ไทยเร่งสปีดปักธง‘5ฮับสุขภาพโลก’ ดึงต่างชาติลงทุนอุปกรณ์การแพทย์

ไทยเร่งสปีด “เมดิคัล&เวลเนส” ปี 77 ปักธง “5 ฮับสุขภาพโลก” ส่งเสริมครบวงจร ดึงต่างชาติลงทุนผลิตอุปกรณ์การแพทย์ ลุย “Up-Selling” บริการ พร้อมเจาะตลาดใหม่เพิ่ม ชี้กลุ่มน่าสนใจ “เอเชียใต้-จีนHNWI-ยุโรป-เอ็กซ์แพต”
ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) พ.ศ.2568-2577 มีเป้าหมายประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของโลก 5 ฮับ ภายในปี 2577
การจะบรรลุเป้าหมายไม่เพียงส่งเสริมบริการทางการแพทย์และเวลเนสเท่านั้น จะต้องดำเนินการพร้อมกับการมองหาตลาดใหม่ๆของกลุ่มต่างชาติที่จะเข้ามารับบริการในประเทศไทยขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมจากเดิมที่มีกลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) และ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) เป็นสำคัญ
จากการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) หรือบอร์ดเวลเนสและเมดิคัลฮับครั้งล่าสุดเห็นชอบแผนแนวทางการดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ปี 2568-2577
ทั้งนี้ ในปี 2577 มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของโลกใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.ศูนย์กลางบริการรักษาพยาบาล (Medical Service Hub) จะส่งเสริมธุรกิจบริการด้านบริการสุขภาพและเวชศาสตร์ความงาม,การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF),แปลงเพศ และทันตกรรมสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย
2.ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub)
3.ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ (Product Hub)
4.ศูนย์กลางบริการวิชาการ (Academic Hub)
5.ศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการด้านการแพทย์ และสุขภาพ (Health Convention and Exhibition Hub)
Up-Selling พร้อมเจาะตลาดใหม่
นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”ว่า การขับเคลื่อนและขยายเศรษฐกิจทางการแพทย์ (Medical Economy) ต้องครอบคลุมและกว้างขวางมากกว่าเพียงแค่การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism)
แต่จะต้องครบวงจรเชื่อมโยงทั้งการลงทุนและบริการการแพทย์และเวลเนส โดยในเรื่องการลงทุน โดยเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อเพิ่มอัตราการใช้เครื่องมือและบริการทางการแพทย์ด้วยการดึงชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการให้มากขึ้น
“ต้องมีการเชิญชวนบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเข้ามาร่วมมือตั้งโรงงาน หรือตั้งศูนย์ในประเทศไทย อาจเป็นการร่วมทุน หรือมาลงทุนเองก็ได้เป็นการสร้างเศรษฐกิจใหม่ ๆ ในประเทศ ขณะที่รัฐบาลเสนอสิทธิประโยชน์ล่วงหน้าเหมือนโครงการ EEC ซึ่งขอให้กลุ่มนักลงทุนรวมกลุ่มกันและระบุมาว่ารัฐบาลจะสามารถสนับสนุนและส่งเสริมเรื่องใดเพิ่มเติม” นายพัฒนากล่าว
ส่วนการให้บริการทางการแพทย์และเวลเนส สธ.สามารถร่วมกับภาคเอกชนทลายขีดจำกัดหลายอย่าง เช่น Up-Selling ยกระดับการขายนอกจากการมารักษาเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องทำให้ใช้จ่ายในเรื่องอื่นหรือไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ ร่วมด้วย
ขณะที่การหาตลาดต่างชาติใหม่ๆที่น่าสนใจ และชวนภาคเอกชนไปบุกตลาดด้วยกัน เพื่อเร่งสปีดเศรษฐกิจสุขภาพ อันดับแรกมองเอเชียใต้อาทิ ศรีลังกา ปากีสถาน บังกลาเทศ มัลดีฟส์
“ประเทศเหล่านี้มีระยะในการใช้เวลาบินประมาณ 3-3.5 ชั่วโมง มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และประเทศเหล่านี้มีประชากรรวมกันประมาณ 300-400 ล้านคน ประมาณการกลุ่มที่มีกำลังซื้อสัก 10% ก็จะอยู่ประมาณ 40 ล้านคน” นายพัฒนากล่าว
BH รุกจีนกำลังซื้อสูง
นภัส เปาโรหิตย์ Chief Marketing Officer โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าเดิมของบำรุงราษฎร์มีความสำคัญโดยปัจจุบันเป็นคนไทย 40% และชาวต่างชาติ 60% แต่ก็จะต้องมีการขยายเพิ่มมากขึ้น เป็นการกระจายพอร์ตโฟลิโอ โดยจีนที่มีกำลังซื้อสูง (High Net Worth Individuals - HNWI) เป็นกลุ่มที่บำรุงราษฎร์จะขยายตลาดเพื่อให้เข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น
ทั้งส่วนของ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้านการรักษาพยาบาล และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อัตราการเข้ารับบริการยังต่ำหากเทียบกับกลุ่มลูกค้าจากอ่าวอาหรับ อีกทั้ง จีนกลุ่ม HNWI มีการเติบโตของการลงทุนและย้ายถิ่นฐานสู่ประเทศไทย เป็นกลุ่มที่มองหาการลงทุนในสุขภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเป้าหมายสูงสุดต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี (Longevity & Healthspan)
เกษมราษฎร์คว้ามัลดีฟส์
ส่วนเครือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้รวม 1.2 หมื่นล้านบาท และคาดหวังการเติบโต 10-12% ทุกปี มาจากกลุ่มผู้เข้ารับบริการที่จ่ายเงินสด 60-70% กลุ่มประกันสังคม 30-40% และชาวต่างชาติ 5-7%
สำหรับสิ่งที่หายไปคือผู้ป่วยจากคูเวตที่หายไปจากไทยเกือบหมด ขณะที่ผู้ป่วยจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โตขึ้น นอกจากนี้ยังได้มัลดีฟส์เป็นตลาดใหม่ส่วนในปี 2569 ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ราว 1.3 หมื่นล้านบาท
นายกันตพร หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH กล่าวว่า โรงพยาบาลในเครือมีฐานลูกค้าต่างชาติที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษจากประเทศเมียนมาและลาว รวมถึงกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งมีการใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ดีและต่อเนื่อง คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์และโอมาน
ส่วนคูเวตที่รัฐบาลคูเวตมีการเปลี่ยนนโยบายเบิกจ่ายสวัสดิการล่าสุดได้มีการเชิญโรงพยาบาลในไทยรวมถึง โรงพยาบาลเวิลด์ เมดิคอล ในเครือ BCH ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้านราคาและคุณภาพเข้าร่วมนำเสนอข้อมูล และในเดือน ธ.ค.นี้ คณะทำงานจากคูเวตจะเดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลก่อนสรุปและทำข้อตกลงการส่งต่อคนไข้ในรูปแบบดีลตรงกับรัฐบาลคูเวต คาดกลุ่มคนไข้จะกลับมาในอนาคต
ยุโรปมีประกัน-เอ็กซ์แพตมีสวัสดิการ
นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ให้มุมมองว่า การส่งเสริมเรื่องบริการเมดิคัลและเวลเนส รัฐควรจะต้องหาแนวทางเจรจา ในการดึงผู้ป่วยจากกลุ่มสหภาพยุโรปบินเข้ามารับการรักษาในประเทศไทย โดยเบิกสวัสดิการหรือประกันสุขภาพที่ซื้อในประเทศต้นทางได้ ซึ่งปัจจุบันประกันสุขภาพที่ซื้อไว้ในประเทศของเขาจะไม่จ่าย ถ้าไม่ได้ซื้อประกันชนิดข้ามประเทศ
นอกจากนี้ หากรัฐสามารถเจรจาให้คนญี่ปุ่นเบิกค่ารักษาที่เป็นสวัสดิการเมื่อเกษียณอายุของประเทศเขาได้กรณีที่รักษาพยาบาลในไทยจะทำให้เพิ่มกลุ่มต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทยระยะยาว หรือ กลุ่มเอ็กซ์แพต (Expat) มากขึ้น







