'โปรตอน' รังสีรักษาเทคโนโลยีใหม่ ทำลาย 'มะเร็ง' แม่นยำตรงจุด

“โปรตอน” รังสีรักษาเทคโนโลยีใหม่ ควบคุมปริมาณรังสีส่งไปที่ก้อนมะเร็งได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด ขณะเดียวกันลดปริมาณรังสีต่อเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียง ประเทศไทยยังมีเพียงเครื่องเดียว
เทคโนโลยี การรักษาด้วย “โปรตอน” เป็นการฉายรังสีรูปแบบใหม่ที่สามารถควบคุมปริมาณรังสีให้ส่งไปยังบริเวณก้อนมะเร็งได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ลดปริมาณรังสีต่อเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียง เพื่อลดผลข้างเคียงให้มากที่สุด โดยปัจจุบัน “โปรตอน” ถูกนำมาใช้ในประเทศไทยแล้ว 4 ปีที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นเครื่องแรกและยังเป็นเครื่องเดียว
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2568 ที่ BDMS Wellness Connect Center ภายในงาน BDMS Annual Meeting 2025 ภายใต้แนวคิด “Striving for Healthcare Excellence Across the Lifespan: From Prevention to Precision Medicine” มีการนำเสนอเรื่อง “Proton Therapy in Practice : A New Era of Targeted Radiation”
รศ.พญ.กาญจนา โชติเลอศักดิ์ อาจารย์แพทย์สาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า โปรตอนเป็นรังสีรักษาวิธีหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีใหม่ มีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ สามารถที่จะควบคุมให้ปริมาณรังสี ให้อยู่ในบริเวณตำแหน่งก้อนมะเร็งที่ต้องการรักษาได้ดีขึ้น
เนื่องจากเป้าหมายหลักของการใช้รังสีรักษา อยู่ที่การให้ปริมาณรังสีอยู่ที่บริเวณเนื้องอกหรือก้อนมะเร็งให้ได้เต็มที่ ขณะเดียวกันก็ต้องลดปริมาณรังสีที่เนื้อเยื่อปกติที่อยู่ข้างเคียงให้ได้น้อยที่สุด เพื่อจะช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาให้น้อยที่สุด และเพิ่มโอกาสให้คนไข้หายขาดได้สูงสุด และมีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด
ปัจจุบันประเทศไทยยังมีเครื่องฉายโปรตอน เครื่องแรกและเครื่องเดียวที่รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดให้บริการมาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ ปี 2021 เริ่มมีคนไข้มากขึ้นเรื่อยๆ ในการให้การรักษาด้วยโปรตอน จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ตามแนวทาง หรือไกด์ไลน์ของ international guideline ซึ่งมีการกำหนดมากขื้นเรื่อยๆว่า ผู้ป่วยกลุ่มไหนที่การใช้โปรตอน จะได้ประโยชน์มากกว่าการใช้รังสีรักษาโดยทั่วไป
อย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา จะกำหนดว่าคนไข้ที่การฉายรังสีด้วยเทคนิคธรรมดาแล้ว อาจจะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หรือไม่สามารถลดปริมาณรังสีด้วยเทคนิคธรรมดาได้ ดังนั้น การใช้โปรตอนก็จะเข้ามาใช้ในคนไข้กลุ่มนี้
รศ.พญ.กาญจนา กล่าวอีกว่า รังสีรักษาไม่ได้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งอย่างเดียว จะมีผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกธรรมดาก็สามารถใช้รังสีรักษาได้ แต่ไม่ได้แปลว่า คนไข้ทุกคนที่เป็นเนื้องอกธรรมดาจะต้องใช้รังสีรักษา เพราะส่วนใหญ่จะผ่าตัดเสร็จก็จบ แต่ในคนไข้บางรายที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ บางครั้งการใช้รังสีรักษาก็อาจจะต้องเข้ามาใช้กับคนไข้
โดยคนไข้ที่ต้องฉายแสง มีประมาณ 5-10% เท่านั้น ซึ่งการใช้โปรตอนก็จะมีข้อบ่งใช้ของการรักษาแบบเดียวกับการรักษาด้วยรังสี รวมถึง โรคและชนิดของมะเร็งที่ใช้ในการรักษาก็ใช้ได้เหมือนกับกรณีการใช้รังสีรักษาอื่นๆ เพียงแต่โปรตอนสามารถช่วยทำให้ได้ปริมาณรังสีไปที่ก้อนหรือบริเวณที่ต้องการใช้รังสีรักษาได้มากขึ้น และลดปริมาณรังสีบริเวณเนื้อเยื่อใกล้เคียง
“ไม่ใช่ทุกรายที่การใช้โปรตอนจะเข้ามามีประโยชน์ เพราะคนไข้บางคนรักษาด้วยการฉายด้วยรังสี ธรรมดาก็เพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องใช้โปรตอน”รศ.พญ.กาญจนากล่าว
รศ.พญ.กาญจนา กล่าวด้วยว่า สำหรับการใช้โปรตอนกับคนไข้เด็กนั้น เนื่องจากปัจจุบันมะเร็ง ของเด็กเป็นโรคมะเร็งที่ผลการรักษาค่อนข้างดี เพราะฉะนั้น เด็กหลายคนก็มีโอกาสที่จะหายขาดจากโรค แล้วอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน 10 ปี 20 ปี หรือ โตเป็นผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กังวลคือเมื่อหายจากโรคแล้วจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา จึงอยากให้คนไข้มีคุณภาพชีวิต ที่ดีที่สุดแล้วก็โตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่เหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น ในการใช้รังสีในเด็ก โปรตอนสามารถเข้ามามีบทบาท เพื่อจะช่วยลดปริมาณรังสีที่เนื้อเยื่อปกติ ซึ่งจะมีผลในการเติบโตของเด็ก
รศ.พญ.กาญจนา กล่าวอีกว่า ผู้ป่วยที่ที่ทำการรักษาด้วยโปรตอนที่รพ.จุฬาฯ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยมะเร็งผู้ใหญ่ โดยจะเลือกใช้โปรตอนในมะเร็งที่การรักษาด้วยรังสีธรรมดา อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงสูง เช่น มะเร็งศีรษะและลำคอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปาก เจ็บคอ ปากแห้ง คอแห้ง จนผู้ป่วยไม่สามารถรักษาจนจบคอร์สได้
ทั้งนี้ ความท้าทายหลักของการนำโปรตอนมาใช้ในประเทศไทย คือ "ราคา" เนื่องจากการลงทุนในการติดตั้งเครื่องทั้งค่าเครื่องและค่าอื่นสูงมาก ส่งผลให้ค่ารักษาต่อคอร์สสูงตามไปด้วย ปัจจุบัน การรักษาจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นครั้ง เช่น คอร์สการรักษาของผู้ป่วยเด็ก ที่อาจต้องฉายรังสี 30 ครั้ง ค่ารักษาทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1 - 1.5 ล้านบาท
รวมถึง เรื่องบุคลากรก็เป็นส่วนสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการใช้รังสีรักษาทั้งโปรตอนหรือเทคนิคอื่นๆ จำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่ประกอบด้วย แพทย์รังสีรักษา นักฟิสิกส์ นักรังสีเทคนิค พยาบาล และทีมงานอื่นๆ ที่จะมาช่วยในการดูแลคนไข้







