เมื่อ"นักลงทุน"ไม่ได้มองแค่กำไร เปิดแผนความยั่งยืน "รพ.พระรามเก้า"

        เพราะการดำเนินธุรกิจยุคใหม่นั้น จะหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียวไม่ได้ การคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะสร้างความยั่งยืน
       นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า รพ.มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ด้วยความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต และจริยธรรมอันดีงาม โดยการสร้างผลการดำเนินงานที่ดี และการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยความพยายามที่จะพัฒนากิจการ ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการคำนึงถึง ความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
      ขณะที่ ธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน โรงพยาบาลพระรามเก้า  ให้สัมภาษณ์พิเศษ"กรุงเทพธุรกิจ"ว่า  แน่นอนในยุคนี้ เรื่อง “ความยั่งยืน”เป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะถ้าไม่ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีความยั่งยืน  บริษัทก็จะไม่ยั่งยืน  โดยจะเห็นได้หลังการเผชิญวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา หลายธุรกิจอาจจะล้ม เนื่องจากไม่ได้มองเรื่องความยั่งยืนมาก่อนหน้านี้  ซึ่งก็คือการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ

     “นักลงทุนเองให้ความสำคัญและคำนึงถึงเรื่องการดำเนินงานเรื่องความยั่งยืนของบริษัทต่างๆมากขึ้น ในการที่จะเลือกบริษัทที่จะลงทุน รวมถึง ผู้บริโภคก็จะคำนึงถึงการสนับสนุนบริษัที่ใส่ใจสังคม และสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่และโลกโซเชียลที่เผยแพร่ข้อมูลได้เร็วและกว้าง หากบริษัทไหนมีส่วนที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ก็จะสุ่มเสี่ยงที่จะถูกAnti จนบางครั้งทำให้ธุรกิจนั้น ดำเนินการต่อไปไม่ได้” ธีรพันธ์กล่าว

        รพ.พระรามเก้า มีการทำแผนประเมินความเสี่ยงและขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนมา 3-4 ปีก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาดโควิด-19แล้ว  สิ่งที่ดำเนินการเพื่อรองรับความยั่งยืน เป็นไปตามแนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์ส่งเสริมความรู้ด้านการขับเคลื่อนธุรกิจ  โดยคำนึงถึงผลกระทบ 3 ด้าน คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG)    

    ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental)  อาทิ โครงการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้วยการปรับอุณหภูมิทางระบบปรับอากาศเพิ่มขึ้น  1 องศาเพื่อประหยัดไฟ การเปลี่ยนโคมไฟส่องสว่างเป็นหลอด LED  โครงการจัดการของเสีย กำหนดเป้าลดปริมาณขยะต่อผู้ใช้บริการ 0.2 กิโลกรัมต่อคน คิดเป็น 5 % ภายในปี 2568 และแยกขยะที่สามารถRecycle ได้
        โครงการนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ โดยใช้รดน้ำต้นไม้ ซึ่งจะเท่ากับใช้ 576,000 ลิตรต่อปี  และโครงการลดมลพิษจากรถยนต์  มีการปรับมาใช้รถกอล์ฟไฟฟ้าสำหรับบริการ แทนการใช้รถยนต์รับส่งผู้รับบริการระหว่างอาคาร เพื่อลดผลกระทบจากการปล่อยมลพิษ ก๊าซเรือนกระจก ฝุ่นละออง โลหะหนักและมลพิษทางเสียง เป็นต้น

       ด้านสังคม (Social) รพ.ดำเนินการภายใต้แนวคิด “มีสุข”  โครงการพนักงานมีสุข  ส่งเสริมการดุแลสุขภาพพนักงานให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยการเข้าร่วมโปรแกรมดูแลสมรรถภาพทางร่างกายทั้งด้านการรักษาและการสร้างเสริมความแข็งแรงต่อเนื่องทุกปี  ,โครงการผู้รับบริการมีสุข เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19ให้กับพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งบริการฉีดภายในและภายนอกรพ. การเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพแก่สังคม และการออกหน่วยตรวจสุขภาพเบื้องต้น  เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนใส่ใจดูแลสุขภาพ

       และบรรษัท ภิบาล (Governance)  รพ.ได้รับการรับรองจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นร.ที่มีคุณธรรม ธรรมาภิบาลสูง ราคาและค่าบริการโปร่งใส เป็นธรรม(Good Governance Hospital) เมื่อปี  2562  ,ผ่านการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี  2565 ด้วยคะแนนเต็มต่อเนื่องเป็นปีที่ 4, ได้รับคะแนนดีเลิศจากการประเมินตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี  2565 ,ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกแนวปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต และได้รับการประกาศเป็นหุ้นยั่งยืน(THSI)ประจำปี 2565

   “สิ่งที่รพ.มีแผนดำเนินการเรื่องนี้มาก่อน ช่วงวิกฤติจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักและหลังวิกฤตสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว เพราะที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือกันและกัน ไม่เคยทิ้งกัน”ธีรพันธ์กล่าว
   

     ช่วงที่โควิด-19 ระบาด  รพ.ไม่ได้มีการปรับลดเงินเดือน และให้การดูแลชุมชน เมื่อผ่านวิกฤต พนักงานยังอยู่ทำงานครบ แม้จะมีการพยายามดึงตัวพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ไปทำงานก็ตาม ขณะที่ประชาชนในสังคมก็รับรู้ว่ารพ.ไม่เคยทอดทิ้งและให้การช่วยเหลือมาตลอด ก็จะนึกถึงรพ.ก่อนเมื่อต้องเข้ารับบริการ

       จากการดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่รพ.พระรามเก้า ได้รับคัดเลือกเป็น  1 ในกว่า 100 หุ้นที่มีความยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์มานาน ล่าสุดได้รับรางวัล  Rising Star Sustainability Awards ในงาน SET Awards 2022 ในกลุ่มรางวัล Sustainability Excellence”  ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบริษัทที่มุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการกำกับดูแลกิจการที่ดี

       “การที่รพ.พระรามเก้า ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Awards จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งที่จะบอกกับนักลงทุนได้ว่าบริษัทมีความยั่งยืน  ในภาคธุรกิจถือว่าสำคัญ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในการลงทุน” ธีรพันธ์ กล่าว

        อนาคตการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนของรพ.พระรามเก้า จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการขยับในเรื่องของโครงการมีสุข ที่จะขยายต่อยอดไปยังกลุ่มPartner และกลุ่ม Corporate เพื่อส่งเสริมพนักงานในการดูแล รักษาสุขภาพ หรือการจัดโครงการมีสุขสงฆ์ ที่จะให้การแลสุขภาพพระสงฆ์ในโซนพื้นที่พระรามเก้าความยั่งยืน เป็นการดำเนินการที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนแค่กำไร เพราะบริษัทจะยั่งยืนได้ ไม่ใช่แค่กำไร แต่จะต้องดูแลสังคมด้วย

      “เมื่อก่อนนักลงทุน อาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องผลกำไรเป็นหลัก แต่จากนี้ไปจะไม่มองเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว แต่จะมองเรื่องความยั่งยืนที่ธุรกิจดำเนินการควบคู่กันด้วย” ธีรพันธ์กล่าว