‘ผักสดยอดนิยม’ ผลสุ่มตรวจเจอปนเปื้อน ‘พยาธิ’ หลายชนิด

‘ผักสดยอดนิยม’ ผลสุ่มตรวจเจอปนเปื้อน ‘พยาธิ’ หลายชนิด

2 ผลการศึกษายืนยันสุ่มตรวจ ผักสดยอดนิยม พบหลายชนิดปนเปื้อนพยาธิ  “โหระพา”เจอ 100 % ส่วนผักสด 5 เขตในกรุงเทพฯ ภาพรวมมีถึง 77% แนะวิธีจัดการก่อนกินให้ปลอดภัย

KEY

POINTS

  • ผลการศึกษาในตลาดท้องถิ่นและกรุงเทพฯ จากการสุ่มตรวจพบการปนเปื้อนของพยาธิในผักสดยอดนิยมหลายชนิด โดยเฉพาะใบโหระพาที่พบการปนเปื้อน 100% ตามด้วยผักชีและสะระแหน่
  • ผลสำรวจใน 5 เขตของกรุงเทพฯ พบอัตราการปนเปื้อนพยาธิในผักสดโดยรวมสูงถึง 77% จึงควรล้างผักให้สะอาดก่อนบริโภคทุกครั้ง
  • พยาธิที่ตรวจพบมีหลากหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือนฝอย พยาธิไส้เดือนกลม และพยาธิตัวตืด

จากการศึกษาเรื่อง “การสํารวจการปนเปื้อนปรสิตในลําไส้ ในผักสดในเขตกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย” ของอุทัยทิพย์ บุญเกษม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชและคณะ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่ 66 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม  - กันยายน 2567 การศึกษานี้เป็นการศึกษาความชุกของ"ปรสิตในลําไส้ในผักสด" และเพื่อเปรียบเทียบความชุกของเชื้อปรสิตในลําไส้ ในผักสดจากตลาดท้องถิ่นและตลาดเมืองในกรุงเทพมหานคร สํารวจช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ทําการสุ่มเก็บตัวอย่างผักสด จํานวน 15 ชนิด ทั้งหมด 300 ตัวอย่าง ตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการตกตะกอน

ผลความชุกของการปนเปื้อนของ ปรสิตในลําไส้ในผักสด ผลการศึกษา พบว่า ตลาดท้องถิ่นและตลาดเมืองในเขตกรุงเทพมหานคร มีการปนเปื้อนเชื้อปรสิตในลําไส้ในผักสด  33.3 %  โดยตลาดเมืองพบความชุกการปนเปื้อนเชื้อปรสิตในลําไส้ในผักสด  28 % สjวนตลาดท้องถิ่นพบความชุกการปนเปื้อนเชื้อปรสิตในลําไส้ในผักสด  38.7 % ซึ่งสูงกว่าตลาดเมือง

โหระพาเจอพยาธิปนเปื้อน 100 %

ชนิดผักสดที่พบความชุกการปนเปื้อนมากที่สุด ได้แก่

  •  ใบโหระพา 100 %  
  •  ผักชี 60 %
  • สะระแหน่ 60 %
  •  มะเขือเทศ 50 %
  • ใบบัวบก 50 %
  • ผักกาดขาว 45 %
  •  ผักสลัด  35  %
  • ผักชีฝรั่ง 35 %
  • ผักชีล้อม 25 %
  • ถั่วฝักยาว  15  
  • กะหล่ำปลี 10 %
  • ผักบุ้ง 10 %
  • และคะน้า 5 %

 ส่วนแตงกวาและ ผักกาดแก้วไม่พบการปนเปื้อนเชื้อปรสิตในลําไส้  

จากการตรวจหาการปนเปื้อนของปรสิตในลําไส้ในผักสด จํานวน 15 ชนิด พบชนิดของปรสิตในลําไส้ทั้งกลุ่มหนอนพยาธิและกลุ่มโปรโตซัว จํานวน 8 ชนิด ดังนี้ กลุ่มหนอนพยาธิ ได้แก่

  • พยาธิปากขอ (Hookworm) 17.3 %
  • พยาธิไส้เดือนฝอย (Strongyloides  stercoralis)  11.7 %
  • พยาธิไส้เดือนกลม (Ascaris lumbricoides)  3.7 %
  • พยาธิตัวตืด (Taenia spp.) 3.3 %
  • พยาธิแส้ (Trichuris trichiura)  2.3 %
  • และพยาธิเส้นด้าย (Enterobius  vermicularis)   0.3 %
  • กลุ่มโปรโตซัว ได้แก่ (Blastocystis hominis)  4.7 % และ Entamoeba coli  0.7 %

5 เขต อัตราปนเปื้อนพยาธิ 77 %

สอดคล้องกับที่ เพจเฟซบุ๊กชื่อ “Parasite stories เล่าเรื่องปรสิต” เปิดเผยผลการศึกษา เรื่อง Widespread Soil-Transmitted Parasitic Contamination in Raw Vegetables at Fresh Markets in the Inner Zone of Bangkok: Findings from a Cross-Sectional Study ของคณาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตีพิมพ์ ในวารสาร Am J Trop Med เมื่อ 8 มิ.ย.2568
ระบุว่า  การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง เพื่อประเมินอัตราการปนเปื้อนของ พยาธิในผักสด จากเขตชั้นในของกรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นใน 5 เขต ได้แก่ ห้วยขวาง คลองเตย ปทุมวัน จตุจักร และ พระนคร ด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่างผักจำนวน 200 ตัวอย่าง จากผัก 8 ชนิด มาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการตกตะกอนร่วมกับการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์

ผลการศึกษา พบว่า ผักสดมีอัตราการปนเปื้อนของพยาธิโดยรวมอยู่ที่ 77% เจอ 154 จาก 200 ตัวอย่าง เขตห้วยขวางและจตุจักรมีอัตราการปนเปื้อนสูงสุดที่ 90%

พยาธิ ที่ตรวจพบ ได้แก่ ตัวอ่อนของพยาธิไส้เดือนฝอย (Strongyloides stercoralis) 57% , ไข่พยาธิปากขอ 20%, ไข่พยาธิไส้เดือนกลม(Ascaris lumbricoides) 16%, ไข่พยาธิแส้ม้า (Trichuris trichiura) 12%, ไข่พยาธิไส้เดือน (Toxocara spp.) 10% และชนิดอื่นๆ

นอกจากนี้ พบว่า ผักกาดขาวจีนมีการปนเปื้อนของไข่พยาธิปากขอ และไข่พยาธิแส้ม้าอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าผักชนิดอื่น แม้จะพบการปนเปื้อนของ พยาธิไส้เดือนฝอย ในระดับต่ำกว่า

อันตรายจากพยาธิ

พยาธิตัวตืด ทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระบ่อย หรือน้ำหนักลดได้ นอกจากนี้การกินผักสดที่ล้างไม่สะอาดและมีไข่พยาธิตืดหมูปนเปื้อน ตัวอ่อนของพยาธิที่ฟักออกจากไข่จะเป็นซีสต์เข้าไปอยู่ตามกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ตา และสมอง

ส่วนอันตรายที่เกิดจากพยาธิตัวตืดระยะตัวเต็มวัย ได้แก่ การขาดสารอาหารเนื่องจากพยาธิแย่งอาหาร เกิดลำไส้อุดตัน พยาธิไชทะลุลำไส้ทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ถ้ามีตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดหมูอยู่ในกล้ามเนื้อ จะทำให้ปวดเมื่อย พยาธิตัวอ่อนที่เข้าไปในตาหรือสมอง ทำให้ตาบอด หรือเกิดอาการทางสมอง เช่น ปวดศีรษะ ชัก เป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้

พยาธิไส้เดือน ไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกายได้ ตัวอ่อนของพยาธิจะออกจากไข่ที่ลำไส้เล็กแล้วไชเข้าสู่กระแสเลือด  ผ่านตับ หัวใจ ปอด หลอดลม แล้วจะไปเจริญเป็นตัวเต็มวัยอาศัยในลำไส้เล็กและแย่งอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้องบ่อยๆ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นลมพิษ ร่างกายซูบผอม พุงโร เด็กที่เป็นโรคนี้จะเจริญเติบโตช้า และเบื่อหน่ายการเรียน

พยาธิแส้ม้า ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดิน อุจจาระเป็นมูกเลือด อันตรายที่เกิดจากพยาธิแส้ม้า ทำให้เกิดลำไส้อักเสบเป็นแผล อาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบหรือทำให้ลำไส้ส่วนปลายโผล่ออกมาทางทวารหนัก

พยาธิปากขอ ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิในลำไส้ ซึ่งดูดกินโลหิตจากผนังลำไส้ของมนุษย์เป็นอาหาร ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง ซูบซีด อ่อนเพลีย ง่วงเหงาหาวนอน เหนื่อยง่าย

สมองมึนงงและเป็นลมบ่อยๆ ร่างกายไม่แข็งแรง ในผู้ป่วยที่เป็นเด็กจะทำให้เจริญเติบโตช้า อาการที่พบโดยทั่วไปคือ อ่อนเพลียปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ หิวอาหารบ่อย หากมีอาการโลหิตจางมากอาจมีบวมน้ำทั่วร่างกายและหัวใจวายได้

สำหรับอันตรายที่เกิดจากตัวอ่อนที่ไชเข้าสู่ร่างกายคือ ทำให้คันตามง่ามมือ ง่ามเท้า  เกิดตุ่มใส ๆ มีน้ำเหลืองภายใน ตุ่มอาจจะแตกออกกลายเป็นฝีหนองหรือแผลเรื้อรังได้

3 วิธีล้างผักให้สะอาดก่อนกิน

ฉะนั้นแล้วผู้บริโภคควรล้างผักให้สะอาดและถูกวิธีก่อนรับประทาน ขณะที่ผู้ขายควรสวมถุงมือเพื่อป้องกันการสัมผัสกับพยาธิที่สามารถเจาะผ่านผิวหนังได้ เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ร่างกาย 

การล้างผักและผลไม้ให้สะอาด จะช่วยลดการปนเปื้อนของพยาธิ สารพิษ รวมถึงเชื้อโรค วิธีล้างผักและผลไม้ลดอันตรายปะปนในอาหาร 3 วิธี

1. ล้างน้ำไหลผ่าน เริ่มจากแช่ผักในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่านแรงพอประมาณ และคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาที

2. ล้างด้วยน้ำส้มสายชู แช่ผักและผลไม้ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5 % ในอัตราส่วนน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร นาน 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 3. ล้างด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต ผสมเบกกิ้งโซดาในอัตราส่วนครึ่งช้อนโต๊ะต่อน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด 2 รอบ

อ้างอิง :

he02.tci-thaijo.org/index.php/dmsc/article/view/269910/184782

pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/40628237/

ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นคราชสีมา

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)