กรมอุตุฯ จับตาหย่อมความกดอากาศต่ำ ทวีกำลังเป็นพายุไซโคลน บริเวณอ่าวเบงกอล

กรมอุตุฯ จับตาหย่อมความกดอากาศต่ำ ทวีกำลังเป็นพายุไซโคลน บริเวณอ่าวเบงกอล

พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า กรมอุตุนิยมวิทยา จับตาหย่อมความกดอากาศต่ำ ทวีกำลังเป็นพายุไซโคลน บริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง คาดขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศอินเดียในช่วงวันที่ 4 – 5 ธ.ค.66

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2566 ระบุ ในช่วงวันที่ 1 – 6 ธ.ค.66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ยังคงมีลมฝ่ายตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส 

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 1 – 5 ธ.ค. 66 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างมีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศอินเดียในช่วงวันที่ 4 – 5 ธ.ค. 66 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

  • ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. - 1 ธ.ค. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระวังอันตรายจากการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง

"กรมอุตุนิยมวิทยา" ยังให้รายละเอียด "พยากรณ์อากาศ" ถึงข้อควรระวัง ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2566 ระบุว่า

  • ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 66 อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 17 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9 - 16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 2 - 6 ธ.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 16 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7 - 15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.

 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 66 อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 17 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11 - 17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 25 กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 2 - 6 ธ.ค. 66 อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาคตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15 – 19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 32 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9 - 15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.

  • ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20  กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 6 ธ.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 25  กม./ชม.

  • ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 35 องศาเซลเซียส 

ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 6 ธ.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 – 2  เมตร

  • ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 - 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 21 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27 – 33 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่ จ.สุราษฏร์ธานี ขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 – 60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 34 องศาเซลเซียสในช่วงวันที่ 1 – 6 ธ.ค. 66 ลมตะวันออก ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • กรุงเทพและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 30 พ.ย. – 1 ธ.ค. 66 มีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1 – 2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23 – 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 20  กม./ชม.

ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 6 ธ.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 25  กม./ชม.