10 แนวทางสร้างสังคมไทย ‘ปรองดอง-ลดความแตกแยก’ | หน้าต่างความคิด

ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองและสังคมในประเทศไทยได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนในมิติต่าง ๆ เช่น คนในเมืองกันคนในชนบท คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่
และคนที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมกับคนที่มีแนวคิดแบบก้าวหน้า เป็นต้น ความขัดแย้งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและการพัฒนาประเทศในระยะยาว
จากถอดบทเรียนความสำเร็จในเรื่องนี้ทั่วโลกจะพบว่า แนวทางในการบรรเทาปัญหามักให้ความสำคัญกับการสร้างสะพานเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การลดความแตกแยกให้น้อยลงได้ในที่สุด แนวทาง 10 แนวทางที่สามารถนำมาปรับใช้ในบริบทของสังคมไทยมีดังนี้
1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างครอบคลุม มาตรการแรกคือการสร้างเวทีสำหรับการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน โดยเน้นการเคารพซึ่งกันและกันและการรับฟังอย่างใจกว้าง การจัดตั้งสภาประชาชนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติจะช่วยให้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน ผู้สูงอายุ คนเมือง หรือคนชนบท ได้มีโอกาสเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจที่สำคัญ
2.เสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนท้องถิ่น การให้อำนาจและทรัพยากรแก่องค์กรระดับท้องถิ่นจะช่วยให้แต่ละชุมชนสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของตนเองได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุมชนในเขตเมืองหรือชนบท สิ่งนี้จะสร้างความรู้สึกว่าตนเองได้รับการเป็นตัวแทนอย่างแท้จริงและเกิดความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มต่างๆ
3.พัฒนาระบบการรับฟังความคิดเห็นประชาชน การสร้างช่องทางและกลไกให้ประชาชนจากทุกภูมิภาคและทุกกลุ่มอาชีพได้แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายสำคัญก่อนที่จะมีการตัดสินใจ การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ การสำรวจความคิดเห็นแบบมีส่วนร่วม และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชน จะช่วยให้กลุ่มต่างๆ รู้สึกว่าเสียงของตนได้รับการรับฟังและนำไปพิจารณาอย่างจริงจัง
4.ลงทุนในความเท่าเทียมทางการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอาศัยในเมืองหรือชนบท ร่ำรวยหรือยากจน เป็นกุญแจสำคัญในการลดช่องว่างทางสังคม การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชน การให้ทุนการศึกษา และการลงทุนด้านเทคโนโลยีจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและส่งเสริมการเคลื่อนไหวทางสังคม
5.ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างวัย การสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าได้ทำงานร่วมกันผ่านโครงการพี่เลี้ยง โครงการพลเมืองร่วม หรือการฝึกอบรมผู้นำแบบมีส่วนร่วม จะช่วยสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันและความร่วมมือเพื่อความก้าวหน้าของสังคม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองระหว่างคนต่างวัยจะทำให้เกิดนวัตกรรมและแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ๆ
6.ขยายระบบสวัสดิการและการคุ้มครองทางสังคม ระบบสวัสดิการที่เพียงพอและครอบคลุม เช่น การดูแลสุขภาพ เงินบำนาญ การสนับสนุนผู้ว่างงาน จะช่วยลดความไม่พอใจทางสังคมและสร้างความรู้สึกมั่นคงร่วมกันสำหรับประชาชนทุกคน เมื่อทุกคนรู้สึกว่าได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียม ความขัดแย้งจะลดน้อยลง
7.ส่งเสริมความรู้ด้านสื่อและการสร้างเรื่องราวเชิงบวก การรณรงค์ผ่านสื่อต่างๆ ควรเน้นการเน้นย้ำค่านิยมร่วม เล่าเรื่องราวความสำเร็จของการทำงานร่วมมือ และส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อต่อต้านข้อมูลเท็จและลดวาทกรรมที่สร้างความแตกแยกในโซเชียลเน็ตเวิร์ก การสร้างสื่อที่เข้าใจได้ง่ายและเข้าถึงได้ทั่วไปจะช่วยให้ประชาชนมีข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจ
8.สนับสนุนพันธมิตรภาคประชาสังคม การส่งเสริมให้เกิดพันธมิตรข้ามแนวคิดทางการเมืองและสังคม ระหว่างกลุ่มก้าวหน้า นักปฏิรูป อนุรักษ์นิยมที่เปิดกว้าง และผู้นำชุมชน เพื่อทำงานร่วมกันในประเด็นที่มีความสำคัญร่วมกัน จะช่วยสร้างเวทีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและแก้ไขปัญหาที่ทุกฝ่ายเผชิญอยู่
9.กระจายอำนาจการบริการสาธารณะและการกระจายทรัพยากร การกระจายอำนาจการบริหารและทรัพยากรให้กับภูมิภาคต่างๆ อย่างเป็นธรรม จะทำให้ทุกชุมชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดจะช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน
10.การส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำ การดำเนินนโยบายภาษีแบบก้าวหน้า การปรับค่าจ้างอย่างรอบคอบตามสภาพเศรษฐกิจ การลงทุนในการพัฒนาชนบท การสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ และการสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงที่ดิน การดูแลสุขภาพ การสร้างโอกาสทางธุรกิจ และการพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อย จะช่วยลดช่องว่างในด้านต่างๆ ได้
แม้ว่าการสร้างความปรองดองไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่การนำแนวทางเหล่านี้มาปรับใช้ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมอย่างต่อเนื่องจริงจังจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยจะเป็นสังคมที่เข้มแข็ง มีความเป็นเอกภาพ และมีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืนได้ในระยะยาว







