'กระท่อมปรุงรส'ขายเกลื่อน 'บุหรี่ไฟฟ้า'ปัญหาถึงเด็กประถมฯ

รองนายกฯแฉ “กระท่อมปรุงรส”ขายเกลื่อนทั้งที่การแปรรูปต้องขออนุญาต ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าปัญหากระจายถึงเด็กประถมฯ ลั่นรัฐบาลชุดนี้เอาจริงเรื่องปัญหายาเสพติด
เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมบอร์ด สสส.นัดแรกหลังรับตำแหน่งว่า ให้นโยบายบอร์ด สสส. เหมือนกับนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งคำแถลงนโยบายด้านสาธารณสุขพูดเรื่องงานสำคัญในระยะ 4 เดือน หนึ่งในนั้นคือการวางรากฐานเรื่องดีๆ ให้แก่สังคม
จึงหารือร่วมกับ สสส.เรื่องที่รัฐบาลจะวางรากฐานได้ เช่น ปัญหาเรื่องสุขภาพ การช่วยเหลือประชาชนดูแลสุขภาพ ซึ่งสสส.เสนอว่าบางเรื่องต้องแก้ไขระเบียบ โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่า จะมีการรวบรวมประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการบริการประชาชน ระเบียบแก้ด้วยระเบียบ พ.ร.บ.แก้ด้วย พ.ร.บ.
ยกตัวอย่าง กฎหมายขนส่งที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ หรือรถรับนักเรียน มาตรฐานรถรับนักเรียนนักท่องเที่ยวยังไม่สำเร็จ หากติดขัดตรงจุดใดก็จะทำให้สำเร็จ หรือเรื่องยาเสพติด อย่างบุหรี่ไฟฟ้า ครอบครองไม่ผิด แต่จำหน่าย นำเข้าผิด หรือกรณีกระท่อมหากนำมาเคี้ยวไม่ผิด แต่แปรรูปผิด เป็นสิ่งที่สร้างความสับสน จึงเป็นเรื่องของบอร์ดสสส. ที่จะต้องนำปัญหาต่างๆ ไปสรุปโดยเร็วเพื่อนำสู่กระบวนการแก้ไข
“ที่ผ่านมาอาจมองว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีปัญหาเฉพาะชุมชนเมือง แต่จริงๆ ระบาดไปถึงชนบทแล้ว ตนเอาเด็กมาเข้าค่าย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กป.3 สูบบุหรี่ไฟฟ้า พอถามก็บอกว่าของพี่ บางทีเด็กเอาเงินรวมกันซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ฝ่ายที่ควบคุมต้องควบคุมจริงๆ และที่ระบาดหนักอีกคือน้ำกระท่องปรุงรส เดี่ยวนี้มาแรง ใส่รสต่างๆ มาแรง”นายโสภณกล่าว
นอกจากนี้ ยังให้นโยบายเรื่องการจัดลำดับความสำคัญของหน่วยงาน เนื่องจากมีทรัพยากรอยู่จำกัด ก็ต้องใช้ทรัพยากรที่มีจำกัด เรื่องไหนเร่งด่วน เช่น เรื่องยาเสพติด อุบัติเหตุอุบัติภัยทางถนน ก็จะแก้ปัญหาตามลำดับ และการให้สสส.การบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ภาคส่วนอื่นมีส่วนร่วมใช้งบประมาณที่ สสส.มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่ง สสส.ทำอยู่แล้ว แต่ต้องให้บูรณาการจริงๆ ไม่ใช่แค่ตัวอักษร ทำเป็นแผนปฏิบัติการหน่วยงานและแผนคิกออฟ
นายโสภณ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้เอาจริงเรื่องแก้ปัญหายาเสพติด ทั้ง ป้องกัน ปราบปราม บำบัด โดยวันที่ 24 ต.ค. จะมีการคิกออฟที่ภาคอีสาน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งส่วนตัว ทำมาแล้ว 2 ปี ก็จะเอาโมเดล 2 ปีที่ทำมาปฏิบัติทั้งประเทศ
ถามถึงเป้าหมาย 4 เดือน นายโสภณ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่พอใจหลงใหลได้ปลื้มกับตัวเลขทิพย์ ต่จะเอกซเรย์ข้อมูลจริงๆ จะได้รู้จำนวนคนในประเทศที่เสพยาเสพติด โดยกระบวนการคือไปทำผ้าป่ายาเสพติดแต่ละหมู่บ้าน เป็นการรวมพลังรักศรัทธาแก้ปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ และจะสร้างซีรีส์หนังสั้นเรื่องหนึ่งจากเค้าโครงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“รัฐบาลชุดนี้ ไม่สนับสนุนที่จะให้เยาวชนสูบ ไม่สนับสนุนให้มีการหารายได้จากบุหรี่ไฟฟ้า เรื่องแก้ปัญหายาเสพติดทำจริง และยาเสพติดทุกตัว ซึ่งยาเสพติดไม่สามารถทำให้หายจากโลกนี้ได้ ดังนั้น การสร้างภูมิคุ้มกันต้องเริ่มและปราบปรามตามไป”นายโสภณกล่าว







