20 ปีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ฝากคำถามถึงกรมสรรพสามิต | นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์

20 ปีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ฝากคำถามถึงกรมสรรพสามิต | นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์

"กรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ภาษีสรรพสามิตยาสูบ และการลดภาระโรคในประชากรไทย" ปีนี้ครบรอบ 20 ปี กรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสุขภาพตั้งแต่ปี 2548

KEY

POINTS

  • ผู้เขียนตั้งคำถามถึงกรมสรรพสามิตถึงเหตุผลที่ยังคงใช้นโยบายที่สร้างความเสียหายให้ประเทศ และความล่าช้าในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมพิธีสารขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย
  • ประเทศไทยปรับใช้โครงสร้างภาษียาสูบแบบสองอัตราในปี 2560 ซึ่งสวนทางกับข้อเสนอแนะของ WHO และธนาคารโลก
  • นโยบายภาษีสองอัตราส่งผลให้รายได้ภาษีของรัฐลดลงกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี กระทบต่อกำไรของการยาสูบแห่งประเทศไทย และทำให้ส่วนแบ่งตลาดบุหรี่นำเข้าเพิ่มขึ้น

การประชุมวิชาการการควบคุมยาสูบระดับโลก ณ กรุง ดับลิน ประเทศ ไอร์แลนด์ มีข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาฯ ในมาตราต่างๆ ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญคือภาษีสรรพสามิตผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคติน   

หลักการสำคัญหนึ่งในนโยบายการควบคุมยาสูบและผลิตภัณฑ์ที่มีสารนิโคติน คือการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นระยะ เพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่มวน ผลพลอยได้คือรายได้จากภาษีดังกล่าวนำมาใช้ประโยชน์เป็นงบประมาณทางด้านสุขภาพสำหรับลดภาระโรคในประชากร   

โรคไม่ติดเชื้อเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และทุพพลภาพระดับต้นๆ ของโลก ซึ่งเป็นภาระต่อระบบสุขภาพ ลดผลิตภาพ และเพิ่มความยากจน  โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง

การเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น สุรา ยาสูบ อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกเสนอแนะให้ใช้กลไกทางภาษีเพื่อป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดเชื้อเรื้อรัง

หากออกแบบอย่างรอบคอบและดำเนินการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิผล กลไกการเก็บภาษีเพื่อสุขภาพจะช่วยรักษาชีวิต ลดอัตราการเกิดโรคไร้เชื้อเรื้อรัง และเป็นแหล่งงบประมาณรายได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ 

การขับเคลื่อนนโยบายภาษีเพื่อสุขภาพเป็นความท้าทายและมีความสลับซับซ้อน แต่หากรัฐบาลใดเพิกเฉยจะก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาล

ดังนั้น จำเป็นต้องมีการบูรณาการความร่วมมือในภาคส่วนต่างๆ ของรัฐ ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการสอดประสานกับหน่วยงานอื่นๆ

ถึงแม้จะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงจากองค์กรธุรกิจ แต่รัฐบาลจะต้องปกป้องสุขภาพของประชาชน เนื่องจากเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ประเทศต่างๆ เผชิญกับความกดดันทางการเงินและงบประมาณจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย หนี้คงค้างที่ต้องชำระ และการตัดความช่วยเหลือของต่างประเทศ แต่ทางออกของปัญหาอาจจะมาจากการเพิ่มอัตราภาษีผลิตภัณฑ์สุรา ยาสูบ และเครื่องดื่มผสมน้ำตาล ยาสูบเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 8 ล้านคนต่อปีทั่วโลก 

การเพิ่มราคาร้อยละ 50 ของสุรา ยาสูบ และเครื่องดื่มผสมน้ำตาล จากกลไกการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตจะเพิ่มรายได้กว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปี และจะช่วยรักษาชีวิต 50 ล้านคนในระยะ 50 ปีข้างหน้า

ประเทศสหรัฐอเมริกามีความสูญเสียแต่ละปีจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากยาสูบคิดเป็นจำนวนเงิน 180 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ 185 พันล้านเหรียญสหรัฐจากความสูญเสียผลิตภาพ 

หลายประเทศยังไม่ได้ใช้กลไกภาษีสรรพสามิตนี้ให้เกิดประโยชน์ หรือกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำเกินไปจึงไม่มีประสิทธิผล

องค์การอนามัยโลกเสนออัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ร้อยละ 75 ของราคาขายปลีก แต่โดยเฉลี่ยประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้อัตราร้อยละ 42 ซึ่งไม่มีประสิทธิผลเพียงพอ 

การผลักดันอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่องค์การอนามัยโลกเสนอแนะ ไม่มีผลเสียต่อเศรษฐกิจแต่อย่างใด ทั้งในแง่ของความเบี่ยงเบนทางเศรษฐศาสตร์ด้านอุปทาน หรืออัตราการว่างงาน

และรัฐบาลสามารถลดความเสี่ยงของบุหรี่หนีภาษีในตลาดมืดด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายอาจจะไม่กล้าเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิต แต่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนการขึ้นภาษีเมื่ออธิบายและให้รายละเอียดถึงประโยชน์ต่อสาธารณสุข 

สำหรับประเทศไทย มีการดำเนินการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นระยะมาโดยตลอด แต่ในปีพ.ศ. 2560 มีการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบเป็นสองอัตรา เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก

ทั้งเก็บภาษีได้ลดลง และส่วนแบ่งการครองตลาดของบุหรี่นำเข้าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การยาสูบแห่งประเทศไทยมีกำไรลดลงจากปีละ 7-8 พันล้านบาทเหลือปีละไม่กี่ร้อยล้านบาท

ทั้งนี้ การสวนทางกับข้อเสนอแนะของธนาคารโลก และองค์การอนามัยโลกไม่เป็นผลดีต่อการควบคุมยาสูบและรายได้จากภาษีสรรพสามิตยาสูบของประเทศไทย ซึ่งลดลงปีละกว่าหมื่นล้านบาท และกรมสรรพสามิตยังไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น 

ประเด็นของบุหรี่หนีภาษี หรือบุหรี่เถื่อนในมาตรา 15 กรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก เสนอแนะให้สมาชิกประเทศเข้าร่วมเป็นภาคีพิธีสารขจัดการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย

ในทางปฏิบัติกรมสรรพสามิตได้มีความพยายามในการปรับปรุงรูปแบบใบอนุญาต ระบบการตรวจติดตาม พัฒนาระบบแสตมป์ การตรวจสอบสินค้า การบันทึก มาตรการรักษาความปลอดภัย ให้เป็นไปตามกรอบอนุสัญญาฯ

ระบบตรวจติดตามนั้นสามารถควบคุมได้ภายในประเทศ แต่ระบบตรวจติดตามระหว่างประเทศยังไม่มีความพร้อม 

ความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น ความช่วยเหลือและร่วมมือด้านการฝึกอบรม การสืบสวนสอบสวนและการดำเนินคดี การส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่มีประเด็นที่เป็นปัญหา ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม

กรมสรรพสามิตเคยให้ข้อมูลปัญหาอุปสรรคในการทำระบบตรวจติดตามระหว่างประเทศ เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกจัดให้ประเทศไทยอยู่คนละกลุ่มกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งหน่วยงานของรัฐต้องมีการดำเนินการอีกหลายอย่าง เพื่อการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมพิธีสารฯ 

สุรา ยาสูบ อาหารแปรรูป และพลังงานจากฟอสซิล เป็นอุปสรรคสำคัญต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง มีนักวิชาการที่มีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพในการขับเคลื่อนกลไกภาษีสรรพสามิตยาสูบที่มีประสิทธิผล และมีหน้าที่ต้องอธิบายให้สังคมได้เข้าใจว่า...

เหตุใดกรมสรรพสามิตจึงสวนทางกับข้อเสนอแนะของธนาคารโลกและองค์การอนามัยโลก ด้วยภาษีสองอัตรามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติมหาศาลมาถึงปัจจุบัน

 

ศ.ดร.นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์

สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย 

มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ

20 ปีกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ฝากคำถามถึงกรมสรรพสามิต | นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์