ผมจะปฎิบัติต่อทุกคน เท่าเทียมกัน เปิด 10 บทเรียน Leadership วอร์เรน บัฟเฟตต์ 

ผมจะปฎิบัติต่อทุกคน เท่าเทียมกัน เปิด 10 บทเรียน Leadership วอร์เรน บัฟเฟตต์ 

ส่อง 10 ข้อคิดเรื่องความเป็นผู้นำ (Leadership) จากวอร์เรน บัฟเฟตต์ ตั้งแต่การคัดเลือกคนเข้าทำงาน บริหารจัดการเวลาให้ดี ไปจนถึงการหลีกเลี่ยงการมี “ลูกรัก” ในที่ทำงาน

ใครบ้างที่จะไม่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ผู้ที่สัญญาว่าจะบริจาคเงินของเขากว่า 99% ให้มูลนิธิเพื่อการกุศล โดยความมั่งคั่งของเขาอยู่ที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.32 ล้านล้านบาท) โดยเขาเริ่มขายหนังสือพิมพ์เพื่อหารายได้ตั้งแต่ตอนอายุ 11 ปี จนถึงปัจจุบันเขาอายุกว่า 84 ปีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเกษียณอายุ

 

"ผมจะบอกว่าชีวิตในวัย 84 ปี ของผมนั้นสนุกมาก สนุกที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิต มันคือการได้ทำสิ่งที่รักทุกวันกับคนที่ผมรัก และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว" บัฟเฟตต์ เคยกล่าวเอาไว้เมื่อ 8 ปีก่อน ปัจจุบันเขามีอายุ 92 ปี

เพื่อทำความเข้าใจบทเรียนทางธุรกิจที่ล้ำค่าและความเป็นผู้นำ กรุงเทพธุรกิจพาทำความเข้าใจ 10 บทเรียนเรื่องการบริหารจัดการและความเป็นผู้นำของมหาเศรษฐีผู้นี้

1. รักในสิ่งที่ทำและทำในสิ่งที่รัก

"ถึงเวลาแล้วที่คุณควรเริ่มทําในสิ่งที่คุณต้องการ รับงานที่คุณรัก เชื่อผมแล้วคุณจะกระโดดออกจากเตียงในตอนเช้าอย่างตื่นเต้น คุณต้องเป็นบ้าแน่ถ้ายังคงรับงานที่คุณไม่ชอบเพราะคุณคิดว่ามันจะดูดีในเรซูเม่ ถ้าทำแบบนั้นมันเหมือนคุณยอมมีเซกซ์แค่ตอนแก่เท่านั้น"  บัฟเฟตต์กล่าว

ทั้งนี้ หากคุณลองฟังบทสัมภาษณ์ของบัฟเฟตต์หลายๆ ฉบับ คุณจะรู้เลยว่าเขาหลงใหลในงานที่ทำมากขนาดไหน นอกจากนี้เขายังเชื่อมั่นว่า “การรักในงานที่ทำ” จะทําให้ทุกคนในบริษัทได้เปรียบในการแข่งขัน 

2. เรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

"การสื่อสารเป็นสกิลที่สำคัญมาก คุณจำเป็นต้องสื่อสารสิ่งที่คุณต้องการจะพูดได้อย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ หากคุณไม่สามารถสื่อสารและพูดคุยกับคนอื่น จนท้ายที่สุดเลือกที่จะไม่สื่อสารสิ่งที่คิด ผมยืนยันเลยว่าคุณกำลังทิ้งศักยภาพของตัวเอง" บัฟเฟตต์กล่าว

หากได้อ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway Inc. คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบัฟเฟต์แทบไม่ใช้คำศัพท์เชิงเทคนิคเลย ทั้งความชัดเจนของความคิดและวิธีที่เขาสื่อสารแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจธุรกิจของเขาและสื่อสารออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เลือกเพื่อนร่วมก่อตั้งธุรกิจให้ชาญฉลาด

"ผมแนะนำให้ลองออกไปเที่ยวหรือไปกินดื่มกับกลุ่มคนที่นิสัย-พฤติกรรมดีกว่า รับรองคุณจะกลายเป็นสิ่งดีๆ เหล่านั้นในไม่ช้า" บัฟเฟตต์กล่าว

อย่างที่รู้กันว่าบัฟเฟตต์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการอยู่รายล้อมไปด้วยคนที่มีความคิดและพฤติกรรมดีกว่าตัวเองจะช่วยให้ตัวคุณเองพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้น

4. อย่าจุกจิก

“คัดคนมาดี คุณจะบริหารจัดการน้อย " บัฟเฟตต์กล่าว

เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าผู้นําที่ยิ่งใหญ่จําเป็นต้องมองหาและจ้างผู้มีความสามารถยอดเยี่ยม รวมทั้งเขายังปล่อยให้พนักงานคุณภาพเหล่านั้นก้าวเดินด้วยตัวเองและไม่ค่อยแทรกแซงเพื่อสร้าง “ความรู้สึกอิสระ” ให้พวกเขา ซึ่งทั้งหมดจะยิ่งส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานอย่างสูง

5. วางแผนเพื่อธุรกิจในอนาคต

"งานหลักของบรรดาบอร์ดบริหารคือการจัดสรรคนที่ใช้ให้บริหารธุรกิจและต้องแน่ใจว่าจะมีผู้นํารุ่นต่อไปเข้ามารับตำแหน่งได้ในวันพรุ่งนี้หากผู้บริหารปัจจุบันเกิดปัญหา" บัฟเฟตต์ พร้อมเสริมว่า ผู้นําในอนาคตต้องคิดล่วงหน้าเกี่ยวกับผู้สืบทอดและขั้นตอนที่จะเข้ามารับหน้าที่ต่อเพื่อสานต่อธุรกิจให้รัดกุม

6. ความโปร่งใสคือสิ่งสำคัญ

"ผมเชื่อว่ารัฐบาลควรหักภาษีทั้งของคนชนชั้นล่าง กลาง หรือแม้กระทั่งสูงไปตั้งแต่ต้น  และคนที่อยู่ในระดับไฮเอนด์ อย่างผมควรจ่ายภาษีในอัตราที่มากกว่าคนอื่น เพราะเราได้รับเงินมามากจนพอใช้จ่ายอยู่แล้ว" บัฟเฟตต์กล่าว 

โดยบัฟเฟตต์เชื่อว่า ความโปร่งใส ไม่ว่าจะในระดับใดก็ตาม สุดท้ายจะให้ผลตอบแทนอย่างงามในทุกสาขาธุรกิจ ทุกวันนี้พนักงานเบื่อหน่ายกับ ปัญหาหรือการทุจริตที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาโดยพวกเขาไม่ทันตั้งใจ และปัจจุบันหลายคนเรียกร้อง “ความจริง” มากขึ้นโดยเฉพาะในโลกที่อินเทอร์เน็ตอยู่ทุกที่

7. ความอดทนคือสิ่งสำคัญ

"ไม่ว่าพรสวรรค์หรือความพยายามจะแกร่งแค่ไหน คุณไม่สามารถให้กำเนิดทารกได้ในเวลาเพียง 1 เดือน ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ก่อนจะประสบความสำเร็จ ความพยายามคือสิ่งที่ต้องมาก่อนเสมอ" บัฟเฟตต์กล่าว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัฟเฟตต์แสดงให้เห็นถึงความอดทนตลอดอาชีพการงานของเขา คุณภาพที่ยอดเยี่ยมนี้ควบคู่ไปกับความกล้าหาญและความเพียร ผู้นําที่ยิ่งใหญ่จําเป็นต้องต่อต้านแรงกดดันและมีความดื้อรั้นที่จะเห็นโปรเจคของตัวเองประสบความสำเร็จ

8. บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

"คุณจำเป็นต้องบริหารจัดการเวลาของคุณให้ดี แต่ผมบอกเลยว่าคุณทำไม่ได้หรอก จนกว่าคุณจะหัดปฏิเสธ ผมแนะนำว่าหยุดให้คนอื่นเป็นคนเป็นคนชี้นิ้วบอกว่าวันๆ หนึ่งคุณต้องทำอะไรบ้าง" บัฟเฟตต์กล่าว

ที่สำคัญคุณต้องเริ่มจัดระเบียบพื้นที่สำนักงาน อีเมล และเวลาที่คุณใช้ในออนไลน์ในแต่ละวัน ทั้งหมดจะช่วยให้คุณจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. พร้อมที่จะรับความเสี่ยงและลองผิดพลาด

" ความเสี่ยงมาจากการไม่รู้ว่าคุณกําลังทําอะไรอยู่" บัฟเฟตต์กล่าว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานอย่างเคร่งครัด คือเมื่อมองไปที่ปัจจัยเสี่ยง เขาชอบที่จะหลีกเลี่ยงโอกาสการลงทุนใด ๆ ที่มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นและมีความเสี่ยงต่ำ

"ผมทําผิดพลาดมากมาย และผมจะทําผิดพลาดอีกเยอะด้วย นั่นคือส่วนหนึ่งของการเดินทาง คุณแค่ต้องแน่ใจว่าสิ่งที่ถูกต้องเอาชนะสิ่งที่ผิดได้" บัฟเฟตต์ทิ้งท้าย

10. ปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกัน

"ส่วนตัวผมหวังว่าผมจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ผมคิดว่าผมทำได้ค่อนข้างดีจนมาถึงทุกวันนี้ แต่ก็รู้ว่าสามารถพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้" บัฟเฟตต์กล่าว

เขาย้ำเสมอว่า “จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันและหลีกเลี่ยงการมี “ลูกรัก” เป็นเครื่องหมายที่แท้จริงของผู้นํา กฎทองของบัฟเฟตต์คือการเข้าถึงคนงานที่ “พูดน้อยและมีความสามารถ”