อัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นไทยลดลง แต่ยังไม่บรรลุเป้า

อัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นไทยลดลง แต่ยังไม่บรรลุเป้า

อัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นไทยลดลง แต่ยังไม่บรรลุเป้า ขณะที่ 10 จังหวัดนำร่องสร้างความเข้มแข็ง พบได้ผลดี เร่งขยายผลใช้แก้ปัญหา มุ่งสู่เป้าหมายท้องไม่พร้อมเหลือ 15 คนต่อพันคน ภายในปี 70

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการเป็นประธานพิธีเปิด “การประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อส่งมอบผลงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของประเทศ” โดยจัดขึ้นร่วมกันระหว่าง สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ในปี 2553 ประเทศไทยมีอัตราการตั้งครรภ์ในเด็กวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ค่อนข้างสูงที่ 50 ต่อพันคน แต่จากการร่วมกันทำงานทำให้ตอนนี้สถิติลดลงไปกว่าครึ่งแล้ว อย่างก็ตาม มีเป้าหมายลดอัตราการตั้งครรภ์ในกลุ่มวัยรุ่นให้เหลือ 15 คนต่อพันคน ภายในปี 2570 โดยสร้างความเข้าใจเรื่องการเรื่องการคุมกำเนิด และตระหนักถึงการตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่มีความพร้อม จะส่งผลต่อครอบครัว ทั้งครอบครัวที่อยู่และครอบครัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงสภาพจิตใจ เศรษฐกิจ สังคม เป็นต้น

การทำงานแก้ปัญหาในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ หวังว่าโครงการแบบนี้จะถูกขยายผลออกไปในวงกว้าง เพื่อให้สภาพเศรษฐกิจ สังคม ครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของสังคม มีความแข็งแรง แม้ว่าประชากรไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่เมื่อเกิดมาแล้วต้องให้มีความสมบูรณ์แข็งแรง สูตร 32+1 คือ สภาพจิตใจดีร่วมด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นวาระที่เราต้องทำต่อเนื่อง และร่วมกันทำอย่างเข้มแข็ง 

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นส่งผลกระทบต่อสุขภาพ การศึกษา เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจาก 6 กระทรวงหลัก และการทำงานเชิงบูรณาการในระดับพื้นที่

ผ่านคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับจังหวัด โดยกรมอนามัยในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ยินดีสนับสนุนการนำผลสำเร็จของโครงการไปขยายผลเพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้แก่วัยรุ่นและเยาวชนไทยอย่างยั่งยืน

ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ปี 2566 สสส.ร่วมกับ สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยฯ ดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของประเทศใน 10 จังหวัดที่มีอัตราการคลอดสูงสุด คือ ตาก แม่ฮ่องสอน นครนายก ระยอง จันทบุรี สระแก้ว อุทัยธานี กาญจนบุรี ปราจีนบุรี และราชบุรี

โดยได้พัฒนาคู่มือปฏิบัติงาน 8 คู่มือ สำหรับศูนย์พิทักษ์สิทธิเยาวชนตำบล ครูนางฟ้าประจำโรงเรียน รพ.สต.เชิงรุก โรงเรียนครอบครัว สถานประกอบการ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) และอนุกรรมการจังหวัด เพื่อยกระดับกลไกการทำงานของอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของจังหวัดให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ผลการดำเนินงาน ในปี 2567 พบว่า อัตราการคลอดของวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ใน 10 จังหวัดนำร่อง มีอัตราลดลง 7.75 คนต่อพันคน ขณะที่อัตราการคลอดของอีก 65 จังหวัดที่ไม่ได้มีการดำเนินการ ในปี 2567 ลดลง 5.8 คนต่อพันคน

การดำเนินงานใน 10 จังหวัดนำร่อง มีอัตราการลดลงที่มากกว่า สะท้อนถึงผลลัพธ์เชิงบวกของการดำเนินงานเป็นส่วนหนึ่งทำให้อัตราการคลอดของแม่วัยรุ่นระดับประเทศลดลง โดยในปี 2567 อยู่ที่ 18.6 คนต่อพันคน

“ยังมีความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายเพื่อลดอัตราการคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15-19 ปี ไม่เกิน 15 คนต่อพันคน ภายในปี 2570 ซึ่ง สสส. และภาคีเครือข่าย ยังคงมุ่งมั่นต่อยอดการทำงานเชิงรุก และขยายพื้นที่การทำงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

 พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ประธานโครงการฯ กล่าวว่า โครงการได้ต่อยอดบทเรียนความสำเร็จ จากจังหวัดต้นแบบที่ สสส. เคยสนับสนุน จัดทำเครื่องมือสำคัญ ได้แก่ คู่มือปฏิบัติงานสำหรับหน่วยงานด่านหน้า ระบบรายงาน ผลการเฝ้าระวังรายเดือนและกลไกคณะทำงานบูรณาการ Strategic and Technical Advisory Group (STAG) เพื่อเสริมพลังให้จังหวัดขับเคลื่อนงานด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ผลการดำเนินงานในช่วง 30 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15-19 ปี ลดลงในทุกจังหวัดเป้าหมาย และลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นทั่วประเทศ โดยพร้อมมอบผลงานและองค์ความรู้จากโครงการให้แก่คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ เพื่อใช้เป็นฐานในการขยายผลทั่วประเทศ