เครือข่ายฯ ลั่นยัง 'ห้ามขายเหล้าเบียร์’ ผ่านตู้อัตโนมัติ อัดพวกฉวยโอกาสช่องว่างกม.

เครือข่ายฯ ลั่นยัง 'ห้ามขายเหล้าเบียร์’ ผ่านตู้อัตโนมัติ อัดพวกฉวยโอกาสช่องว่างกม.

เครือข่ายองค์กรงดเหล้า หอบหลักฐานผู้ประกอบการฝ่าฝืนกฎหมายคุมน้ำเมา ลักลอบขายผ่านตู้อัตโนมัติ พบใน 3 จังหวัด อัดฉวยโอกาสช่องว่างกฎหมาย ลั่นยังไม่มีประกาศออกมารองรับ ถือเป็นความผิด   

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายชูวิทย์  จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์และภาคีเครือข่ายกว่า 40 คน  นำหลักฐานการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยตู้อัตโนมัติ  เข้าร้องเรียนต่อ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข  โดยมี น.ส.จิตศ์ตราฎ์ หมีทองธนกรณ์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข และ นพ. นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นผู้รับมอบ

น.ส.จิตศ์ตราฎ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรค ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบในจุดที่ได้รับการร้องเรียนทันที

นายชูวิทย์  กล่าวว่า เครือข่ายได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิก  พบว่า มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยตู้อัตโนมัติ ทั้งที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของผู้ซื้อและยังไม่มีประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขใดๆของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ตามความแห่งพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568  มาตรา 30(1) ดังนั้น การขายในลักษณะดังกล่าวจึงมีความผิดสำเร็จชัดเจน 

ในขณะเดียวผู้ประกอบการ ธุรกิจร้านเหล้าผับบาร์ ออกมาให้ข่าว เรื่องการยกเลิกเวลาห้ามขาย  ซึ่งสร้างความสับสน สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนอย่างมาก  ทั้งที่ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ยังคงมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดช่วงเวลาขาย 11.00-14.00 น.และ 17.00-24.00 น. บังคับใช้อยู่  แม้พ.ร.บ.ฉบับใหม่ได้ยกเลิก ประกาศคณะปฏิวัติที่ 253 เรื่องเวลาขายแล้วก็จริง  แต่ประกาศสำนักนายกฯฉบับเดิมยังคงอยู่  เป็นการให้ข้อมูลผิดๆจากฝั่งธุรกิจ  จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง 

ด้านนายธีระ  วัชรปราณี  ผอ.เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า เครือข่ายฯมีข้อเสนอต่อ สธ. ขอให้ตรวจสอบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางตู้อัตโนมัติ ที่พบว่าเป็นการฝ่าฝืน  พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558  มาตรา 30 (1) กำหนดให้การจำหน่ายดังกล่าวต้องยืนยันตัวตนผู้ซื้อได้และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประกาศกำหนด  ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีประกาศดังกล่าวออกมา  การขายโดยตู้อัตโนมัติจึงยังทำไม่ได้  ผู้ที่ฝ่าฝืนจึงมีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามกฎหมายเก่า

“หลังวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งกฎหมายใหม่บังคับใช้ หากฝ่าฝืนโทษจะเพิ่มขึ้น เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  จึงจำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการที่ฉวยโอกาส  และยังต้องตรวจสอบไปอีกด้วยว่ามีการขายฝ่าฝืนมาตราอื่นๆหรือไม่ เช่น ขายให้เด็ก ขายให้คนเมา  ขายนอกเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเพิ่มฐานความผิดตามมาด้วย”นายธีระกล่าว   

นายธีระ กล่าวอีกว่า  ผู้ประกอบการอยากได้ประโยชน์จากช่องว่างในระหว่างการแก้ไขประกาศ ก็พูดมาก่อน โดยผู้ประกอบการมีหลายกลุ่ม ได้แก่ ผู้ขาย เจ้าของตู้อัตโนมัติ ผู้เช่าตู้อัตโนมัติ ซึ่งพบในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี ชลบุรี และภูเก็ต โดยตั้งในสถานที่คือ ร้านอาหาร โรงแรม และจากการตรวจสอบแล้ว ตู้ที่พบดังกล่าวยังไม่มีระบบการยืนยันตัวตน  โดยเดิมเป็นตู้อัตโนมัติที่ตั้งขายน้ำเปล่า น้ำอัดลม

ทั้งนี้ ตู้อัตโนมัติที่พบข้างตู้มีการติดโลโก้ยี่ห้อของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปรากฏชัดเจน ส่วนภายในจะมีชั้นวางขนม ของขบเคี้ยว  และมีชั้นหนึ่งวางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากการตรวจสอบ เจ้าของตู้อาจไม่รู้เรื่อง เพราะคนที่ใส่สินค้าอาจเป็นคนเช่าตู้มา

“ตอนที่มีการพิจารณากฎหมาย ได้เขียนข้อสังเกตไว้ว่า เจ้าของตู้ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะต้องตรวจสอบสินค้าด้วยว่าภายในตู้มีอะไรบ้าง ซึ่งโทษคือ จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายธีระกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายคาดหวังให้ กระทรวงดำเนินการอย่างไรจากการที่มายื่นเรื่องร้องเรียนในครั้งนี้ นายธีระ กล่าวว่า  ต้องการให้ 1.กระทรวงบังคับใช้กฎหมายทันทีในจุดที่เราระบุพิกัดให้ตรวจสอบ เพื่อให้เห็นกฎหมายมีประสิทธิภาพจริง

2.เร่งประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568 ที่ยังควบคุมไม่ให้ขายในตู้อัตโนมัติ เพื่อเป็นการปรามผู้ประกอบการบางคนที่รู้แต่ทำเป็นไม่รู้ข้อกฎหมาย

และ 3.เร่งรัดการออกประกาศกฎกระทรวง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ต่างๆ รอบรับ ซึ่งกรรมาธิการวุฒิสภา ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ควรมีการกำหนดมาตรฐานการวัดอายุ การวัดระดับความเมา , สถานที่วางควรเป็นสถานที่เฉพาะ ไม่ใช่คนทั่วไปเห็นได้และเข้าถึงได้ง่าย ควรศึกษาก่อนว่าทำได้จริง ควรมีระบบเครือข่ายข้อมูลตรวจสอบว่า การขายว่า ขายให้ใคร รวมทั้งใบอนุญาตจากกรมสรรพสามิตรเป็นการเฉพาะสำหรับการขายตู้อัตโนมัติหรือไม่ ไม่ใช่การอนุญาตแบบการขายทั่วไป

“ตามกฎหมายระบุว่า ประกาศกระทรวงจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 365 วัน ภายหลังจากที่ พ.ร.บ.ฯมีผลบังคับ วันที่ 8 พ.ย.2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลา 1 ปี ที่ควรศึกษาในสิ่งที่คิดว่ายังไม่ชัดเจน ก็ควรศึกษาก่อน ส่วนจะเป็นช่องว่างหรือไม่นั้น ตามกฎหมายแม่ ถ้าจะใช้ต้องมีกฎหมายลูกก่อน ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายลูกก็ยังทำไม่ได้ ซึ่งหมายความว่า หากพบการขายในตู้อัตโนมัติที่ใด ก็จับได้เลย ” นายธีระ กล่าว