ข้อแนะจากวิชา “ความสุข” | วรากรณ์ สามโกเศศ

ข้อแนะจากวิชา “ความสุข” | วรากรณ์ สามโกเศศ

 เมื่อต้นปี 2018 ที่มหาวิทยาลัย Yale   วิชา “ความสุข” (Psychology and the Good Life) เป็นที่นิยมของนักศึกษาเป็นอย่างมาก   มีนักศึกษาลงเรียนถึง 1,200 คน ซึ่งเป็นประวัติการณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ที่มีอายุกว่า 320 ปี

ต่อมาก็มีการปรับปรุงวิชานี้ให้เรียนฟรีออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ Coursera โดยใช้ชื่อว่า “The Science of Well-Being” (วิทยาศาสตร์แห่งสุขภาวะ)  และต่อมาเมื่อโควิด-19 ระบาด  วิชานี้ก็เป็นที่นิยมอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตามมา  จนมีคนลงทะเบียนรวมทั้งสิ้นถึง 3.3 ล้านคน

          ผู้เข้าเรียนส่วนใหญ่บอกตรงกันว่า วิชานี้ได้เปลี่ยนชีวิตอย่างสำคัญ  ปัจจุบันวิชาลักษณะนี้ได้กระจายสู่มหาวิทยาลัยจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและเป็นที่นิยมอย่างมากโดยใช้หลายชื่อ   เช่น  Psychology of Happiness   /  Positive Psychology     

จุดเริ่มต้นของวิชามาจากแนวคิดของ Martin Seligman นักจิตวิทยาคนสำคัญในทศวรรษ 1990 ว่าวิชาจิตวิทยาควรเน้นมากขึ้นไปที่การพัฒนาสุขภาพจิตแทนการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตดังที่เป็นมาเนิ่นนาน   สาขาของวิชาจิตวิทยาที่เรียกว่า Positive Psychology จึงเกิดขึ้น

แนวคิดนี้เน้นการใช้ความเข้มแข็งของบุคลิกภาพและพฤติกรรมในการทำให้ปัจเจกบุคคลสามารถสร้างชีวิตที่มีความสุข  มีความหมายและเป้าหมาย

         ลองมาดูกันว่า 10  ข้อแนะจากวิชาที่ Yale ดังกล่าวแล้วซึ่งทำให้เกิดชีวิตที่มีความสุขนั้นมีอะไรบ้าง   ผู้สอนเน้นว่าไม่ต้องทำทุกอย่างตามที่ระบุก็ได้    หากลงมือทำจริงและเลือกทำสัก 3 อย่าง ก็จะเห็นผล   

ข้อแรก  “ยิ้ม” เป็นสิ่งที่ง่ายและมีพลัง (การเป็น“The Land of Smiles” ของบ้านเรามีพลังเสน่ห์เสมอ) จงยิ้มเสมอถึงแม้บางครั้งจะไม่รู้สึกอยากก็ตาม

การยิ้มปลดปล่อยสาร serotonin (สารตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทกับสมองและส่วนอื่นของร่างกาย) และ dopamine (ฮอร์โมนที่ให้เกิดความรู้สึกที่             ดี ๆ   เกิดความพึงพอใจ) ในสมองของเรา

ผู้สอนบอกว่าควรเริ่มต้นชีวิตทุกวันด้วยรอยยิ้ม   มันดีต่อสุขภาพตนเองและเป็นการมอบความรู้สึกที่ดีให้แก่ผู้อื่นด้วย   จงยิ้มให้ใครก็ได้ที่เดินผ่านมา    มันเป็นสิ่งที่ช่วยปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นทันที

       ข้อสอง  “3 สิ่งสำคัญยิ่ง”   จดบันทึกความรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนึ่งวันที่ผ่านมาก่อนนอน    เลือกมาประมาณ 3-5 เรื่องทั้งเล็กและใหญ่    

ถามตัวเองว่าทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้น?   เป็นเพราะโชค?     บางคนเมตตาเรา?   หรือเราเมตตาเขา?     เพราะเราทำงานหนัก?   หรือเป็นเพราะทัศนคติของเรา?  

ข้อแนะจากวิชา “ความสุข” | วรากรณ์ สามโกเศศ  

การสะท้อนคิดเช่นนี้จะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในบริบทที่กว้างขวางและเกิดความรู้สึกในด้านบวก   เช่น   ได้ดื่มกาแฟเลิศรส   ทำโครงการใหญ่จบลง   ได้เลื่อนตำแหน่ง     ได้รับของขวัญ  มีคนซาบซึ้งกับสิ่งที่เราทำ  หกล้มหัวแตกเพียงเล็กน้อย   ฯลฯ  

การจดบันทึกจะทำให้สามารถกลับมารับรู้ความรู้สึกและความนึกคิดเก่า ๆ ได้เสมอ

          ข้อสาม   ในแต่ละวันจงกำหนดแผนกระทำสิ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อยที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม   เช่น   คุยกับเพื่อนถูกใจ    ท่องโซเชียลมีเดีย     ดูกีฬา  ทีวีรายการโปรด   อ่านหนังสือ    ฟังเพลง    กินอาหารจานโปรด  ฯลฯ  เลือกอะไรก็ได้ที่ทำให้มีความสุข            

ข้อสี่  คุยกับเพื่อน   คนรู้จัก หรือแม้แต่คนแปลกหน้า    อย่าลืมว่าความพึงพอใจในชีวิตของมนุษย์มาจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม”)  

การกล่าวคำ “สวัสดี”    “ขอบคุณ”  พร้อมกับรอยยิ้ม   นำความสุขใจให้ผู้รับและผู้กล่าวเสมอ     

ข้อห้า   รับฟังจากคนที่เห็นว่าสำคัญหนึ่งถึงห้านาทีในแต่ละวัน    การมีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับผู้อื่นคือแหล่งสำคัญของการเติมความสุขในชีวิต   และการรับฟังอย่างตั้งใจคือเครื่องมือในการได้รับความสุขจากความสัมพันธ์   นิกายเซนสอนว่า  “การให้ความสนใจคือพื้นฐานที่สุดของความรัก”

ข้อแนะจากวิชา “ความสุข” | วรากรณ์ สามโกเศศ

        ข้อหก  เดินท่ามกลางสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ   มนุษย์เกิดมาเพื่อเดิน   มิใช่เพื่อนั่ง   การเดินไม่ว่าอย่างจริงจังหรือเคลื่อนไหวใช้ชีวิตที่ไม่เนือยนิ่งคือการออกกำลังกายในแต่ละวันที่สำคัญ    ยิ่งถ้าเดินในป่าในเขาท่ามกลางธรรมชาติจะช่วยลดความเครียดและทำให้สภาพอารมณ์ดีขึ้นดังนั้นข้อนี้จึงได้สองเด้ง           

ข้อเจ็ด  กระทำสิ่งที่เป็นความเมตตาแก่ผู้อื่นอย่างวางแผนหรือมิได้วางแผนก็ได้   ไม่ต้องใหญ่โตอะไรก็ได้    เช่น    เปิดประตูให้คนที่เดินตามมา   กดลิฟต์ให้คนอื่น    เขียนโน้ตขอบคุณ     ให้ทางแก่รถคันอื่น   พูดจาสุภาพให้เกียรติคนอื่น     ฯลฯ     คนเราจะรู้สึกดีๆกับตนเอง  เคารพตนเอง ก็ต่อเมื่อได้ทำสิ่งที่ดีเท่านั้น

        ข้อแปด  นึกถึงความโชคดีของตนเองและรู้สึกขอบคุณเสมอ    ลองจิตนาการว่าสิ่งที่ตนเองมีอยู่ในปัจจุบันเช่นมีอาหารกินครบมื้อ    มีสุขภาพดี  มีอาชีพและรายได้   ฯลฯ และในวันหนึ่งสิ่งเหล่านี้หายไปทั้งหมด  ตนเองจะรู้สึกอย่างไร   

พลังของความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง เป็นสิ่งสำคัญที่พบจากงานวิจัยจำนวนมากว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้บุคคลหนึ่งเกิดความสุข   ซึ่งต่างจากการไม่รู้จักความรู้สึกขอบคุณซึ่งทำให้เกิดความร้อนรุ่มเพราะหาความสุขไม่พบ

         ข้อเก้า  ยกโทษให้ตัวเองเมื่อได้ทำสิ่งผิดพลาด หรือได้ทำบางสิ่งน้อยเกินไป   เตือนใจตนเองว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และการดำรงชีวิต  จงมีความกล้าหาญที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตนเอง แล้วจะมีความเครียดน้อยลง    

ข้อแนะจากวิชา “ความสุข” | วรากรณ์ สามโกเศศ

ข้อสิบ  ความสุขความภาคภูมิใจส่วนหนึ่งมาจากการมีความคิดริเริ่ม ซึ่งการจดไอเดียใหม่ลงสมุดบันทึก  ถ่ายรูป เขียนรูป  ฝึกฝนแก้ไขปัญหา  ประดิษฐ์ของเล่น          มีงานอดิเรก ฯลฯ  จะสามารถช่วยได้ในการจุดประกายและสานต่อ

        ทั้ง 10 ข้อแนะที่นำมาจากวิชานี้เน้นการปฏิบัติเป็นใหญ่ โดยไม่มีเรื่องของศาสนาหรือความเชื่อเข้ามาปะปน   ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องการปฏิบัติล้วน ๆ ที่จะก่อให้เกิดความสุข (ไม่ให้คำจำกัดความของความสุขด้วย   เพราะตัวเองจะเป็นคนกำหนดเองในที่สุด)  

โดยทั้งหมดอยู่ในขอบเขตที่บุคคลหนึ่งสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องใช้เงินและใช้เวลามาก และนี่คือคำอธิบายว่าเหตุใดวิชานี้จึงประสบความสำเร็จ

         เมื่อ “จิตเป็นนาย  กายเป็นบ่าว”   ข้อแนะเหล่านี้จะช่วยทำให้ “สุขภาวะ” ซึ่งครอบคลุมทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้น   เพราะเมื่อเราทำให้ “นาย” มีความสุขและเป็นตัวนำแล้ว   “บ่าว” ก็ต้องตามมาในที่สุดครับ.