'ไซยาไนด์' ไร้สี ไร้กลิ่น รับยาต้านพิษทันเวลา ช่วยชีวิตได้

‘ไซยาไนด์’ ไร้สี ไร้กลิ่น คนสัมผัสได้ 3 ช่องทาง เฉพาะบางคนเท่านั้นที่อาจรับรู้กลิ่น ส่วนรสชาติขม หากได้รับในปริมาณมากจะมีความรู้สึกแสบหรือเผาไหม้ ถ้าได้ยาต้านพิษไซยาไนด์ ทันเวลา ช่วยชีวิตได้
KEY
POINTS
- ไซยาไนด์เป็นสารพิษร้ายแรงที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น (บางคนอาจได้กลิ่นคล้ายอัลมอนด์) ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์ ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ได้รับพิษจากไซยาไนด์สามารถรอดชีวิตได้ หากได้รับยาต้านพิษอย่างทันท่วงทีภายใต้การดูแลของแพทย์
- ประเทศไทยมียาต้านพิษไซยาไนด์ 2 ชนิด คือ โซเดียมไทโอซัลเฟต และโซเดียมไนไตรท์ ซึ่งมีสำรองไว้ในโรงพยาบาลระดับจังหวัดทั่วประเทศ
กระบวนการและขั้นตอน การพิสูจน์ศพ เมื่อพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจะแจ้งแพทย์ไปร่วมตรวจสอบด้วย โดยอำนาจในการตัดสินใจ ผ่าพิสูจน์ศพ เป็นของพนักงานสอบสวน ในฐานะหัวหน้าทีมชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะให้มีการผ่าพิสูจน์เมื่อแพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนได้และเป็น การตายที่ผิดธรรมชาติ 5 ลักษณะ ได้แก่ การฆ่าตัวตาย, ถูกผู้อื่นทำให้ตาย, สัตว์ทำร้าย, ตายโดยอุบัติเหตุ และตายโดยไม่ปรากฏเหตุ
จากเหตุ “แอม ไซยาไนด์” ปรับแนวทางชันสูตร
ย้อนไปเมื่อช่วงปี 2566 กรณีเกิดเหตุ “แอม ไซยาไนด์” กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการปรับแนวทางในการชันสูตรพลิกศพ โดยให้แพทย์ทำการผ่าชันสูตรทุกศพที่ไม่สามารถระบุถึงการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ และไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความชัดเจนและนำไปสู่การป้องกันเหตุ หรือสืบหาต้นตอของการเสียชีวิตได้
การตรวจหาสารไซยาไนด์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ สามารถตรวจวิเคราะห์ยืนยันไซยาไนด์ในตัวอย่างน้ำล้างกระเพาะ อาหาร วัตถุต้องสงสัย ได้ในระยะเวลา 5-7 วันทำการ ส่วนการหาปริมาณไซยาไนด์ในตัวอย่างเลือด ใช้ระยะเวลา 22-30 วันทำการ และการหาปริมาณเมตาบอไลด์ในตัวอย่างปัสสาวะ ใช้ระยะเวลา 5-10 วันทำการ
สารพิษ ‘ไซยาไนด์’
'สารพิษไซยาไนด์' เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูงมาก เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะไปยับยั้งขบวนการทำงานของเซลล์ ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตตก รวมถึง เกิดภาวะสมองขาดออกซิเจน ส่งผลทำให้ชักหรือหมดสติ และมีการหายใจช้าถึงหยุดหายใจ พบได้ 2 รูปแบบ คือ
- ลักษณะของแข็ง เรียกว่า เกลือไซยาไนด์ เป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือ โพแตสเซียมไซยาไนด์
- ลักษณะของก๊าซ เรียกว่า ไฮโดรเจนไซยาไนด์
อย่างไรก็ตาม ไซยาไนด์ยังพบได้ตามธรรมชาติในพืชบางชนิด เช่น มันสำปะหลัง สบู่ดำ หน่อไม้ ถั่วลิมา อัลมอนด์ชนิดขม โดยอยู่ในรูปไซยาโนไกลโคไซด์ต่างๆกัน หากรับประทานในปริมาณมากๆอาจเกิดการสะสมเป็นพิษได้ โดยเฉพาะหน่อไม้หมักดอง และมันสำปะหลัง จึงควรต้องทำความสะอาดและทำให้สุกก่อนรับประทาน
3 ช่องทางไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกาย
ไซยาไนด์ เป็น สารที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น เฉพาะบางคนเท่านั้นที่อาจรับรู้กลิ่นไซยาไนด์ได้ ซึ่งจะมีกลิ่นคล้ายกับอัลมอนด์ กลิ่นนี้บางคนบอกว่าคล้ายกับกลิ่นของเมล็ดพืชหรือเมล็ดผลไม้ที่มีความขม เช่น เมล็ดแอปเปิ้ลหรือเมล็ดลูกพีช
ส่วนโพแทสเซียมไซยาไนด์มีรสชาติที่ขม หากได้รับในปริมาณมากจะมีความรู้สึกแสบหรือเผาไหม้ในปากคล้ายกับการสัมผัสกับสารด่างซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึง 3 ทางที่ร่างกายจะรับสัมผัสไซยาไนด์ คือ
1.ทางลมหายใจ แก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์จะเกิดการแลกเปลี่ยนแก๊สที่ปอด เข้าสู่กระแสเลือดความรุนแรงของพิษขึ้นอยู่กับความเข้มขันของไซยาไนด์และระยะเวลาสูดดม
2. ทางผิวสัมผัส สารละลายไซยาไนด์มีสภาพเป็นเบสสูง มีฤทธิ์กัดกร่อน ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณที่มีบาดแผล ทำให้เกิดผื่นตามผิวหนัง ไอของแก๊สไฮโดรเจนไซยาไนด์จะทำลายเรตินาประสาทตา ทำให้ตาบอด
3.ทางปาก ไชยาไนด์จะถูกดูดซึมเข้าสู่ผนังชั้นในของกระพาะอาหารและกรดในกระเพาะอาหารทำให้เกิดการแตกตัวของสารประกอบไซยาไนด์มากขึ้น
กลไกการเกิดพิษของไซยาไนด์
ผู้ใหญ่โดยทั่วไปมักเสียชีวิตหากได้รับไซยาไนด์ทางปากในปริมาณ 200-300 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบได้กับปริมาณของเกลือประมาณครึ่งถึงหนึ่งในสี่ของช้อนชา
ไซยาไนด์จะยับยั้งขบวนการหายใจระดับเซลล์ส่งผลให้เกิดสภาวะขาดออกซิเจน มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ความฉันโลหิตตก สมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้ผู้ป่วยซักหรือหมดสติ ความดันโลหิตต่ำ และมีการหายใจช้าจนถึงหยุดหายใจ
หากได้รับไซยาไนด์ทางปากในขนาดสูงมักเสียชีวิตในเวลาเป็นนาที แต่หากได้รับในปริมาณต่ำอาจใช้เวลานานขึ้นเป็นหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง ซึ่งมีโอกาสได้รับยาต้านพิษและช่วยชีวิตได้ทัน
ส่วนบุคคลอาจได้รับไซยาไนด์ในขนาดต่ำโดยไม่ตั้งใจ เช่น จากอาหารบางชนิดซึ่งมีไซยาไนด์เป็นส่วนประกอบ อาจมีอาการดังต่อไปนี้คือ เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หัวใจอาจเต้นช้าลงหรือเร็วขึ้น หายใจลำบาก การหายใจอาจช้าลงหรือเร็วขึ้น อาจหายใจมีเสียงหวีด สับสน เวียนศีรษะ กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ ปวดตา น้ำตาไหล คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง
ยาต้านพิษไซยาไนด์
หากไม่ได้รับการรักษาก็จะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าได้ ยาต้านพิษไซยาไนด์ ได้ทันเวลา สามารถช่วยชีวิตได้ โดยในประเทศไทยมียาต้านพิษไซยาไนด์ในโครงการยาต้านพิษ คือ
1. ยาฉีดโซเดียมไทโอซัลเฟต (Sodium thiosulfate)
ออกฤทธิ์โดยให้ sulfur group แก่ cyanide เพื่อเปลี่ยน cyanide ให้เป็น thiocyanate แล้วถูกขับออกทางไต เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัย ใช้ร่วมกับ sodium nitrite ในผู้ป่วยที่เกิดภาวะเป็นพิษจากไซยาไนด์
อาการไม่พึงประสงค์ : แสบร้อนบริเวณที่ฉีด
ขนาดและวิธีใช้ : ผู้ใหญ่ 12.5 g (50 ml ของสารละลาย 25%) ฉีดเข้าเส้นเลือดดำช้า
2. ยาฉีดโซเดียมไนไตรท์ (Sodium nitrite)
Sodium nitrite เป็นสารออกซิไดซ์ ออกฤทธิ์โดยออกซิไดซ์ ferrous ion ใน hemoglobin ให้เป็น ferric ion ทำให้ hemoglobin เป็น methemoglobin ซึ่งจะจับกับ cyanide ได้ดี ใช้ร่วมกับ sodium thiosulfate ในการรักษาภาวะพิษเฉียบพลันของไซยาไนด์ ยกเว้นภาวะพิษเฉียบพลันของไซยาไนด์ที่เกิดจากการสูดดมควันพิษจากการเผาไหม้
อาการไม่พึงประสงค์
1.ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก
2.เกิดความดันโลหิตต่ำเมื่อฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำอย่างเร็ว
3.เกิด methemoglobin มากเกินไป ซึ่งอันตรายมากอาจถึงแก่ชีวิตได้
ขนาดและวิธีใช้ : ผู้ใหญ่ 300 mg. (10 ml ของ 3% สารละลาย) ฉีดเข้าเส้นเลือดำ ฉีดภายในเวลามากกว่า 3-5 นาที
โซเดียมไทโอซัลเฟตและ โซเดียมไนไตรท์ เป็นตัวยาในโครงการยาต้านพิษของประเทศไทย โดยจัดให้มีสำรองที่โรงพยาบาลระดับจังหวัดขึ้นไปทุกแห่งทั่วประเทศไทย โดยการจะต้านพิษไซยาไนด์ได้ ต้องได้รับยาถอนพิษอย่างทันท่วงทีภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
อ้างอิง : กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์,คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)







