กาฬสินธุ์…วันนี้ หลุดพ้นจาก “จังหวัดยากจน” | ผู้นำยุคสุดท้าย

กาฬสินธุ์…วันนี้ หลุดพ้นจาก “จังหวัดยากจน” | ผู้นำยุคสุดท้าย

“จังหวัดกาฬสินธุ์” วันนี้ หลุดพ้นจาก “จังหวัดยากจน” แล้วครับ! ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและจริงจังต่อเนื่องของหน่วยงานต่างๆ ใน “จังหวัดกาฬสินธุ์” (ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม)

คือ “ปัจจัยแห่งความสำเร็จ” ที่ทำให้ประชาชนในกาฬสินธุ์อยู่เหนือเส้นแห่ง “ความยากจน” คือ จากจังหวัดยากจนใน 3 อันดับรั้งท้ายของประเทศไทย วันนี้ จ.กาฬสินธุ์ได้ยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชนขึ้นมาเป็นลำดับที่ 66 ของประเทศไทยแล้ว

ปัจจุบัน การจัดอันดับจังหวัดตามสัดส่วนคนจนในประเทศเมื่อปี 2566 เรียงจากจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนจากน้อยไปหามาก จ.กาฬสินธุ์มีสัดส่วนคนจนต่อประชากรอยู่อันดับที่ 66 ของประเทศ (จากก่อนหน้าที่ติด 1 ใน 10 จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุด)

หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จของ “การพัฒนายุทธศาสตร์ขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคม” ก็คือ “มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์”

ในการก้าวสู่ “การพ้นความยากจน” นั้น จ.กาฬสินธุ์ โดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ “มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์” ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ขจัดความยากจน โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและได้ดำเนินการตามตารางเวลา ดังนี้

ปี 2563 ได้แก่ (1) ค้นหาสอบทาน 18 อำเภอ นำเข้าข้อมูลครัวเรือนยากจน 9,395 ครัวเรือน (2) พัฒนาระบบ KHM (Kalasin Happiness Model : โครงการกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง) และ(3) ปฏิบัติการแก้จนในพื้นที่นำร่อง (ตำบลกลางหมื่น) ผลลัพธ์ คือ ยกระดับรายได้ ร้อยละ 10

ปี 2564 ได้แก่ (1) ค้นหาสอบทาน ครัวเรือนยากจนเข้าระบบเพิ่ม 1,844 ครัวเรือน (รวม 11,239 ครัวเรือน) (2) พัฒนาโมเดลแก้จนในพื้นที่นำร่อง 3 แห่ง คลังแรงงาน การบริหารจัดการแปลงรวม ไก่พื้นเมือง ผลลัพธ์ คือ ยกระดับรายได้ ร้อยละ 10

 

ปี 2565 ได้แก่ (1) ปฏิบัติการแก้จน (OM) ในพื้นที่อำเภอนามน และสหัสขันธ์ (2) ยกระดับ Provincial Platform อำเภอนามน สหัสขันธ์ และ(3) ขับเคลื่อนการเป็นเจ้าของระบบข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน (Local Data Ownership) ผลลัพธ์ คือ ยกระดับรายได้ ร้อยละ 10

ปี 2566 ได้แก่ 

(1) พัฒนาโมเดลแก้จน 6 อำเภอนำร่อง (นามน กุฉินารายณ์ ดอนจาน กมลาไสย สหัสขันธ์ หนองกุงศรี) ร่วมกับ มทร.วิทยาเขตขอนแก่น

(2) ยกระดับระบบข้อมูล KHM v.2 (Kalasin Happiness Model) เป็น KHM v.3 และ DSS (Decision Support System)

(3) ยกระดับ Provincial Platform Forum เกิดยุทธศาสตร์แก้จนระดับอำเภอและจังหวัด

(4) ขับเคลื่อน Local Data Ownership ร่วมกับ อปท. 13 แห่ง และ

(5) พัฒนานักบริหารจัดการเชิงพื้นที่ (ARM/ADM) จำนวน 54 คน ผลลัพธ์ คือ ยกระดับรายได้ ร้อยละ 20

การดำเนินการข้างต้น จ.กาฬสินธุ์ได้เริ่มจากการระดมสรรพกำลัง และได้รับ “ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” อย่างเต็มที่ เพื่อขจัดความยากจน จนผู้คนเรียกขานรูปแบบของการขจัดความยากจนนี้ว่า “กาฬสินธุ์โมเดล” อันได้แก่

(1) การบูรณาการการทำงาน โดยมีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบระหว่าง “มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์” ภาครัฐ (อปท. กระทรวงต่างๆ), ภาคเอกชน, และภาคประชาสังคมในทุกระดับ

(2) การสร้างระบบพี่เลี้ยง โดยจัดให้มี “พี่เลี้ยง” คอยกำกับดูแล ให้คำปรึกษา และติดตามความก้าวหน้าของครัวเรือนยากจนอย่างใกล้ชิด

(3) การสร้างความไว้วางใจและความเป็นเจ้าของร่วม โดยส่งเสริมให้ชุมชนเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของปัญหาและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการดำเนินงาน เพื่อเป็นการสร้างความผูกพันและความยั่งยืนของโครงการ

นอกจาก “การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” แล้ว โครงการฯ นี้ยังตามติดด้วยกลไกสำคัญที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ ที่มุ่งลดความยากจนในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งประกอบด้วย

(1) การบริหารจัดการข้อมูลที่ครอบคลุมและการช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมาย

(2) การพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้

(3) การยกระดับสวัสดิการชุมชนและการสนับสนุนทางสังคม และ

(4) การนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) มาใช้ในการพัฒนา

โครงการขจัดความยากจนนี้ ยังได้ทำการวิเคราะห์ “ทุน 5 มิติ”  โดยใช้กรอบการวิเคราะห์ “ทุนชีวิต 5 ด้าน” คือ ทุนมนุษย์ ทุนกายภาพ ทุนเศรษฐกิจ ทุนธรรมชาติ และทุนทางสังคม เพื่อประเมินศักยภาพ ปัญหา และความต้องการที่แท้จริงของครัวเรือนยากจน

ทั้งหมดทั้งปวงข้างต้นนี้ เป็นเพียง “บทสรุป” เท่านั้น (ซึ่งยังมีรายละเอียดอีกมากพอสมควรทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติการ) โดยผู้คนส่วนใหญ่ดูแล้วรู้สึกว่าทำได้ยาก แต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ (เพราะที่กาฬสินธุ์ทำได้ผลแล้ว)

สิ่งที่สำคัญ ก็คือ “มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์”  ซึ่งเป็น “คลังสมอง” และ “ศูนย์กลาง” ในการขับเคลื่อนโครงการฯ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนต้องพึ่งพา “ปัจจัยสำคัญ” ต่อไปนี้ คือ

(1) การวิจัยและสร้างองค์ความรู้

(2) การกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์

(3) การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี

(4) การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและชุมชน

(5) การเชื่อมโยงและบูรณาการภาคีเครือข่าย และ

(6) การพัฒนาโมเดลและการขยายผล

“กาฬสินธุ์โมเดล” ที่ทำให้กาฬสินธุ์มีวันนี้ได้ จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาเพื่อขจัดความยากจนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัย “การดำเนินการและร่วมมือกันอย่างจริงจังของทุกภาคส่วน” ในปฏิบัติการต่างๆ บนพื้นฐานของ “ความรู้ทางวิชาการ” จากอาจารย์และนักวิชาการที่รู้จริงทำจริง เพื่อมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ครับผม !