Children Content: เมื่อเรื่องราวของเด็ก ๆ กลายเป็นสินค้า

Children Content: เมื่อเรื่องราวของเด็ก ๆ กลายเป็นสินค้า

บนโลกอินเทอร์เน็ต เรามักเห็น Children Content คอนเทนต์เกี่ยวกับเด็กมากมาย ทั้งจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง และคุณครูที่โรงเรียน

เนื่องจากความน่ารักไร้เดียงสาของเด็ก ๆ มักทำให้ผู้ใหญ่อดใจไม่ไหวที่จะยกกล้องขึ้นมาเก็บบันทึกภาพเหล่านั้นเอาไว้ แล้วแชร์ออกไปบนโซเชียลมีเดียเพื่อส่งต่อความสดใสเหล่านี้ให้คนอื่น ๆ เห็นไปพร้อมกัน

ส่วนผู้ที่ได้พบเห็นภาพความสดใสเหล่านั้นก็มักรู้สึกเหมือนได้รับกำลังใจและการเยียวยา ช่วยฟื้นพลังชีวิตในวันที่เหนื่อยยาก ด้วยเหตุนี้ คอนเทนต์เกี่ยวกับเด็กจึงได้รับความนิยม และมีการกดไลค์ กดแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก

ในมุมของผู้ปกครอง การเล่าเรื่องราว หรือการแชร์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของลูกลงโซเชียลมีเดียนั้น นอกจากจะช่วยเก็บบันทึกความทรงจำระหว่างพ่อแม่ลูกแล้ว ยังได้แบ่งปันให้ญาติและเพื่อนได้เห็นพัฒนาการของเด็กไปพร้อมกัน

รวมทั้งยังช่วยให้พวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในการเลี้ยงลูกกับผู้ปกครองคนอื่น ๆ ผ่านช่องคอมเม้นต์ได้อีกด้วย ส่งผลให้พ่อแม่หลายคนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ประสบปัญหาในการเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพัง

หรือพ่อแม่บางคนก็อาจจะได้แนวทางแก้ไขปัญหาการเลี้ยงลูกจากคอมเม้นต์ในโซเชียลด้วยเช่นกัน

  และในปัจจุบัน ที่ทุกคนสามารถสร้างรายได้ได้จากการโพสต์คอนเทนต์ลงบนโซเชียลมีเดีย ประกอบกับการเลี้ยงเด็กหนึ่งคนก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั้งค่าอาหาร ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษ ค่ารักษาพยาบาล ค่าของเล่นเสริมพัฒนาการ และค่าอื่น ๆ อีกมากมาย 

พ่อแม่หลายคนจึงนิยมเปิดเพจและช่องรายการในโซเชียลมีเดีย รวมถึงพาลูกถ่ายคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือ Vlog ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้แฟน ๆ ได้ติดตามและเพิ่มช่องทางในการหารายได้

Children Content: เมื่อเรื่องราวของเด็ก ๆ กลายเป็นสินค้า

กล่าวคือ ยิ่งมีผู้เข้าชมเนื้อหาและกดไลค์กดแชร์ออกไปมากเท่าไร ปริมาณรายได้ที่จะได้รับก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

พ่อแม่บางคนมองว่า การถ่าย Vlog เป็นงานสบาย ๆ ที่ไม่ได้อันตรายอะไร แค่ปล่อยให้กล้องจับภาพลูก นำไปตัดต่อแล้วโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเพียงเท่านั้น

การที่ลูกมีแฟนคลับคอยติดตามให้ความสนใจ ย่อมทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกภูมิใจที่ลูกของตนนั้นเป็นที่รักของคนอื่น ๆ อีกทั้งยังทำให้พ่อแม่ โดยเฉพาะในกลุ่มพ่อแม่ที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วสามารถอยู่ในกระแสความสนใจได้เรื่อย ๆ

มากไปกว่านั้นยังนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูก เช่น การเข้าสู่วงการบันเทิงต่อไปในอนาคต ส่งผลให้เรื่องราวของเด็กที่บางครั้งควรเป็นส่วนตัว ค่อย ๆ กลายเป็นสินค้าที่สามารถขายได้ในวงกว้าง

เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองมองเห็นแต่ประโยชน์ของโซเชียลมีเดีย ที่จะช่วยสะสมทุนและแผ้วทางเส้นทางให้ลูกของตนได้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างสะดวกสบายในอนาคต

และคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปล้วนแล้วแต่มาจากความรักและหวังดี พ่อแม่หลายคนจึงละเลยเรื่องสิทธิ และความปลอดภัยทางจิตใจของลูกไป

การทำ Vlog ตามติดชีวิตลูก ๆ อาจเป็นดาบสองคม เพราะการถ่ายทำบางครั้งก็เสนอเรื่องราวที่เด็ก ๆ อยากเก็บไว้เป็นส่วนตัวหรือเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่สภาพจิตใจไม่พร้อม ส่งผลต่อเนื่องได้หลายอย่าง

เนื่องจากเด็กก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง มีบางเรื่องราวที่ต้องการเก็บไว้เป็นส่วนตัว

Children Content: เมื่อเรื่องราวของเด็ก ๆ กลายเป็นสินค้า

เมื่อลูกย้อนกลับมาดูวิดีโอในวัยเด็กของตัวเองที่ถูกเผยแพร่ออกไป แล้วพบเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้ใครรับรู้ ก็อาจจะนำมาซึ่งความอับอายให้เขาได้ หรือมีบางช่วงเวลาที่ไม่ต้องการออกกล้อง

แต่เมื่อออกไปข้างนอกบ้านแล้วเจอแฟนคลับเข้ามาทักทายขอถ่ายรูป ก็อาจทำให้เด็กไม่สบายใจเพราะโดนรบกวนจากคนที่ไม่รู้จักตลอดเวลา จนอาจงอแงและทะเลาะกับพ่อแม่ได้

นอกจากนี้คอมเม้นต์ต่าง ๆ ที่ตามมาก็มีทั้งในทางที่ดีและไม่ดี การที่เด็กรับรู้ว่าเขาได้รับคอมเม้นต์ในแง่บวกเป็นจำนวนมาก ๆ ก็อาจส่งผลให้เขากลายเป็นคนหลงตัวเอง ต้องพยายายามทำตัวเองให้สมบูรณ์แบบและมีตัวตนอยู่บนโลกออนไลน์อยู่เสมอ เพราะต้องการได้รับคำชื่นชมมากกว่าคำวิพากษ์วิจารณ์

ในทางกลับกัน หากเด็กได้รับคำต่อว่าและคำวิจารณ์ในทางลบมากกว่าคำชม แม้พ่อแม่จะลบคำวิจารณ์เหล่านั้นออกไปแล้ว แต่ digital footprint นั้นยังคงอยู่

เมื่อพวกเขาโตขึ้นระดับหนึ่งแล้วไปค้นเจอ ก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียความมั่นใจไปจนละเลยที่จะเคารพตัวเอง ยังไม่นับรวมเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งเกิดจากผู้ไม่หวังดีที่รู้ข้อมูลเด็กทุกอย่างจากโซเชียลมีเดีย เช่น การลักพาตัวเด็ก การนำรูปเด็กไปใช้ในทางที่ไม่ดี เป็นต้น

ยกตัวอย่างกรณีในต่างประเทศ ที่เมื่อไม่นานมานี้วัยรุ่นหญิงอายุ 17 ปี ซึ่งเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่เป็น Vlogger ได้มาตั้งกระทู้บนเว็บไซต์ Reddit เพื่อบอกเล่าประสบการณ์อันเลวร้าย

ที่พ่อแม่คอยตั้งกล้องวิดีโอบันทึกชีวิตประจำวันของเธอตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แม้ในช่วงแรกเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก แต่ต่อมามันกลับสร้างความหวาดระแวงให้เธอเป็นอย่างมาก

เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าพ่อแม่จะแอบมาถ่ายเธอตรงไหนและตอนไหน ซึ่งบางครั้งก็แอบมาถ่ายตอนเธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า รวมไปถึงทำให้เธอไม่กล้าเล่าเรื่องส่วนตัวให้พ่อแม่ฟัง

Children Content: เมื่อเรื่องราวของเด็ก ๆ กลายเป็นสินค้า

เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะนำเรื่องของเธอไปเล่าในคลิปให้ผู้ชมที่เธอไม่รู้จักฟัง หรือแม้กระทั่งเคยมีคนพยายามลักพาพี่น้องของเธอ เพราะทราบข้อมูลส่วนตัวจากคลิปวิโอที่พ่อแม่ของเธออัพโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

เธอยังเล่าต่อในคอมเม้นต์อีกว่าในช่วงที่พ่อแม่สามารถทำเงินได้มหาศาลจากการถ่ายคลิปลงโซเชียลมีเดีย พ่อแม่ของเธอไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายหล่านี้เลย โดยเพิ่งมาเริ่มตระหนักได้ในระยะหลัง

แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะมันทำให้เธอและพี่น้องของเธอต้องเข้ารับการบำบัดทางจิต และแยกกันอยู่กับพ่อแม่โดยไม่มีการติดต่อสื่อสารกันอีกเลย

จากที่ได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น แม้ว่าการที่พ่อแม่ถ่าย Vlog เรื่องราวของลูกมาลงโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มรายได้อาจจะดูไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิต แต่มันก็มีผลกระทบต่อการเติบโตและการดำเนินชีวิตประจำวันของเด็กมากกว่าที่คิด

เด็กควรได้เป็นเด็ก มีสิทธิที่จะได้เรียนรู้ลองผิดลองถูก และเติบโตโดยไม่ถูกตัดสินด้วยคำวิจารณ์ ที่บางครั้งก็ไม่เป็นประโยชน์จากโลกอินเทอร์เน็ต

ในต่างประเทศที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว สิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กเป็นเรื่องสำคัญมาก มีการออกและบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองเด็ก โดยจำกัดสิทธิในการเพยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของลูก

เราแทบไม่เห็นดารานักแสดงในต่างประเทศถ่ายรูปหรือคลิปวิดิโอของลูกมาลงอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเคารพสิทธิ และสอบถามถึงความยินยอมของลูกอยู่เสมอ ว่าเขาต้องการให้เผยแพร่เรื่องราวของเขาลงบนอินเทอร์เน็ตหรือไม่ และรัฐไทยเองก็ควรพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กให้ทันสมัยมากขึ้น

เพราะค่านิยมเรื่องความกตัญญูแบบไทย ๆ ทำให้พ่อแม่คิดว่าลูกต้องทำตามคำสั่งทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณ จึงทำให้ความต้องการที่แท้จริงของเด็กถูกมองข้ามจนบางครั้งก็ละเมิดความยินยอมของลูกไปโดยไม่รู้ตัว

ด้วยเหตุนี้รัฐจึงจำเป็นต้องออกกฎหมายคุ้มครอง เพื่อสื่อสารให้สาธารณะเข้าใจว่าเด็กก็มีความต้องการของตัวเอง และป้องกันไม่ให้เด็กถูกละเมิดจากพ่อแม่

นอกจากนี้ รัฐไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาสวัสดิการเกี่ยวกับเด็กควบคู่กันไปด้วย เช่น เงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า เงินสนับสนุนการศึกษาที่ฟรีอย่างแท้จริง เป็นต้น

เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ว่าลูกของเขาจะไม่ลำบากในวันที่พวกเขาล้มลง เพื่อที่พ่อแม่จะได้ไม่ต้องถ่าย Vlog เกี่ยวกับลูกมาลงโซเชียลมีเดียเพื่อหารายได้

เด็กจะได้มีเวลาเรียนหนังสือ ได้ทำในสิ่งที่ชอบได้อย่างเต็มที่ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่ผู้ปกครอง มีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมต่อไป

...เพราะเด็กและเรื่องราวส่วนตัวของเด็กไม่ใช่สินค้า แต่พวกเขาคือความหวังของโลกใบนี้ ผู้ใหญ่แบบเรา ๆ จึงต้องช่วยกันสร้างสรรค์สังคมที่ดีเอาไว้คอยโอบอุ้มพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้จมหายไปในความมืดมิด หากโลกปราศจากซึ่งเด็ก ๆ แล้ว โลกใบนี้ก็ปราศจากอนาคต.