กรมควบคุมโรค ผลักดันเพิ่ม 'วัคซีน PCV' ฉีดฟรีให้เด็กไทย

กรมควบคุมโรคดันบรรจุ “วัคซีน PCV” เพิ่มเป็นสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ฟรีเด็กไทยต่ำกว่า 2 ปี ชี้คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ใช้งบฯ345 ล้านบาท/ปี
ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 กรมควบคุมโรค ได้นำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อบรรจุวัคซีนป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต หรือ วัคซีน PCV เข้าสู่แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแห่งชาติ (National Immunization Program: NIP) โดยมีเป้าหมายให้เด็กไทยสามารถได้รับวัคซีนดังกล่าวตามสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สถานการณ์ความรุนแรงของโรค
การติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae นำไปสู่การเกิดโรคติดเชื้อแบบรุนแรงและแพร่กระจาย (Invasive Pneumococcal Disease; IPD) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสำคัญ ได้แก่ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคติดเชื้อในกระแสเลือด , และ โรคปอดอักเสบรุนแรง
นอกจากนี้ ยังมีการติดเชื้อแบบไม่รุนแรง (Non-invasive pneumococcal disease) เช่น โรคปอดอักเสบ, โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน , และไซนัสอักเสบ
ผลกระทบต่อร่างกายจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของการติดเชื้อ โดยในรายที่มีอาการรุนแรง ผู้ป่วยอาจประสบปัญหาระบบประสาท เช่น สูญเสียการได้ยิน, ความบกพร่องทางสติปัญญา, ความผิดปกติของสมองและอาการชัก
กลุ่มที่มักพบการติดเชื้อแบบรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้คือ กลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
ทั่วโลกพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบบรุนแรง มากกว่า 294,000 รายสำหรับประเทศไทย ปี 2562 อัตราการติดเชื้อ S. pneumoniae ในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 1,228 รายต่อแสนประชากร อัตราการเสียชีวิตของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีที่ติดเชื้อทั้งหมด 11 %
ปี 2565 สถานการณ์โรคปอดอักเสบในประเทศไทย ผู้ป่วย 179,211 ราย เสียชีวิต 176 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและกลุ่มผู้สูงอายุ พบผู้ป่วยมากที่สุดในเดือนสิงหาคมและกันยายน
ผลการศึกษาความคุ้มค่า
องค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้บรรจุวัคซีน PCV เข้าในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคสำหรับเด็กทั่วโลก สำหรับประเทศไทย อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีน PCV ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยแนะนำให้เด็กรวม 3 ครั้ง เริ่มฉีดที่อายุ 2 เดือน, 4 เดือน และ 12 เดือน
กรมควบคุมโรคได้ดำเนินการโครงการนำร่องการให้บริการวัคซีนในจังหวัดมหาสารคามตั้งแต่ปี 2564 - 2568 (รวม 3 ปี 5 เดือน) ผลการนำร่องพบว่า บุคลากรทางการแพทย์เห็นด้วยกับการให้บริการวัคซีนถึง 100% และผู้ปกครองให้การยอมรับวัคซีนในอัตราสูงถึง 93.65%
ด้านราคาและการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ คาดประมาณราคาวัคซีน PCVโดยประมาณอยู่ที่ 250 บาทต่อโดส (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568) หากอ้างอิงจำนวนเด็กเกิดต่อปี ที่ 462,240 คน งบประมาณรวมสำหรับการฉีด 3 เข็มต่อราย จะอยู่ที่ 345 ล้านบาทต่อปี (ไม่รวมค่าฉีด)
ผลการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ยืนยันว่า การให้วัคซีน PCV แก่เด็กไทยมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในบริบทของประเทศ แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร แต่การลงทุนดังกล่าวสามารถช่วยลดจำนวนเด็กป่วย ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ถือเป็น ความคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป
แผนการดำเนินงาน
ข้อเสนอคือการบรรจุวัคซีน PCV เข้าสู่โปรแกรม NIP ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี โดยใช้งบประมาณ 345 ล้านบาทต่อเด็ก 1 รุ่นเกิด
คณะอนุกรรมการบริหารจัดการกองทุนฯ ได้มีมติรับทราบสถานการณ์และร่างคาดประมาณการงบประมาณเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 และได้ให้เสนอเรื่องกลับไปยังคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทขอบเขตฯ เพื่อพิจารณาข้อมูลเชิงวิชาการอีกครั้ง
แผนการดำเนินงานต่อไปคือ การเตรียมการสำหรับพื้นที่นำร่องในช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2568 จากนั้นจะเปิดตัวการให้บริการที่จังหวัดนำร่องในเดือนธันวาคม 2568 และจะมีการประสานงานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อผ่านมติที่ประชุมบอร์ด สปสช. และดำเนินการจัดหาวัคซีนในช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2569 จนถึงเดือนมีนาคม 2569







