“MĀEYE” (แม่อาย) สดุดีความรักของแม่และจิตวิญญาณของเมืองไทย

“MĀEYE” (แม่อาย) นิทรรศการจาก HOM NGUYEN สดุดีความรักของแม่และจิตวิญญาณของเมืองไทย เริ่ม 1 - 31 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
ในความร่วมมือกับ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ, อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท, อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้างแอนด์ รีสอร์ท และ MozArt Advisory
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย - ออม เหวียน (Hom Nguyen) ศิลปินชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศส-เวียดนาม เตรียมแสดงคอลเลคชั่นศิลปะครั้งใหม่ที่มีชื่อว่า "Devine Feminine" เพื่อสดุดีความรักของแม่และจิตวิญญาณของเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 ถึง 31 สิงหาคม 2025 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
ออม เหวียน เป็นที่รู้จักในวงการด้วยผลงาน Figurative art และการร่วมงานกับแบรนด์ชื่อดังอย่าง Franck Muller และ McLaren โดยคอลเลคชันใหม่นี้ เขาต้องการสื่อถึงการยกย่อง "ผู้หญิงและวันแม่" ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่มีคุณค่าเหนือกาลเวลา ถ่ายทอดผ่านฝีแปรงและภาพแบบ layered portrait อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นิทรรศการสัญจร 'FAKE OR FRESH?' สู้ภัยบุหรี่ไฟฟ้า ปลูกภูมิคุ้มกันเด็ก
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงเปิดนิทรรศการ 'อวกาศ' สุดปัง ที่หอศิลป์ทิพย์พิมาน
ถ่ายทอดความรักของแม่ผ่านผลงานศิลปะ
“Devine Feminine” เชื้อเชิญผู้ชมให้ดำดิ่งสู่โลกอันลุ่มลึกและงดงามของความเป็นหญิง ถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะที่ทรงพลังและการเล่าเรื่องที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ ศิลปินผสานพาเลตต์สีสดเข้ากับพื้นผิวที่ซ้อนทับเป็นเลเยอร์อย่างประณีต สะท้อนอารมณ์ ความละเอียดอ่อน และมิติที่หลากหลายซึ่งหล่อหลอมความเป็นหญิงขึ้นมาได้อย่างงดงามและร่วมสมัย
นิทรรศการศิลปะครั้งสำคัญนี้จะจัดขึ้นใน 3 สถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อนันตรา ได้แก่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ, อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้างแอนด์ รีสอร์ท , และ อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมอบบรรยากาศเสพงานศิลป์ที่ศิลปะ วัฒนธรรม และความหรูหรามาบรรจบกันอย่างกลมกลืน เสพงานศิลป์อันทรงพลังของ ออม เหวียน ในแต่ละภูมิภาค ภายใต้บรรยากาศแวดล้อมที่หลากหลาย และเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ ตามกำหนดการต่อไปนี้
- โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ: จัดแสดงวันที่ 1-31 สิงหาคม 2568 (เปิดตัวพร้อมศิลปิน 15 สิงหาคม)
- อนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท: จัดแสดงวันที่ 1-30 กันยายน 2025
- อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้างแอนด์ รีสอร์ท: จัดแสดงวันที่ 1 สิงหาคม - 30 กันยายน 2025
HOM NGUYEN: THE ARTIST OF THE INVISIBLE
ออม เหวียน (Hom Nguyen) ศิลปินผู้มีเชื้อสายเวียดนาม เกิดและเติบโตในกรุงปารีส เป็นผู้มีสัญชาตญาณในการสร้างสรรค์และมีความลึกซึ้งทางอารมณ์อันโดดเด่น ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักจากลายเส้นที่มีเอกลักษณ์และพลิ้วไหวบนพื้นผิวที่ซับซ้อน ถ่ายทอดพลังและความรู้สึกได้อย่างทรงพลัง ด้วยเทคนิคการใช้ถ่าน หมึก สีออยล์ และพาสเทล
ออม เหวียน ก้าวข้ามขอบเขตระหว่างศิลปะแนวเหมือนจริง (Figuration) และนามธรรม (Abstract) เพื่อสำรวจและเผยให้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้พื้นผิวและภาพลักษณ์ภายนอก ผลงานของเขาจึงถูกขนานนามว่าเป็น “portraits of the invisible” ภาพเหมือนของสิ่งที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าของคนทั่วไปหรือคนสำคัญทางประวัติศาสตร์ ออม เหวียน ไม่ได้เพียงแค่ถ่ายทอดผลงานในเชิงกายภาพเท่านั้น แต่เขายังส่งต่อตัวตน อารมณ์ ความขัดแย้ง และความสง่างามได้อย่างลึกซึ้ง ผลงานของเขามักเกี่ยวกับอัตลักษณ์ มรดก ความทรงจำ และสายใยครอบครัว ซึ่งล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวส่วนตัว แต่ยังสะท้อนความหมายในเชิงสากลได้อย่างงดงาม ลายเส้นอันเต็มไปด้วยอารมณ์ สะท้อนพายุภายในจิตใจ
ขณะที่การจัดวางองค์ประกอบภาพชวนให้มองลึกไปกว่าความงดงามของศิลปะ เพื่อสัมผัสถึงความรู้สึกที่แท้จริง ผลงานของเขาจัดแสดงในสถาบัน งานแสดงศิลปะ และพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก รวมถึงเป็นศิลปินแถวหน้าในวงการศิลปะร่วมสมัยของฝรั่งเศสที่นักสะสมจับตามองมากที่สุดในตอนนี้อีกด้วย
ศิลปะบทใหม่: สายตาสื่อความหมาย
ผลงาน “MĀEYE” (อ่านว่า แม่อาย) ทำให้ ออม เหวียน ก้าวเข้าสู่เส้นทางใหม่ของความงามและอารมณ์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้ละทิ้งภาพใบหน้าเต็ม และเน้นไปที่สายตาที่ลึกซึ้งและสื่อสารความคิดได้อย่างเป็นสากล
“MĀEYE” เป็นการผสมคำระหว่าง “แม่” และ “ตา” ผลงานชุดใหม่นี้ของ ออม เหวียน ถ่ายทอดความหมายอันลึกซึ้งที่มากเกินกว่ารูปทรงทางกายภาพของดวงตา โดยศิลปินเชื่อว่า ดวงตาไม่ใช่เพียงองค์ประกอบบนใบหน้าอีกต่อไป แต่คือ “กระจกของจิตวิญญาณ” ที่เชื่อมโยงความรู้สึกข้ามรุ่น ถ่ายทอดเรื่องราวโดยปราศจากคำพูด
ผลงานชุดนี้ไม่ใช่ภาพเหมือนของคนทั่วไป แต่สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างแม่และลูก ที่เผยผ่านแววตาอันเปี่ยมด้วยความไว้วางใจ ความเอาใจใส่ ความอ่อนโยน และความรักอันลึกซึ้งจากภายใน นับเป็นภาพแห่งความสัมพันธ์ ความรักแบบไร้เงื่อนไขของแม่กับลูก
พลังความเป็นหญิงที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมไทย
“MĀEYE” (แม่อาย) สะท้อนมุมมองอันลึกซึ้งของศิลปินต่อ “ความเป็นแม่” และความเป็นผู้หญิงในสังคมไทย ที่แสดงออกอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติในทุกมิติ ตั้งแต่ความเชื่อ พิธีกรรม ไปจนถึงอิริยาบถในชีวิตประจำวัน ภายใต้วัฒนธรรมที่ยกย่องความเป็นแม่ เชิดชูความเข้าอกเข้าใจ และพลังทางจิตวิญญาณของผู้หญิง ผลงานของ ออม เหวียน จึงเปี่ยมด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์และอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียด
ด้วยรากเหง้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยจึงไม่ใช่เพียงพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ หากแต่เป็นดินแดนแห่งความทรงจำและอัตลักษณ์ส่วนหนึ่งของศิลปินเอง ความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมนี้ยังส่งเสริมให้ผู้ชมได้เชื่อมโยงกับผลงานในระดับอารมณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อได้สัมผัสกับสายตา ความรู้สึก และพลังที่ถ่ายทอดออกมาผ่านลายเส้นและพื้นผิวในแต่ละชิ้นงาน
สามสถานที่ สามมุมมอง “จากกรุงเทพฯ สู่สามเหลี่ยมทองคำ และเชียงใหม่”
โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และอนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท จะจัดแสดงผลงานที่สื่อถึงสายสัมพันธ์หว่างแม่และลูก ที่บันทึกช่วงเวลาของความเข้าใจอย่างเงียบงัน ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และสายตาที่สื่อสารแทนคำพูดได้อย่างทรงพลัง ภาพที่ยกย่องสิ่งที่เรามักมองไม่เห็น แต่เป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมเราขึ้นมา
ส่วนอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งตั้งอยู่ในหนึ่งในเขตสงวนช้างสำคัญของไทย ออม เหวียน ได้มองไปยังเหล่าฝูงช้างที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำ การปกป้อง และปัญญาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ความแข็งแกร่งและความเปราะ เขาวาดภาพช้างด้วยความเคารพและความลึกซึ้ง และสายตาของพวกช้างยังซ่อนเรื่องราวของความอดทน การอยู่ร่วมกัน และสายสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์อีกด้วย
“MĀEYE” (แม่อาย): ผลงานเชิงสัญลักษณ์ โดย MozArt Advisory
โปรเจกต์ที่อัดแน่นด้วยอารมณ์และทุ่มเทอย่างยิ่งนี้จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากการสนับสนุนและความร่วมมือจาก โมซาร์ท แอทไวซอรี่ (MozArt Advisory) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและดูแลการจัดนิทรรศการในแต่ละสถานที่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้ผลงานของออม เหวียน ได้เผยแพร่ความหมาย เชื่อมโยง และสะท้อนบทสนทนาอันลึกซึ้งกับบริบททางวัฒนธรรมและภูมิประเทศของไทยอย่างกลมกลืน
ความมุ่งมั่นของ โมซาร์ท แอทไวซอรี่ ในการสร้างความร่วมมือข้ามวัฒนธรรมอย่างมีความหมาย โดยใช้พลังของศิลปะเป็นสะพานเชื่อมและเสริมสร้างเสียงอันโดดเด่นของศิลปินแต่ละคน ถือเป็นหัวใจสำคัญของโปรเจกต์นี้ หากปราศจากการสนับสนุนจากพวกเขา นิทรรศการที่เปี่ยมด้วยความลึกซึ้งทั้งในด้านอารมณ์ ภูมิศาสตร์ และการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์นี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้







