‘รพ.รามา’ ลุยสร้างอาคารใหม่ 25 ชั้น – เปิดโรงงานผลิตสเต็มเซลล์

“รพ.รามาธิบดี” เดินหน้าสร้างอาคารรพ.แห่งใหม่ พัฒนาย่านนวัตกรรมโยธี ลงนามสัญญาก่อสร้าง “อิตาเลียนไทย" คาดเสร็จปี 2574 ขณะที่“โรงงานผลิตสเต็มเซลล์ จักรีนฤบดินทร์” เสร็จแล้ว รออย.อนุมัติ ก่อนปิดใช้
KEY
POINTS
- โรงพยาบาลรามาธิบดีลงนามสัญญาก่อสร้าง "อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี" เป็นอาคารสูง 25 ชั้น ด้วยงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574
- ศูนย์การแพทย์ที่บริเวณถนนศรีอยุธยา คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเฟสแรกได้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2569 เน้นไปที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ (Check-up) และศูนย์ CT/MRI และเครื่อง MRI รุ่นใหม่ลดระยะเวลาในการตรวจลงได้ถึง 50 %
- เตรียมเปิดโรงงานผลิตสเต็มเซลล์และเนื้อเยื่อที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569 หลังผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP เพื่อใช้ในการวิจัยและรักษาผู้ป่วย
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มต้นก้าวสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขไทย ด้วยการลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี กับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 เพื่อสร้างสถาบันการแพทย์ระดับ Quaternary Care ที่ทันสมัยและครบวงจรที่สุดบนถนนพระรามที่หก มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการรักษาพยาบาล การเรียนการสอน และงานวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพระดับโลกภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส
ทั้งนี้ ในพิธีลงนามยังได้มีการทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โดยมีผู้แทนจากกรมบัญชีกลางและผู้สังเกตการณ์เข้าร่วม เพื่อเป็นกลไกป้องกันการทุจริตและยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ
ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการเริ่มต้นก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2574 โดยโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์การเภสัชกรรมในการใช้พื้นที่ขนาดประมาณ 15 ไร่ จัดสร้างอาคารที่ได้มาตรฐานและรองรับการให้บริการสุขภาพขั้นสูงตามแผนยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล
รพ.รามาผู้ป่วยนอกปีละ 2 ล้าน-ผู้ป่วยใน 50,000 ราย
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โครงการนี้ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2564 เป็นโครงการที่มีความสำคัญของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งเน้นวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านบริการรักษาพยาบาล ให้เป็นสถานที่เพื่อการเรียนการสอนแก่แพทย์ นักศึกษาแพทย์และผู้เรียนหลักสูตรต่าง ๆ รวมทั้ง ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในย่านนวัตกรรมโยธี สร้างพื้นที่สำหรับนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ร่วมกัน
ขณะที่ ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้บริการผู้ป่วยนอกประมาณ 2 ล้านรายต่อปี และผู้ป่วยในประมาณ 50,000 รายต่อปี
ในด้านการศึกษา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีรวมทุกหลักสูตรประมาณ 520 คนต่อปี แบ่งเป็น แพทย์ 210 คน พยาบาล 240 คน และนักวิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาอื่น ๆ อีก 70 คนต่อปี อีกทั้งยังผลิตบุคลากรทางการแพทย์ระดับหลังปริญญารวมกว่า 430 คนต่อปี
วงเงินก่อสร้างอาคารใหม่ 10,000 ล้าน
อย่างไรก็ตาม อาคารหลักของโรงพยาบาลซึ่งใช้งานมาประมาณ 60 ปี มีสภาพเสื่อมโทรม จึงได้วางแผนพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดในวิทยาเขตพญาไท โดยได้รับความร่วมมือในการใช้พื้นที่ขนาดประมาณ 15 ไร่ จากองค์การเภสัชกรรม ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในการจัดสร้างอาคารโรงพยาบาลหลังใหม่ที่ได้มาตรฐาน รองรับการให้บริการสุขภาพขั้นสูงตามแผนยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล ในชื่อโครงการ “อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี” ซึ่งได้เริ่มดำเนินการภายใต้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)
“วงเงินก่อสร้างรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเงินในงบประมาณ 7,014 ล้านบาท และเงินนอกงบประมาณราว 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2574”ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์กล่าว
อาคาร 25 ชั้น ขยายศักยภาพดูแลผู้ป่วย
สำหรับอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี เป็นอาคารขนาดใหญ่ สูง 25 ชั้น ขนาด 15 ไร่ 2 งาน 24 ตารางวา บนพื้นที่ใช้สอย 278,000 ตารางเมตร มีจุดรับส่งผู้ป่วยยาว 140 เมตร
- ห้องพักผู้ป่วย รองรับผู้ป่วยใน 826 เตียง เพิ่มจำนวนห้องพักเดี่ยวมากขึ้น
- ห้อง ICU จำนวน 240 ห้อง สามารถมองเห็นด้านนอกตามแนวคิดสิ่งแวดล้อมเพื่อการเยียวยา ช่วยกระตุ้นให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ห้องผ่าตัด OR จำนวน 50 ห้อง รองรับการทำงานแบบบูรณาการทุกสาขาวิชาเพื่อรักษาโรคซับซ้อน, ห้องผ่าตัดผู้ป่วยโรคชับช้อนทางหัวใจ OR Hybrid มีความแม่นยำ ปลอดภัย, Robotic Surgery หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ช่วยให้แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว, ศูนย์การผ่าตัด Ambulatory Center แบบไม่นอนโรงพยาบาล
- หน่วยตรวจผู้ป่วยนอก มี 4 ชั้น ห้องตรวจมากกว่า 325 ห้อง, บริการ Imaging Center, ให้บริการ CT Scan,X-ray, Ultrasound, MRI แบบ 24 ชั่วโมง ลดระยะเวลารอคอยการตรวจ, ศูนย์ให้บริการผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดที่ต้องพบแพทย์หลายด้าน Patient Operation Center เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ลดการเคลื่อนที่ของผู้ป่วย สะดวก และประหยัดเวลา
ด้วยแนวคิด 3 หัวใจหลัก เพื่อดูแลผู้ป่วยทุกคน
1.การบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วย พร้อมดูแลผู้ป่วยนอกได้ 2.5 ล้านคนต่อปี รองรับผู้ป่วยในได้ 1,000 เตียง หรือ 55,000 รายต่อปี ผู้ป่วยสามารถเบิกจ่ายตามสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือประกันสังคมเหมือนอาคารเดิม
2.การเรียนการสอนบุคลากรการแพทย์ ส่วนหนึ่งของห้องเรียนขนาดใหญ่ที่บ่มเพาะ ผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยผลิตนักศึกษาจำนวน 950 คนต่อปี
3.การวิจัยทางการแพทย์ Research ผนึกกำลังกับเครือข่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพในย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (YMID) เพื่อการสร้างนวัตกรรมด้านการแพทย์และชีวการแพทย์ที่สามารถนำไปต่อยอดและเป็นประโยชน์ทางด้านสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว
ปี 69 เปิดศูนย์การแพทย์เพิ่ม
ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ด้วยว่า สำหรับศูนย์การแพทย์ที่บริเวณถนนศรีอยุธยา คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเฟสแรกได้ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2569 ระยะเริ่มต้นจะเน้นไปที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ (Check-up) และศูนย์ CT/MRI ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุด และเครื่อง MRI รุ่นใหม่จะสามารถลดระยะเวลาในการตรวจลงได้ถึง 50 % ช่วยให้การวินิจฉัยรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ จะเป็นศูนย์สร้างเสริมสุขภาพ (Wellness Center) ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้และดูแลสุขภาพของประชาชนทั่วไปก่อนที่จะเจ็บป่วย รองรับเฉพาะผู้ป่วยนอก โดยคาดการณ์ศักยภาพในการบริการไว้ที่ประมาณ 500 คนต่อวัน
ภายในศูนย์จะประกอบด้วยบริการที่หลากหลาย อาทิ ศูนย์พัฒนาการเด็ก ศูนย์ตรวจโรคการนอนหลับ และศูนย์ตรวจตาที่ไม่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของโครงการนี้ยังขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและเครื่องมือทางการแพทย์ให้เต็มศักยภาพเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน
รอเปิด โรงงานผลิตสเต็มเซลล์ จักรีนฤบดินทร์
ขณะที่ทางฝั่งสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ก็มีแผนจะขยายขีดความสามารถในการรับผู้ป่วยจากวันละ 1,500 คน เป็นกว่า 2,000 คน และมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนเตียงให้บริการจาก 200 เตียง เป็น 400 เตียง หากสามารถแก้ไขปัญหาพยาบาลไม่เพียงพอได้ตามแผนที่วางไว้ ส่วนการพัฒนาการศึกษาทางการแพทย์ด้วยห้องปฏิบัติการจำลอง (Simulation Center) และห้องแล็บ "อาจารย์ใหญ่แบบนิ่ม" ที่มีเนื้อเยื่อเสมือนคนจริงที่ยังมีชีวิต เพื่อฝึกฝนทักษะการผ่าตัดให้แก่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ความคืบหน้าของโรงงานผลิตยาในพื้นที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ อาคารสถานที่ขนาด 200-300 ตารางเมตรได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนรอการตรวจประเมินมาตรฐาน GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โรงงานแห่งนี้จะเน้นการผลิตสเต็มเซลล์และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันประเภทต่าง ๆ เพื่อใช้ในการวิจัยและการรักษาภายในโรงพยาบาลรามาธิบดี คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2569
“โรงงานผลิตยานี้จะเน้นผลิตสเต็มเซลล์ ที่นำมาใช้สำหรับซ่อมแซมอวัยวะต่าง ๆ เช่น กระดูกหัก แล้วไม่เชื่อมติดกัน หรือ แผลไฟไหม้ที่รุนแรง ก็จะผลิตเนื้อเยื่อพื้นผิวไปแปะ ทำให้คนที่เป็นแผลไฟ ไหม้มีโอกาสหายได้เร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้ในไทยที่ผลิตได้มาตรฐาน GMP น่าจะมีเพียง1 หรือ 2” ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์กล่าว







