัครงานนี้ได้ คือ Boston Marathon กลายเป็นสนามที่ท้าทายของนักวิ่งมาราธอนว่าจะต้องมาที่นี่ให้ได้ โดยรุ่นอายุ 30-39 ปี ต้องใช้เวลา 3.30 ชม. ใน 42 กิโลเมตร และล่าสุดเราก็สามารถทำเวลา 3.23 ชม. ที่เบอร์ลิน เยอรมัน เพื่อที่จะไปงานวิ่งที่สนามบอสตันได้สำเร็จ

“รู้สึกดีใจเพราะต้องซ้อมหนักมากและทำงานไปด้วย ต้องจัดตารางในชีวิตระดับหนึ่ง เราทำงานประจำ 5 วัน เข้างาน 8.30 – 17.00 น. ดังนั้น จึงต้องตื่นตี 4 ซ้อมวิ่งตี 5 และไปทำงาน หากบางวันที่นัดคนไข้เช้ามากก็จะไปซ้อมช่วงเย็น เลิกงาน 5-6 โมงเย็น ไปวิ่ง 1 -2 ทุ่ม หากเป็นช่วงวันหยุด ก็จะดูสภาพร่างกายแต่ละวันว่าจะซ้อมเช้าหรือช่วงเย็น” หมอมิยู กล่าว

 

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

 

  • ท้อบ้าง แต่ไม่ถอย

พอถามว่าเคยรู้สึกเหนื่อยหรือท้อกับการวิ่งบ้างหรือไม่ หมอมิยู ตอบว่า เหนื่อยแต่สนุก ตอนนี้เราอายุ 32 ปี กำลังมีแรง เป็นช่วงชีวิตที่พอจะจัดการอะไรหลายๆ อย่างได้พอสมควร เลยอยากจะทำทุกๆ อย่าง จะได้ไม่เสียใจเมื่อแก่ไปแล้วว่าไม่ได้ทำ และหากทำแล้วเกิดประโยชน์อย่างวิ่ง เราวิ่งชนะเราได้เงินก็เอาไปบริจาคโรงพยาบาล ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง

“อย่างไรก็ตาม แม้การวิ่งจะถือเป็นทั้งงานอดิเรก และ Passion แต่ก็มีช่วงที่ทำให้ท้อกับการวิ่งเช่นกัน เพราะตอนแรกเราวิ่งเล่นๆ พอเริ่มวิ่งจริงจังทำให้มีอาการบาดเจ็บ ยิ่งวิ่งยิ่งเจ็บก็เริ่มท้อไม่อยากวิ่ง แต่โชคดีที่มีสังคมนักวิ่ง มีคนที่เจ็บแบบเราช่วยกันหาวิธีแก้ไข ให้กำลังใจกัน มาวิ่งเป็นเพื่อน สังคมนักวิ่งค่อนข้างเป็นมิตร ทำให้เรากลับมาสู้ต่อ” หมอมิยู กล่าว

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

 

  • ส่งต่อสุขภาพดีให้ครอบครัว

ทั้งนี้ “การวิ่ง” ไม่เพียงแค่ให้สุภาพที่แข็งแรงเท่านั้น หมอมิยู มองว่า ยังให้สังคม ได้เจอคนมากมายนอกเหนือจากการทำงานในชีวิตประจำวัน เหมือนทุกคนถอดหมวก วางบทบาททุกอย่างลง และเป็นนักวิ่งเหมือนกัน ชอบในเรื่องเดียวกัน สุดท้าย คือ ได้ทำบุญช่วยเหลือโรงพยาบาล และทำให้คนในครอบครัวหันมาสนใจออกกำลังกายและมีสุขภาพดีขึ้น

 

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

 

แต่ก่อนครอบครัวไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเราต้องตื่นเช้าไปวิ่ง ขับรถไปไกลๆ เพื่อไปวิ่งแปปเดียว แต่พอเขาเริ่มเห็นว่าเรามีพัฒนาการ ได้รางวัล ได้ถ้วยซึ่งตอนนี้มี 100 กว่าถ้วย เขาก็เริ่มอยากรู้ว่าวิ่งแล้วเป็นอย่างไร คุณพ่อคุณแม่เริ่มอยากจะไปสัมผัสบรรยากาศบ้าง อยากลองไปวิ่งที่เมืองนอกกับเรา แม่ก็เอารองเท้าวิ่งที่เราไม่ได้ใส่แล้วมาเดินวันละ ครึ่งชม. – 1 ชม. จากแต่ก่อน คือ ไม่เคยเลย พอเห็นคนในครอบครัวหันมาวิ่งแล้วสุขภาพดีขึ้นทำให้เรารู้สึกดีตามไปด้วย

“เวลางานเครียดและหาทางออกไม่ได้ นอกจากการปรึกษาคุณพ่อคุณแม่แล้ว เราก็จะไปวิ่งคนเดียว ฟังเพลงไปด้วย ทำให้คิดออก พอไม่เครียดทุกอย่างก็จะดีขึ้น หรือวันไหนที่นอนไม่หลับ วิ่งเหนื่อยๆ ก็หลับ การวิ่งช่วยทั้งให้เรามีไอเดียเกิดขึ้นระหว่างทาง และทำให้เรานอนหลับได้” หมอมิยู กล่าว

 

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

 

  • วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้

เมื่อถามถึงเป้าหมายในการวิ่ง หมอมิยู กล่าวว่า เป้าหมายระยะสั้น นอกจากการวิ่งแล้ว ยังจะขยับไปที่ไตรกีฬา ในการแข่งขัน Ironman คือ ว่าย 3.8 กม. ปั่นจักรยาน 180 กม. และวิ่ง 42 กม. เป็นเป้าหมายที่อยากจะได้ คิดว่าหากสามารถจบการแข่งขัน Ironman ได้ ในระยะยาวก็จะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อยากจะวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะวิ่งไม่ได้ อยากออกกำลังกายไปเรื่อยๆ และพาคนในครอบครัวไปออกกำลังกายกับเราด้วย

  • เริ่มวิ่งอย่างไรไม่ให้ท้อ

สำหรับใครที่กำลังสนใจที่จะเริ่มวิ่ง หมอมิยู แนะว่า หากยังไม่เคยวิ่งแล้วจะเริ่มวิ่ง ต้องใจเย็นๆ หากเราวิ่ง 1 นาทีแล้วเหนื่อย ก็พักเดิน อาจจะเดิน 1 นาที หายเหนื่อยแล้ววิ่งเหยาะๆ แล้วค่อยๆ เพิ่ม วิ่ง 5 นาที พัก 5 นาที และเพิ่มเวลาเป็นวิ่ง 10 นาที 20 นาที ใช้เป็นเดินสลับวิ่งก่อน

“ส่วนตัวก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน คือ เดินสลับวิ่งและเพิ่มเวลาในการวิ่งให้ยาวขึ้นให้ร่ายกายค่อยๆ ปรับให้ชิน หากวิ่ง 30 นาทีแล้วไม่พักได้ ก็เริ่มลองเพิ่มเป็นวิ่ง 40 นาทีแล้วไม่พักได้หรือไม่ ค่อยๆ อัพเวเวลไปเรื่อยๆ” หมอมิยู กล่าว

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”
 

ขณะเดียวกัน รองเท้าวิ่ง แนะนำว่า เลือกจากดีไซน์ที่ชอบก่อน พอเราเห็นสิ่งที่เราชอบก็ทำให้เราอยากวิ่ง หากเป็นไปได้ ที่ร้านขายรองเท้าจะมีเครื่องวัด ว่าเรามีเท้าลักษณะแบบไหน และพนักงานจะแนะนำรองเท้าที่เหมาะกับเรา แนะนำว่าอาจจะเลือกคู่ที่ชอบก่อน และลองวัดดูว่าลักษณะรูปเท้าเป็นอย่างไร พอจะใส่คู่ที่เราชอบได้หรือไม่ เลือกแล้วจะได้ไม่ต้องซื้อใหม่เยอะ

“ทั้งนี้ การดูแลตัวเอง โดยเฉพาะช่วงที่ต้องวิ่ง 42 กิโลเมตร ก่อนแข่งจะกินพวกแป้ง ขนมปังโฮลวีต ก่อน 3 ชม. และทานเจลให้พลังงาน และระหว่างวิ่งต้องเติมเจลให้พลังงาน 40 นาที และหลังจากวิ่งต้องทานโปรตีน เพราะเราใช้กล้ามเนื้อเยอะ มีกล้ามเนื้อหายไปช่วงแข่ง” หมอมิยู กล่าว

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง  กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”