‘5 โรค’ ยอดผู้ป่วยพุ่งในรอบ 1 เดือน ‘ไข้หูดับ’ อัตราป่วยตายสูงสุด

กรมควบคุมโรค เผย 5 โรคที่ยอดผู้ป่วยสูงขึ้นในรอบ 1 เดือน 'ไข้หวัดใหญ่'มากที่สุด ส่วนใหญ่สายพันธุ์ A/H3N2 ขณะที่ ‘ไข้หูดับ’ อัตราป่วยตายสูงสุด 5.26%
เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2568 ที่กรมควบคุมโรค(คร.) พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงข่าว “พฤศจิกายนี้สุขภาพดี แข็งแรงทุกวัย ใส่ใจสุขภาพ” ว่า ในรอบ1 เดือนที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 19 ต.ค.-15 พ.ย.2568 พบ 5 โรคที่มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น คือ
1.ไข้หวัดใหญ่ มียอดผู้ป่วยจำนวน 161,940 ราย โดยผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึง 14 พ.ย. 2568 จำนวน 940,869 ราย มีผู้เสียชีวิต 100 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตรป่วยต่อประชากรแสนคนมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี แต่ผู้เสียชีวิตมากสุดยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61 ปี อัตราป่วยตายอยู่ที่ 0.011 % อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ต้องรับไว้รักษาในรพ. หรือผู้ป่วยใน(IPD) จำนวน 123,252 ราย คิดเป็น 13.10%
ใน 1 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยสูงขึ้นในเดือนต.ค. คือ 208,443 ราย แต่ในเดือนพ.ย.แม้จะมีแนวโน้มผู้ป่วยลดลง แต่ยังคงพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในเรือนจำ สถานศึกษาและศูนย์ฝึกอบรมฯ สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด คือ A/H3N2 พบถึง 76% รองลงมา คือ A/H1N1 และสายพันธุ์ B
สำหรับข้อมูลผู้เสียชีวิต 100 ราย พบว่า อายุระหว่าง 1-95 ปี ซึ่งคิดเป็นค่ามัธยฐาน 61 ปี โดยพบผู้เสียชีวิต 57% มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น และ 94% ไม่มีประวัติได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องย้ำเรื่องวัคซีน
อุจจาระร่วงป่วยสะสมกว่า 7 แสน
2.อุจจาระร่วง มีผู้ป่วย 62,157 ราย ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 14 พ.ย. มีผู้ป่วยสะสม 735,188 ราย เสียชีวิต 9 ราย กลุ่มอายุพบ 3 อันดับแรก คือ อายุ 0-4 ปี รองลงมา 20-29 ปี และ 5-9 ปี ตามลำดับ ปี 2568 แนวโน้มผู้ป่วยค่อนข้างคงที่ พบใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 2568 ได้รับรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนถึง 92 เหตุการณ์ รวมจำนวนผู้ป่วย 7,674 ราย
สถานที่ที่พบระบาดสูงสุด คือ โรงเรียน 60 เหตุการณ์ รองลงมา คือ ที่พัก เรือนจำ สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา งานศพ โรงแรม ค่ายทหาร/ลูกเสือ โรงงาน/สถานที่ทำงาน และสถานสงเคราะห์ ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน ค่ายลี้ภัย งานเลี้ยงสังสรรค์ โรงพยาบาล งานจัดอบรม แห่งละ 1 เหตุการณ์
ผู้เสียชีวิต 9 ราย ค่าเฉลี่ยอายุ 46 ปี โดยส่วนใหญ่พบมีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญของการป้องกันคือ ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ต้องกินอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่กินอาหารดิบ หรือสุกๆดิบๆ อาหารปรุงสุกที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงต้องอุ่นให้ร้อนก่อนกินทุกครั้ง การเลืองน้ำ น้ำแข็งต้องสะอาด หรือมีเครื่องหมายอย. และต้องมีสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือด้วยสบูและน้ำให้สะอาดทุกครังก่อนหยิบจับอาการ
3.ปอดอักเสบ 35,953 ราย พบป่วยตั้งแต่ต้นปีป่วยสะสม 397,147 ราย อายุเฉลี่ยคิดตามค่ามัธยฐานอายุ 52 ปี โดยมีผู้เสียชีวิต 695 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.175 มากกว่าไข้หวัดใหญ่ กลุ่มอายุที่พบป่วยมากที่สุด คือ อายุ 0-4 ปี รองลงมาคือ 60 ปีขึ้นไป และ 5-9 ปี
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ 50-59 ปี และ40-49 ปีตามลำดับ อัตราป่วยตายเพิ่มขึ้นตามกลุ่มอายุที่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยที่ต้องรับไว้ในรพ.อยู่ที่ 123,218 ราย คิดเป็น 31.03%
ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน(พ.ศ.2567) แต่ยังสูงกว่าค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี
ไวรัสอาร์เอสวี-อาหารเป็นพิษ
4.ติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี(RSV) 9,698 ราย ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีตัวเลขสูง แต่ขณะนี้เริ่มลดลง ซึ่งประมาทไม่ได้ เพราะอากาศเย็นลง เชื้อไวรัสจะแพร่ได้มากขึ้น ทั้งนี้ โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 14 พ.ย. พบสะสม 41,995 ราย ผู้เสียชีวิต 8 ราย อายุต่ำสุดคืออายุ 2 เดือน และสูงสุดอายุ 91 ปี อัตราป่วยตาย 0.019 %
กลุ่มอายุที่พบบ่อย คือ เด็กเล็กอายุ 0-4 ปี แต่กลุ่มสูงอายุพบมากเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยที่ต้องรับรักษาในรพ.มีสูงถึง 39.93% หรือจำนวน 16,348 คน สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ แสดงให้เห็นว่า เมื่อป่วยมีโอกาสอาการรุนแรงที่เชื้อลงปอด ต้องนอนรพ.
เชื้อไวรัสRSV พบมากสุดในเด็กเล็ก 0-4 ปีถึงร้อยละ 81.33 แต่ผู้สูงอายุพบได้เช่นกัน โดยผู้เสียชีวิต 8 ราย พบว่า อายุระหว่าง 2 เดือน-91 ปี โดย 6 ราย มีโรคประจำตัว เช่น ปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ สงสัยภาวะกล่องเสียงผิดปกติแต่กำเนิด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นภาวะเสี่ยงคล้ายไข้หวัดใหญ่
มีอีก 2 ราย ไม่มีโรคประจำตัว แต่อายุน้อย คือ อายุ 2 เดือนและ 5 เดือน ดังนั้น คนที่ดูแลเด็กเล็กหากป่วยโรคทางเดินหายใจ ควรป้องกันตัวสวมหน้ากากอนามัย อย่าอยู่ใกล้เด็กเล็ก ทั้งนี้ ช่วงหน้าหนาวต้องระวัง
และ5.อาหารเป็นพิษ พบ 8,375 ราย
ไข้หูดับ อัตราป่วยตายสูงสุด
ส่วนอัตราป่วยและเสียชีวิต ที่พบเป็นอันดับ 1 คือ กลุ่มไข้หูดับ อัตราป่วยตาย 5.26% , เมลิออยโดสิส อัตราป่วยตาย 3.75% ,เลปโตสไปโรสิส 0.94% สครับไทฟัส 0.19% และโรคไข้เลือดออก อัตราป่วยตาย 0.14%
“แนวโน้ม 1 เดือน ไข้หวัดใหญ่ กับอาร์เอสวี เหมือนจะลดลง แต่ก็ยังพบมากเป็นอันดับต้นๆอยู่ดี สิ่งสำคัญการป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจเป็นวิธีที่ดี ไอจาม ปิดปากปิดจมูก สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด และหากป่วยยิ่งต้องสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่คนพลุกพล่านในช่วงที่มีการระบาด หากเลี่ยงไม่ได้ต้องสวมหน้ากากอนามัย และหากในครอบครัวมีผู้สูงอายุ มีเด็กเล็ก หากเราป่วยควรป้องกันตัวด้วย”
แนะนำ 7 กลุ่มเสี่ยงควรไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกๆปี เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ได้แก่ 1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป ฉีดวัคซีนฟรีได้ตลอดทั้งปี
2. เด็กอายุ 6 เดือน ซึ่งเดิมถึง 2 ปี แต่ปีหน้าจะขยายจนถึง 5 ปี
3.ผู้มีโรคประจำตัว เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัรง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เป็นต้น 4.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ
และ7.ผู้ที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (สามารถรับวัคซีนฟรีในช่วงรณรงค์เดือนพ.ค.-ส.ค.ของทุกปี ยกเว้นหญิงตั้งครรภ์ตามข้อกำหนดรับได้ตลอดทั้งปี)
นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนป้องกันปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนีย วัคซีนRSV สำหรับผู้ใหญ่ ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV สำหรับเด็กเล็กกว่า 2 ปี วัคซีนโควิด19 ป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่รุนแรงในผู้ใหญ่ กลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม







