เตือนภัย! ‘ผัก-ผลไม้’ ทำ ‘ลำไส้ทะลุ’ มีกรณีผู้ป่วยเกิดขึ้นจริง

เตือนภัย! ‘ผัก-ผลไม้’ ทำ ‘ลำไส้ทะลุ’ มีกรณีผู้ป่วยเกิดขึ้นจริง

การกลืนส่วนของพืชและผลไม้ที่ย่อยไม่ได้และมีปลายแหลมคม เช่น เม็ดกระท้อน หรือก้านใบเหลียงที่แข็ง อาจทิ่มแทงลำไส้จนทะลุและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

KEY

POINTS

  • การกลืนส่วนของพืชและผลไม้ที่ย่อยไม่ได้และมีปลายแหลมคม เช่น เม็ดกระท้อน หรือก้านใบเหลียงที่แข็ง อาจทิ่มแทงลำไส้จนทะลุและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • มีกรณีผู้ป่วยเกิดขึ้นจริงจำนวนมากจากการกลืนเม็ดกระท้อน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดเร่งด่วน และมีบางรายเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
  • พบเคสผู้ป่วยลำไส้ทะลุจากก้านใบเหลียงเป็นรายแรกของโลกในประเทศไทย โดยผู้ป่วยมีอาการคล้ายไส้ติ่งอักเสบ และตรวจพบก้านที่แข็งทิ่มลำไส้ระหว่างการผ่าตัด

อันตรายจากการรับประทานส่วนของพืชหรือผลไม้ที่ ไม่สามารถย่อยได้ จนส่งผลให้เกิด ‘ภาวะลำไส้ทะลุ’ ซึ่งมีกรณีผู้ป่วยเกิดขึ้นทั้งจาก “กลืนเม็ดกระท้อน” ซึ่งมีความคมจนบาดลำไส้และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และกรณีที่เป็นรายงานทางการแพทย์ที่พบเป็นครั้งแรกของโลกในไทยจากการรับประทาน “ก้านใบเหลียง” ที่แข็งเกินไปจนทิ่มแทงผนังลำไส้

กรณีของการกลืนเม็ดกระท้อนนั้น  เนื่องจากเม็ดกระท้อนมีลักษณะเรียว หัวแหลม ท้ายแหลม จึงมักไปติดบริเวณลำไส้ส่วนล่าง ทำให้บาดลำไส้ทะลุ เมื่อลำไส้ทะลุก็จะทำให้ของเสียไหลออกมาสู่บริเวณภายในช่องท้องและอาจเกิดการติดเชื้อจนเสียชีวิตได้ ซึ่งแพทย์จะต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือ
การกลืนเม็ดกระท้อนแล้วลำไส้ทะลุ ส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีลำไส้บาง เมื่อลกืนเม็ดกระท้อนที่มีลักษณะปลายแหลมและไม่สามารถย่อยได้ จึงมีโอกาสลำไส้ทะลุได้ง่าย บางครั้งไม่แสดงอาการในระยะแรกๆ กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการหนัก

 มีรายงานผู้ป่วยเกิดขึ้นในหลายโรงพยาบาล อย่างเช่น รพ.ชลบุรี ซึ่งเมื่อกลางปี 2565 นั้นมีการผ่าตัดลำไส้ผู้ป่วยเพื่อนำเม็ดกระท้อนออกมาถึง 9 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักที่จะมีอายุตั้งแต่ 50- 70 ปี เพราะมีพฤติกรรมในการรับประทานกระท้อนแล้วกลืนเม็ดลงไปด้วย

รพ.หาดใหญ่ เคยมีคนไข้อายุ 78 ปี กลืนเม็ดกระท้อนจนทิ่มลำไส้ทะลุ มาโรงพยาบาลด้วยอาการท้องอืดและปวดท้อง เมื่อแพทย์เอกซเรย์ พบเม็ดกระท้อนอยู่ในท้อง 7 เม็ด แพทย์รีบรักษาด้วยการผ่าตัด เพราะถ้าไม่ผ่าตัดคนไข้ก็จะเสียชีวิตได้

การผ่าตัดนี้สำเร็จ โดยคนไข้รายนี้หลังผ่าตัด มีการยกทวารเทียมขึ้นมาเปิดให้คนไข้ถ่ายทางหน้าท้อง และต้องดูอาการ 6 เดือน เพื่อให้การอักเสบในช่องท้องดีขึ้น แล้วจึงทำการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะปิดตัวทวารเทียมเอาลำไส้เดิมไปต่อกับที่ตัดไว้ เพื่อให้คนไข้ถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ

รพ.กำแพงเพชร คนไข้ชายอายุ 87 ปี กลืนเม็ดกระท้อนลงไป 3 เม็ด จนทำให้ลำไส้ใหญ่ทะลุ หายใจเหนื่อย ใส่ท่อช่วยหายใจ ช็อก ติดเชื้อในกระแสเลือด ความดันต่ำมาก ต้องใช้ยากระตุ้นหัวใจ และเสียชีวิต
ในการผ่าตัดกรณีกลืนเม็ดกระท้อน  เป็นการผ่าตัดผ่าช่องท้องที่ใช้ระยะเวลานานราว 3-5 ชั่วโมง และต้องยกลำไส้ใหญ่มาไว้ที่หน้าท้องเพื่อให้อุจจาระผ่านหน้าท้องเป็นระยะเวลาหนึ่งหลังการผ่าตัด  เพื่อให้การอักเสบในช่องท้องดีขึ้น 

จากนั้นจึงจะผ่าตัดอีกครั้งเพื่อนำลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง ใช้ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 3-6 เดือน รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือโรคประขจำตัวที่มักพบในผู้สูงอายุด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอยู่ที่ราว 100,000 แสนบาท หากในรพ.เอกชนอาจอยู่ที่ราว 200,000 - 300,000 บาท

ก้านใบเหลียง รายแรกในโลกที่ไทย

ไม่เพียงแต่เม็ดกระท้อนที่แหลมคมเท่านั้น แม้แต่ “ผักเหลียง”ก็เกิดกรณีทำลำไส้ทะลุได้เช่นกัน ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยรายแรกของโลกที่ประเทศไทย  โดยมีการตีพิมพ์บทความวิชาการผ่านสำนักพิมพ์วารสารวิชาการระดับนานาชาติ บนเว็บไซต์ Frontiersin.org  เรื่อง “กรณีศึกษา: ลำต้นพืชแหลมคมทำให้เกิดการทะลุของลำไส้เล็กส่วนปลาย ร่วมกับอาการทางคลินิกคล้ายไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน” ของสำนักวิชาแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช 

บทความที่ตีพิมพ์ระบุว่า  การกลืนกินพืชเป็นสาเหตุที่พบไม่บ่อยนักของการทะลุของลำไส้ และอาจมีอาการทางคลินิกคล้ายกับไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน

ผู้ป่วยเป็นชายชาวไทยอายุ 40 ปี มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องด้านขวาล่างและมีไข้ต่ำเป็นเวลา 1 วัน การตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) แบบใช้สารทึบแสงแสดงให้เห็นไส้ติ่งที่ขยายตัวเล็กน้อย ขนาด 7 มม. โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงของไขมันรอบไส้ติ่ง ไม่มีอากาศในช่องท้อง ไม่มีฝี หรือสิ่งแปลกปลอมที่มองเห็นได้

เตือนภัย! ‘ผัก-ผลไม้’ ทำ ‘ลำไส้ทะลุ’ มีกรณีผู้ป่วยเกิดขึ้นจริง

เนื่องจากอาการเยื่อบุช่องท้องอักเสบเฉพาะที่ยังคงอยู่แม้ภาพถ่ายจะไม่ชัดเจน จึงได้ทำการผ่าตัดสำรวจช่องท้อง พบเศษไม้คล้ายเข็มขนาด 2.5 ซม. อยู่ภายในลำไส้เล็กส่วนปลาย ทำให้เกิดการทะลุเฉพาะที่ ต่อมาพบว่าเป็นลำต้นด้านข้างของ Gnetum gnemon var. tenerum ซึ่งเป็นพืชที่กินได้ ชิ้นส่วนที่ทะลุถูกนำออก รอยฉีกขาดที่ลำไส้เล็กถูกเย็บปิดโดยตรง และทำการผ่าตัดไส้ติ่งออก หลังผ่าตัดไม่มีภาวะแทรกซ้อน

กรณีนี้แสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของการตรวจวินิจฉัยด้วยภาพในกรณีที่ลำไส้เล็กทะลุ และเป็นการเพิ่มข้อมูลในวรรณกรรมเกี่ยวกับการรับประทานพืชเป็นสาเหตุของอาการปวดท้องเฉียบพลันในบริบทของภูมิภาคที่บริโภคอาหารดังกล่าว

อนึ่ง ในบทความนี้มีการเปิดเผยรูปของพืชชนิดังกล่าว ซึ่งก็คือ “ผักเหลียง” หรือ “ใบเหลียง” และส่วนที่ทำอันตรายเป็นบริเวณก้านที่มีความแข็ง   ซึ่งในการนำมาประกอบอาหารนั้น ส่วนใหญ่จะต้องรูดก้านใบทิ้ง โดยเฉพาะใบแก่

อ้างอิง : https://www.frontiersin.org/journals/medicine/articles/10.3389/fmed.2025.1713022/full