'ปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส' เด็กต่ำกว่า 5 ปี อัตราเสียชีวิตสูงถึง 11% สธ.มอบวัคซีนของขวัญปีใหม่

สธ.มอบของขวัญปีใหม่ 2569 ให้เด็กไทย “วัคซีน PCV” ลดเสียชีวิตจากปอดอักเสบ "เชื้อนิวโมคอคคัส" เผยเด็กต่ำกว่า 5 ปี อัตราติดเชื้อเสียชีวิตสูงถึง 11% เตรียมผลักดันเข้าแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กทม. นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานพิธีมอบของขวัญปีใหม่ 2569 กระทรวงสาธารณสุข "ร่วมสร้างการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม เพื่อสุขภาพเด็กไทยอย่างยั่งยืน" ว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย ด้วยการมอบโอกาส และความปลอดภัย ทางสุขภาพให้แก่เด็กไทย สร้างอนาคตที่แข็งแกร่งให้กับประเทศชาติ
และประการที่สอง เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วน เนื่องจากเชื้อนิวโมคอคคัสเป็นสาเหตุการเสียชีวิตและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของเด็กไทย โดยในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี มีอัตราการติดเชื้อในกระแสเลือดสูงถึง 33.8 ต่อประชากรแสนคน
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)จึงมอบของขวัญปีใหม่ให้กับเด็กไทยทุกคน ภายใต้แนวคิด "ร่วมสร้างการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม เพื่อสุขภาพเด็กไทยอย่างยั่งยืน" โดย 1. เร่งรัดการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส (PCV) โดยผลักดันและจัดหาวัคซีน PCV ที่มีประสิทธิภาพสูงเข้าสู่แผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบในเด็กไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
2. สร้างความเท่าเทียมด้านวัคซีน โดยจะทบทวนและปรับปรุงระบบการกระจายวัคซีน เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ห่างไกล ชนบทหรือในเมืองหลวง สามารถเข้าถึงวัคซีนที่จำเป็นและวัคซีนเสริมได้อย่างเท่าเทียมและทันท่วงที
และ 3.สื่อสารความเชื่อมั่น โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสำคัญและความปลอดภัยของวัคซีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศ และให้ผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนตามกำหนด ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตของเด็กไทย เพราะจะนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและปราศจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
สำหรับ Kids Care Premium Clinic จะสอดรับกับนโยบายยกระดับบริการของโรงพยาบาลรัฐ เพื่อลดความแออัดและลดระยะเวลารอคอย เป็นการก้าวไปอีกขั้นของระบบบริการสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพเด็ก ช่วยเพิ่มทางเลือกในการรับบริการและเสริมระบบสุขภาพให้สมบูรณ์และครบวงจร ที่สำคัญ ยังแสดงให้เห็นถึงการยกระดับมาตรฐานคุณภาพสูงสุดของแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็ก ที่มุ่งเน้นทั้งความรวดเร็ว ความสะดวกสบาย มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
ขณะที่ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสทำให้เกิดปอดอักเสบและเยื่อหุ้มสมองอักเสบรุนแรง เป็นสาเหตุของการป่วยและเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก โดยประเทศไทยพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีมีอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อนิวโมคอคคัสสูงถึง 11 % แต่ยังไม่ได้บรรจุวัคซีน PCV ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว 170 ประเทศ มีการบรรจุวัคซีน PCV ลงในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแล้ว
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีโครงการนำร่องในบางพื้นที่มาระยะหนึ่งแต่การเข้าถึงของเด็กไทยยังค่อนข้างจำกัด มีผู้ปกครองเพียงบางส่วนที่สามารถนำบุตรหลานมาฉีดได้ประมาณ 10 – 20 % ซึ่งการเข้าถึงวัคซีนถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคและลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ การมอบของขวัญปีใหม่ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เด็กไทยเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพครอบคลุมเชื้อก่อโรคได้ถึงกว่า 90% เพื่อปกป้องชีวิตจากโรคร้ายแรงที่ป้องกันได้
นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางระดับตติยภูมิขั้นสูง จึงมีผู้ป่วยเด็กรับบริการจำนวนมาก เกิดปัญหาความแออัดและการคอยรอรับบริการ โดยเฉพาะในคลินิกผู้ป่วยนอก จึงเปิดคลินิกบริการพิเศษ Kids Care Premium Clinic เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบายในการเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสูงสุด ภายใต้การบริหารจัดการเวลาและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้รอรับบริการและลดความแออัดในคลินิกปกติ อีกทั้ง ยังเป็นต้นแบบในการพัฒนาการบริการทางการแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็กที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับพรีเมียม ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผสานกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลากหลายสาขา และการบริการที่เป็นเลิศ
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ (ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์) โดยลงทะเบียนนัดหมายได้ที่ Line id @kids2633 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1415 ต่อ 2633 (ในเวลาราชการ)







