'OMRON' พัฒนาเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาสังคม

'OMRON' พัฒนาเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาสังคม

ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่และกำลังการซื้อที่เติบโต มีแรงงานที่มีทักษะและต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำ รัฐบาลที่ให้การสนับสนุนและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศอีกด้วย จึงทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ

แต่ประเทศไทยก็มีความท้าทายทางธุรกิจบางประการ ได้แก่ การขาดแคลนแรงงานฝีมือ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในบางภาคส่วน การขาดนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันในบางอุตสาหกรรม อีกทั้ง การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจและธุรกิจในประเทศไทยอีกด้วย

จีรนันท์ แสนเรือง หัวหน้าศูนย์การจัดการ OMRON ประเทศไทย  เปิดเผยว่า OMRON มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาเทคโนโลยีหลักของบริษัทเพื่อสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมที่ดีให้กับสังคม ซึ่งวิสัยทัศน์นี้มีรากฐานมาจากนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนผ่านความต้องการของสังคมในฐานะที่บริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่ดีควรสร้างคุณค่าให้กับสังคมผ่านแนวทางปฏิบัติ ดังนั้น OMRON จึงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าในระยะยาวอย่างยั่งยืนโดยการนำพันธกิจและค่านิยมมาปฏิบัติ

เพราะอนาคตถ้ามองไปอีก 10 ปีข้างหน้า จะเห็นถึงโลกที่ผู้คนและเครื่องจักรเติมเต็มซึ่งกันและกัน ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่มีแบบไม่มีข้อจำกัด ส่งผลให้วิสัยทัศน์ในระยะยาวนี้ของบริษัทเรียกว่า Shaping the Future 2030 คือ การมุ่งมั่นที่จะติดตามระบบอัตโนมัติเพื่อให้ผู้คนได้บรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาวของ OMRON ไม่ว่าจะเป็นวิธีแก้ปัญหาสังคมผ่านธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เมื่อ 'เทคโนโลยี' เป็นตัวช่วยการศึกษา?

"ทีเคซี"ผนึก 4 หน่วยงานลุยโมเดลรถไฟฟ้าไร้คนขับ

'ทุเรียนจันท์' ถึงคุนหมิงใน 5 วัน 'ไปรษณีย์ไทย' ลุยระบบรางไป 'จีน'

เด็กรุ่นใหม่เรียนป.ตรีน้อยลง สถาบันการศึกษาดิ้นปรับตัว

 

พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมและสังคม

OMRON มีวิธีดำเนินงานด้วยหลักปฏิบัติด้านการจัดการที่ยุติธรรมและโปร่งใส มีการปลูกฝังความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ผ่านการมีส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบ

โดยที่ผ่านมา OMRON เป็นบริษัทที่มีความแตกต่างจากบริษัท automation ในด้านของระบบอัตโนมัติ กล่าวคือ OMRON เป็นผู้ผลิตแนวหน้าในอุตสาหกรรมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นต่อระบบอัตโนมัติในกระบวนการการผลิต (ผลิตภัณฑ์มากกว่า 200,000 ชิ้น)

ตัวอย่างเช่น บริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์ input ที่ครบครัน เช่น เซนเซอร์ ลอจิกคอลโทรลเลอร์ อุปกรณ์ output เช่น มอเตอร์ อุปกรณ์วัดความปลอดภัย และหุ่นยนต์ ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญกับระบบอัตโนมัติในโรงงานผลิต บริษัทได้เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้าด้วยกันกับซอฟต์แวร์ของบริษัทเพื่อมอบโซลูชันอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ OMRON เป็นบริษัทเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถควบคุมทั้งสายและหุ่นยนต์ด้วยตัวควบคุมแบบเดี่ยว (single controller)

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีจุดแข็งในเรื่องของหลักการและวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างพลังให้ผู้คนด้วยระบบอัตโนมัติ OMRON จึงเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยค่านิยมและหลักการตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทเติบโตผ่านการแก้ปัญหาสังคม เช่น บริษัทสามารถสร้างสวิตช์ไร้สัมผัสได้เป็นครั้งแรกของโลก ระบบรถไฟที่ไม่ต้องใช้คนควบคุม รวมถึงอุปกรณ์ล้ำสมัยอื่น ๆ เช่น สัญญาณไฟจราจรอัตโนมัติที่แรกของโลก เครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ ระบบช่องตรวจตั๋ว ฯลฯ ทั้งหมดนี้นับว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของ OMRON ที่ต้องการสร้างคุณค่าทางสังคมผ่านธุรกิจและการมีส่วนช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น

 

ยกระดับระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ

จีรนันท์ กล่าวต่อว่า เนื่องจาก OMRON เป็นผู้นำระดับโลกในด้านระบบอัตโนมัติ มีสาขาธุรกิจครอบคลุมหลากหลาย ตั้งแต่ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงระบบสังคม ปัจจุบัน OMRON จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการในกว่า 120 ประเทศและในภูมิภาค และมีมูลค่าการซื้อขาย 762.9 พันล้านเยน (ปีงบประมาณ 2564-2565)

ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายหลักของ OMRON คือ กลุ่มอุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เน้นแนวคิดการผลิตที่เป็นนวัตกรรมขั้นสูงของระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพที่เน้นการใช้เทคโนโลยีการตรวจจับขั้นสูงเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่แม่นยำและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีระบบโซลูชันอุปกรณ์และโมดูล โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและ switching เทคโนโลยี และโซลูชันทางสังคม ธุรกิจที่เน้นการสร้างมูลค่าทางสังคมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม (ประตูตรวจตั๋วอัตโนมัติ ตู้จำหน่ายอัตโนมัติ ระบบควบคุมการจราจร) ที่อยู่อาศัย การผลิต ฯลฯฃ

"เศรษฐกิจประเทศไทยมีความหลากหลาย มีจุดแข็งในหลายด้าน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การผลิต และการเกษตร เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ เพียงแต่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินงานหลังพึ่งฟื้นตัวจากผลกระทบดังกล่าว ดังนั้นภาพรวมของธุรกิจในประเทศไทยยังมีทิศทางบวกพร้อมกับโอกาสในการเติบโตและการพัฒนา อยู่เสมอ"จีรนันท์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันถ้าพูดถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมตามรายงานของตลาด แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะชะลอตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า (เนื่องจากการชะลอตัวทั่วโลก ผลกระทบของการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ฯลฯ) แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงที่จะขับเคลื่อนโดยภาคส่วนของเทคโนโลยี เช่น การผลิตจากภาคอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ ภาคการดูแลสุขภาพ และ โลจิสติกส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อทบทวนแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยจากมุมมองธุรกิจของ OMRON ในด้านของอุตสาหกรรมอัตโนมัติ คาดว่าประเทศไทยจะมีทิศทางการเติบโตที่สดใส เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชันระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการแปรรูปอาหาร

นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้ส่งเสริมการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมผ่านสิ่งจูงใจและความคิดริเริ่มต่าง ๆ ขณะที่ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ ตลาดยังแสดงให้เห็นถึงตัวบ่งชี้ในเรื่องของการเติบโตที่ดีจากหลายปัจจัย เช่น จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น อัตราการเพิ่มขึ้นของโรคแบบไม่ติดต่อและวิถีชีวิต การเพิ่มความตระหนักต่อการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน

การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์สู่ระดับใกล้เคียงกับบรรทัดฐานก่อนช่วงโควิด รวมถึงภายในปี 2568 จะมีการเพิ่มรายจ่ายของภาครัฐในด้านการรักษาพยาบาล มีการเพิ่มขึ้นในด้านของการพัฒนาแพลตฟอร์มการตรวจสอบผู้ป่วยทางไกล ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยปรับปรุงการเข้าถึงการรักษาได้ดีมากขึ้น

ข้อดี-ข้อด้อยโอกาสของธุรกิจไทย

ขณะที่แนวโน้มของสถานการณ์ตลาดโลก และโอกาสการเติบโตของ OMRON ต่อไปนั้นคือ ปัจจุบันชีวิตของผู้คนกำลังอยู่ในสังคมแห่งการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดจากสิ่งที่มีอยู่ (optimized society) ที่ผู้คนเปลี่ยนจากการให้คุณค่ากับวัตถุมาสู่คุณค่าทางจิตใจ ผู้คนให้ความสำคัญกับการเติมเต็มส่วนบุคคลมากกว่าเรื่องศักยภาพและการผลิตอันมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับการเลือกผลิตภัณฑ์และวิถีชีวิตที่ยั่งยืน เริ่มจะไตร่ตรองเกี่ยวกับ work-life balance มากขึ้น และค้นหางานที่สามารถนำความสามารถของพวกเขาออกมาใช้ได้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบสังคมและเศรษฐกิจใหม่ในอีกหลายสิบปีข้างหน้านี้จะนำไปสู่การปะทะกันระหว่างคุณค่าแบบเก่า และคุณค่าแบบใหม่ ความตึงเครียดจากระบบปัจจุบัน และประเด็นทางสังคมใหม่ ๆ

OMRON จะเดินหน้าจัดการแก้ไขสิ่งเหล่านี้และสร้าง 'สังคมแบบปกครองตนเอง' (autonomous society) ที่เติมเต็มส่วนบุคคลเข้ากับความสมบูรณ์ของสังคมที่อิงกับความสามัคคีระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร โดยไม่มีข้อจำกัด ด้วยสังคมปัจจุบันมีความเร่งรีบมากขึ้นและสังคมใหม่ ๆ ก็กำลังเกิดขึ้น แต่ OMRON ยังคงยึดถือคุณค่าหลักเป็นสำคัญและการมีส่วนช่วยด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน การทำสังคมดิจิทัลให้เป็นจริง และการเพิ่มอายุขัยอย่างมีสุขภาพดีด้วย 'ระบบอัตโนมัติที่สร้างพลังให้ผู้คน'

รู้จักเทคโนโลยี "Sensing & Control + Think”

เทคโนโลยีหลักของ Omron คือ ตัว 'Sensing & Control + Think' โดยเป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่น สามารถนำมาใช้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายมากมาย เนื่องจากอนาคตที่ OMROM ต้องการสร้าง คือ อนาคตที่ผู้คนใช้เวลาไปกับการเติมเต็มความต้องการด้านการสร้างสรรค์ ปล่อยให้เครื่องจักรทำหน้าที่ของตัวเอง

นี่เป็นหนึ่งในหลักการที่ Kazuma Tateis ผู้ก่อตั้ง OMRON สนับสนุนมาโดยตลอดเวลาที่ทำงานสร้างนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนผ่านความต้องการทางสังคม ทั้งสร้างระบบรางรถไฟไร้คนควบคุมเป็นที่รายแรกของโลกและนวัตกรรมอื่นๆ อิงจากเทคโนโลยีปฏิวัติ นี่เป็นฐานความคิดที่สำคัญของ Sensing & Control + Think ที่แสดงถึงเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของ OMRON เมื่อหลายปีที่ผ่านมา OMRON ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะในการสร้างคุณค่าของแต่ละยุคสมัย

สำหรับเทคโนโลยี Sensing & Control + Think จะประกอบด้วย Sensing เก็บข้อมูลที่สำคัญของคนหรือสิ่งของด้วยการสังเกตของ Gemba เช่น ชั้นที่มีการผลิต หรือ เหตุการณ์ที่เกิดในแต่ละวัน Control มอบโซลูชันที่เหมาะสมในพื้นที่ผลิตโดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก Sensing

โดยในปี 2554  OMRON ได้เพิ่มหมวดหมู่ใหม่ คือ  + Think ซึ่งเป็น human intelligence ใน Sensing & Control และ Artificial Intelligence (AI), the Internet of Things (IoT) และ นวัตกรรมทางเทคนิคต่างๆ ที่กำลังพัฒนา human intelligence เป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนจากข้อมูลไปสู่คุณค่าอย่างชาญฉลาดมากขึ้น

ทั้งนี้ เป็นเทคโนโลยีสำหรับการเรียกข้อมูลที่สำคัญจากผู้ใช้งาน (Sensing) การเพิ่ม human intelligence ในเครื่องจักรเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ (Think) และนำเสนอโซลูชัน (Control) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจ เรียกได้ว่า OMRON จะคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาเทคโนโลยีหลักของบริษัทเพื่อสร้างคุณค่าที่ดีต่อสังคมต่อไป