สถาบันวิจัยประชากร ม.มหิดล เรียกร้องทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัย "เด็กไทย"

สถาบันวิจัยประชากร ม.มหิดล เรียกร้องทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัย "เด็กไทย"

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล เรียกร้องทุกภาคส่วนช่วยกันดูแล "ความปลอดภัย" ให้แก่ "เด็กไทย" หลังพบว่า 4 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 7,631 คน

เหตุเศร้าสลด กราดยิงหนองบัวลำภู ยังคงสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ประเทศชาติสูญเสียประชากรกลุ่มเด็กเล็กไปมากถึง 24 คน ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศไทย

จากเหตุดังกล่าว สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่อนหนังสือเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรเกิดใหม่ น้อยกว่าประชากรผู้สูงอายุที่ตายไป ดังนั้น เด็กจึงเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติในอนาคต 

โดยในหนังสือได้ระบุเนื้อหาความว่า..

ในฐานะที่สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ทำหน้าที่ทางวิชาการในการสนับสนุนการเติบโตของเด็ก เยาวชน และการดำเนินชีวิตของสถาบันครอบครัว ชาวสถาบันฯ รู้สึกเศร้าสลดและสะเทือนใจต่อเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้นที่หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

นับตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมา ประเทศไทยของเรามีอัตราการเกิดลดลงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปี 2564 เป็นปีแรกที่ประเทศไทยมีจำนวนการเกิดน้อยกว่าการตายเป็นครั้งแรก การดูแลและทะนุถนอมเด็กที่เกิดมาทุกคน คือ การรักษาความมั่นคง ความยั่งยืน และคุณภาพของสังคมในอนาคต

สถาบันวิจัยประชากร ม.มหิดล เรียกร้องทุกภาคส่วนดูแลความปลอดภัย \"เด็กไทย\"

ในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ พ.ศ. 2560 จนถึง 2563 เด็กไทยอายุ 0-4, 5-9, 10-14 ปี เสียชีวิตไปแล้ว 19,304 คน,  4,454 คน และ 6,766 คน ตามลำดับ เฉลี่ยปีละ 7,631 คน

  • กลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี

พบว่าเสียชีวิตจากสาเหตุภายนอกที่ไม่ได้เกิดจากการเจ็บป่วย ซึ่งหมายรวมถึงอุบัติเหตุและการถูกทำให้เสียชีวิต จำนวน 2,203 คน (มากกว่า 1 ใน 10 ของการตายในเด็กอายุ 0-4 ปี ทั้งหมด)

  • กลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี

พบว่าเสียชีวิต 5,612 คน (เกือบครึ่งหนึ่งของการตายในเด็กอายุ 5-14 ปี ทั้งหมด)

จึงทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยเกิดคำถามว่า สังคมไทยปลอดภัยและเกื้อกูลเพียงใดสำหรับการมีลูกและสร้างครอบครัว และสังคมไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยเกินไปหรือไม่? สำหรับเด็กที่จะเดิบโตขึ้นมาเพื่อดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต

ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ต้องให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน ทั้งในระดับนโยบายของชาติ และในหัวใจของพวกเราทุกคน มาร่วมมือกันอย่างจริงจังในการทำหน้าที่ดูแลทุกย่างก้าวน้อยๆ ของเด็กและเยาวชนของเรา ให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด ทั้งพื้นที่ภายในบ้าน และนอกบ้าน เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างมีคุณภาพต่อไป

-----------------------------------

อ้างอิง : สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล