รายงานความสุขของประชาชน World Happiness Report 2025

ผมเขียนถึงปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสุขภาพมาหลายเรื่องแล้ว วันนี้ขอเขียนถึงเรื่องเบาๆ เกี่ยวกับความสุขของประชาชนบ้าง คือการสำรวจความสุขของประชาชน (World Happiness Report 2025) 147 ประเทศทั่วโลก
โดยสหประชาชาติร่วมมือกับสำนักสำรวจ Gallup ที่ได้ประกาศผลสำหรับปีนี้ เมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้นำเอาลำดับความสุขของประชาชน พร้อมกับคะแนนความสุขของประชาชนในบางประเทศ มานำเสนอ
ประเทศที่ประชาชนมีความสุขมากที่สุดในโลกคือ “ฟินแลนด์” ซึ่งประชาชนให้คะแนนความสุขมากถึง 7.74 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน เทียบกับทั้งโลก ที่ประชาชนมีความสุขคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 5.6 คะแนน คือสูงกว่าเฉลี่ย 38%
ขณะที่ประเทศที่ประชาชนมีความสุขมากที่สุด 10 ประเทศแรกนั้น เป็นประเทศในแถบยุโรปเหนือเกือบทั้งหมดและเป็นประเทศขนาดเล็ก
ประเทศที่อยู่ใน 10 อันดับแรกที่ไม่นึกว่าประชาชนจะมีความสุขสูงมากขนาดนั้น คือ “อิสราเอล” (อันดับ 8) ซึ่งผมเข้าใจว่าคงเป็นการสำรวจก่อนการถูกโจมตีโดยกลุ่มฮามาส แต่ที่น่าสนใจมีอีก 2 ประเทศใน 10 อันดับแรกคือ ประเทศในแถบลาตินอเมริกา ได้แก่ คอสตาริกา (อันดับ 6) และเม็กซิโก (อันดับ 10)
ทั้งนี้เพราะประเทศคอสตาริกานั้น รายได้ต่อหัวประชากร (GPD capita) เท่ากับ 17,860 ดอลลาร์ต่อปี และเม็กซิโกเท่ากับ 13,972 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศแถบยุโรปเหนือที่ประชากรมีความสุขใน 10 อันดับแรก ซึ่งรายได้ต่อหัวของประชากรสูงถึง 54,800 ดอลลาร์ (คือฟินแลนด์) ถึง 141,000 ดอลลาร์ (คือลักแซมเบอร์ก)
ทำไม ในประเทศที่ค่อนข้างยากจน ประชาชนมีความสุขมากไม่แพ้ประชาชนในประเทศที่ร่ำรวย?
คำตอบบางส่วนคือ การพบว่า ตัวแปรที่ทำให้ความสุขเพิ่มขึ้น คือการกินอาหารร่วมกัน ไม่ใช่การต้องเหงาและโดดเดี่ยว ซึ่งตัวชี้วัดคือ การกินอาหารคนเดียวเป็นประจำ
กล่าวคือ การสำรวจพบว่าประชาชนในละตินอเมริกาจะกินอาหารด้วยกับพวกพ้อง และครอบครัวประมาณ 9 มื้อต่อสัปดาห์ ในขณะที่ในประเทศอื่นๆ ประชาชนจะกินอาหารร่วมกับผู้อื่นเฉลี่ยเพียง 4 มื้อต่อสัปดาห์
ซึ่งผู้สำรวจพบว่า ตัวแปรนี้ (การกินอาหารร่วมกัน) มีความสำคัญต่อความสุขไม่น้อยกว่ารายได้ และการมีงานทำของประชาชน ซึ่งผู้ที่สำรวจตีความว่า การกินอาหารร่วมกันคือการมีมิตรสหายและเครือญาติ ที่ทำให้มีความสุขและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
ในทางตรงกันข้ามพบว่า ในประเทศร่ำรวย ประชาชนมีความสุขลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐ แคนาดา ออสเตรีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น รายได้ต่อหัวของประเทศดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หากกลับไปดูตารางแรกอีกครั้งก็จะเห็นว่า ประชาชนที่สหรัฐนั้นมีคะแนนความสุขเพียง 6.72 เป็นอันดับที่ 24 กล่าวคือไม่สามารถรั้งอันดับที่ 20 ของโลก ในขณะที่ประเทศเอเชียที่ติดอันดับสูงสุดคือ สิงคโปร์ ที่อันดับ 34 (6.57 คะแนน)
ที่น่าสนใจคือ ประชาชนเวียดนามมีคะแนนความสุขค่อนข้างสูงมากคือ 6.35 คะแนน เป็นอันดับ 46 ของโลก แซงแม้กระทั่งประเทศไทยที่ประชาชนมีความสุขคะแนน 6.22 เป็นอันดับที่ 48 ของโลก
ทั้งนี้ จีดีพีต่อหัวของประเทศไทย เท่ากับ 7,182 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่จีดีพีต่อหัวของประเทศเวียดนาม ต่ำกว่ามากคือ 4,282 ดอลลาร์สหรัฐ
แต่ในขณะเดียวกัน จะเห็นได้ว่า ประชาชนคนไทยเรามีความสุขมากกว่าประชาชนญี่ปุ่น (อันดับ 55, 6.15 คะแนน) ทั้งๆที่ ประรายได้ต่อหัว ของชาวญี่ปุ่น จะสูงกว่ารายได้ต่อหัว ของคนไทยเกือบ 4 เท่าตัว
และประชาชนเกาหลีใต้ (อันดับ 58 คะแนน 6.04) ก็มีความสุขน้อยกว่าประชาชนคนไทย แม้จะมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าคนไทยมาก
ซึ่งในส่วนนี้ต้องยอมรับว่า คนไทยเรายังมีความสุขระดับสูงมาก แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ค่อยฟื้นตัวและแนวโน้มก็ไม่ค่อยจะดีมากนัก
นอกจากนั้น ประชาชนในประเทศมหาอำนาจในเอเชียคือ จีน ประชาชนมีคะแนนความสุขเพียง 5.92 เป็นอันดับที่ 68 ซึ่งผมแปลกใจว่า เป็นคะแนนและอันดับที่ต่ำกว่ารัสเซีย (อันดับ 66, 5.95 คะแนน) และเกาะฮ่องกง ซึ่งรายได้ประชากรสูงกว่ารายได้ประชากรของประเทศจีน แต่ประชาชนกลับมีคะแนนความสุขต่ำกว่าประชากรในประเทศจีน
แน่นอนว่า ประเทศที่เผชิญกับภาวะสงครามนั้น ประชาชนจะไม่มีความสุข เห็นได้จากประชาชนยูเครน เมียนมาและเลบานอน ที่คะแนนความสุขต่ำมากคือ 4.68 4.32 และ 3.19 ตามลำดับ
แต่ก็ไล่เลี่ยกับคะแนนความสุขของประชาชนประเทศกัมพูชา (4.34 คะแนน) และประชาชนที่ประเทศอียิปต์ (3.28 คะแนน) ทั้งนี้ รั้งท้ายคือ ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ความสุขของประชาชนอยู่ที่ 1.36 คะแนนครับ.







