สธ.ให้โควต้าพิเศษทายาทบุคลากรด่านหน้าชายแดนไทย - กัมพูชา ศึกษาโครงการ '9 หมอ'

สธ.ให้โควต้าพิเศษให้ทายาทบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย - กัมพูชา เข้ารับการพิจารณาให้ศึกษาในโครงการ 9 หมอ สถาบันพระบรมราชชนก
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย - กัมพูชา ว่า ภาพรวมโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ยังปิดให้บริการ 12 แห่งเท่าเดิม ส่วน รพ.สต. กลับมาให้บริการได้ 4 แห่ง เหลือปิดบริการ 207 แห่ง ย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเป็น 742 ราย
สำหรับศูนย์พักพิงยังคงมี 996 จุด มีผู้เข้าพักรวม 263,285 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 69,884 คน มีการส่งต่อผู้พักพิงไปรักษาในโรงพยาบาลสะสม 710 ราย ได้จัดทีมด้านการแพทย์และสาธารณสุขดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร
ควบคู่การดูแลสุขภาพจิตเชิงรุก โดยคัดกรองประชาชนไปแล้ว 156,371 ราย พบเครียดสูงสะสม 1,328 ราย และเสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 169 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 6,947 ราย พบเครียดสูงสะสม 412 ราย เสี่ยงทำร้ายตนเองสะสม 140 ราย ทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจ และติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น
นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า ทุกศูนย์พักพิงได้ย้ำให้เข้มมาตรการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ทั้งคุณภาพน้ำ/ส้วม/การคัดแยกขยะ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อโรค มีการสนับสนุนคลอรีนเพื่อเติมน้ำอุปโภคให้ได้มาตรฐาน และประสานงานหน่วยงานในพื้นที่ทำการปรับปรุงคุณภาพน้ำ เสริมทักษะผู้ดูแลศูนย์พักพิงให้ตรวจสอบปริมาณคลอรีนในน้ำอุปโภค
นอกจากนี้ ยังจัดการดูแลบุคลากรที่ได้รับผลกระทบ โดยสถาบันพระบรมราชชนกมอบสิทธิพิเศษให้แก่ทายาทบุคลากรด่านหน้าทุกหน่วยงาน รวมถึงประชาชน ที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือได้รับบาดเจ็บจากกรณีชายแดนไทย – กัมพูชา ให้ได้รับการพิจารณาเข้าศึกษาในสถาบันพระบรมราชชนก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจนจบการศึกษาเป็นกรณีพิเศษ ใน 9 สาขา ภายใต้โครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพ (9 หมอ)
รวมทั้งให้ทำงานที่ รพ.สต. ตามภูมิลำเนา โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด สำรวจและส่งรายชื่อมายังกองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 นี้







