ชะตาผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 4.7 หมื่น ศึกหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ-สปสช.

สปสช.แจงค้างหนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะ 36 ล้านบาท ไม่ใช่ 110 ล้านบาท ร่ายยาวรายละเอียดรายปีตั้งแต่ปี 63-68 ขณะที่ “นพ.เหรียญทอง” ยืนยันงดรับผู้ป่วยนอกจนกว่าได้เงิน ระบุยังเหลืออีก 70 ล้านบาท
ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท รพ.มงกุฎวัฒนะ ราว 47,000 คนระส่ำ หลังมีการเปิดศึกทวงหนี้กันอีกรอบระหว่าง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ล่าสุด รพ.ประกาศตั้งแต่ 16 ต.ค.2568 จำเป็นต้องหยุดให้บริการผู้ป่วยนอก หรือ OPD แก่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ โดยระบุว่ามีค้างหนี้ราว 110 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2568 ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ ในการชี้แจงของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กรณี รพ.มงกุฎวัฒนะ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า มีการค้างจ่ายจริง โดยปี 2563 ที่อ้างว่าสปสช.เป็นหนี้ประมาณ 13.2 ล้านบาท ซึ่งในปีนั้นเกิดกรณีคลินิกชุมชนอบอุ่นในกทม. ถูก บอร์ดสปสช.ยกเลิกการเป็นหน่วยบริการ เนื่องจากมีการเบิกเงินผิดเงื่อนไข ประมาณ 200 กว่าแห่ง
ซึ่งในการจัดสรรงบประมาณให้คลินิกชุมชนอบอุ่น จะเป็นงบฯเหมาจ่ายรายหัว เพื่อดูแลคนไข้นอก และส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเกินขีดความสามารถในการให้บริการของคลินิกจะต้องมีการส่งต่อไปยังรพ.และตามไปจ่ายเงินที่ตกลงกันไว้
ยอดปี 63 เหลือ 8.92 ล้าน
เมื่อมีการยกเลิกคลินิกชุมชนอบอุ่นไป ก็มีเงินที่คลินิกจะต้องตามจ่ายให้ รพ.มงกฎวัฒนะ อยู่ 13.2 ล้านบาท ซึ่งเงินนี้ สปสช. ได้เหมาจ่ายไปให้คลินิกแล้ว ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นนี้ บอร์ดสปสช. มีมติให้คลินิกต้องเป็นผู้ดำเนินการตามจ่ายให้รพ.มงกุฎวัฒนะ และต่อมามติบอร์ดให้มีการตามหนี้ โดยเชิญคลินิกที่ยกเลิกทั้งหมดมาเจรจาว่าแต่ละแห่งสปสช.จะเรียกเงินคืนเท่าไหร่ รวมถึง มีการดำเนินการแจ้งความและฟ้องร้องเรียบร้อย
“ถ้าประสงค์คลินิกคืนก็ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็มีส่วนที่คืนเงินมาซึ่งหากเป็นหนี้รพ.มงกุฎวัฒนะก็เคลียร์คืนให้ไป 4.29 ล้านบาท มียอดคงเหลือนี้ 8.92 ล้านบาท”ทพ.อรรถพรกล่าว
ปี 2566 สปสช.จ่ายเงินชดเชยให้รพ.มงกุฎวัฒนะไปทั้งหมดราว 638.5 ล้านบาท ซึ่งในพื้นที่กทม.มีการดำเนินการตรวจสอบกันเอง เพราะสปสช.อาจจะตรวจสอบไม่ครบถ้วน จึงเปิดโอกาสให้หน่วยบริการตรวจสอบกันเอง จึงมีการปรับการจ่าย โดยรพ.มงกุฎวัฒนะได้เงินเพิ่มไป 2.1 ล้านบาท รวม 640.65 ล้านบาท
จ่ายไปแล้วปี 67-68 ยอดรวมราว 36 ล้าน
ปี 2567 สปสช.จ่ายไปแล้วราว 651.46 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่าปลายปีงบประมาณ นั้น คณะอนุกรรมการ หลักประกันสุขภาพ ระดับเขตพื้นที่(อปสข.)มีมติว่าจะปรับการจ่ายเป็นแบบแต้ม จึงต้องมีการคำนวณวงเงินใหม่ พบว่า ก่อนที่จะจ่ายใหม่มีค้างจ่ายอยู่ 22 ล้านบาท เมื่อปรับเป็นระบบแต้มต้องเรียกคืน 38.2 ล้านบาท เท่ากับต้องเรียกเงินคืนราว 16 ล้านบาท
ปี 2568 ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2568 สปสช.จ่ายไปแล้ว 618.754 ล้านบาท ซึ่งโดยปกติในไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ จะต้องมีการคำนวณใหม่ จึงมีเงินค้างจ่ายอยู่ 5 ก้อน แยกเป็น
- เงินที่กันไว้ส่วนกลางเพื่อจ่ายสำหรับบางบริการ 7.87 ล้านบาท
- เงินส่งต่อผู้ป่วยนอก 3.1 ล้านบาท
- เงินผู้ป่วยนอกเหมาจ่ายรายหัว 4.2 ล้านบาท
- เงินผู้ป่วยนอกที่เป็นเงินกลางของกทม.อีก 2.9 ล้านบาท
- และเงินผู้ป่วยในราว 69 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เงินผู้ป่วยในจะมีความซับซ้อน เพราะตอนคำนวณจ่ายอัตราบาทต่อแต้มอยู่ที่ 8,000 กว่าบาท แต่ตอนท้ายปีอัตราจ่ายอยู่ที่ 7,700 บาท ดังนั้น เงินผู้ป่วยในจาก 69 ล้านบาทจะเหลืออยู่ที่ 49 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 เป็นเงินที่บอร์ดสปสช.เคยมีมติให้จ่ายเงินไปบรรเทาสภาพคล่องให้ รพ.มงกุฎวัฒนะ 2 ครั้งรวมแล้ว 70 ล้านบาท ซึ่งเมื่อมีการจ่ายเงินไปล่วงหน้าแล้ว เมื่อมีผลงานก็ทยอยหักคืนแล้ว 55 ล้านบาท คงเหลือ 15 ล้านบาท
“ดังนั้น ยอดเงินที่ค้างจ่ายก็เป็นนำยอดค้างจ่าย 5 ก้อนปี 2568 หักกับเงินที่เหลือกรณีจ่ายล่วงหน้าไปและเงินปี 2567ที่ต้องเรียกคืน สุทธิจึงเหลือที่ต้องจ่ายคืนประมาณ 36 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของปี 2566-2568 และเข้าใจว่าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 ต.ค.2568 มีการโอนเงินจำนวนนี้คืนไปแล้ว ไม่นับยอดปี 2563 จึงไม่ใช่ยอด 110 ล้านบาท”ทพ.อรรถพรกล่าว
ในส่วนของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบ สปสช. ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือ โดยตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง และ สปสช. จะตั้งศูนย์ช่วยเหลือและรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ ใกล้กับ รพ. เพื่อเตรียมช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย และได้ประสานมูลนิธิเส้นด้ายจัดรถรับส่งผู้ป่วยไปที่หน่วยบริการแห่งใหม่ ที่ได้เตรียมรองรับไว้แล้ว และได้จัดเตรียมหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ ประจำ และรับส่งต่อ ไว้รองรับให้ประชาชนไว้แล้วเช่น ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวก โทร.สอบถามเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 โทร.ฟรี 24 ชั่วโมง
ยันงดรับผู้ป่วยนอกจนกว่าได้เงิน
ขณะที่ระหว่างการแถลงข่าวนั้น พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้เดินทางเข้ามารับฟังด้วย พร้อมกล่าวว่า มารับฟังแถลงข่าววันนี้ไม่ได้มาชวนทะเลาะ ถึงจะไม่พอใจ แต่ก็มาพูดคุยกันด้วยดี พูดกันต่อหน้า สื่อมวลชนจะได้ฟังทั้ง 2 ด้าน ส่วน สปสช.ก็จะได้ฟังข้อมูลที่ท่านอาจจะยังไม่ทราบ ซึ่งรพ.มงกุฎวัฒนะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ สปสช. เข้าร่วมเป็นรพ.บัตรทองเดือน ม.ค. 2553 หลังจาก สปสช.ไปพบกับ ตนเพื่อขอให้รับดูแลผู้ป่วยบัตรทอง 1 หมื่นคน
“จนถึงปัจจุบันที่ท่านเลขาฯ สปสช. ขออย่าให้ยกเลิกการดูแลผู้ป่วยบัตรทอง พูดตรงๆ ก็ไม่อยากเลิก ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ แต่เพราะมันเกี่ยวพันกับคนไข้ ซึ่งรพ.ต้องอยู่ได้ คนไข้ถึงจะอยู่ได้ และรพ.เราก็พัฒนาศักยภาพครบทุกสกิลเพื่อเป็นรพ.คู่สัญญามาตลอด ความสัมพันธ์ดีกันมาตลอด ที่ผ่านมาเรารับดูแลหมดทุกปัญหาคนไข้โดยไม่สนใจว่าจะขาดทุน หรือกำไร แต่ต้องไม่สูญ”พล.ต.นพ.เหรียญทองกล่าว
พล.ต.นพ.เหรียญทอง กล่าวภายหลังจากมีการพูดคุยส่วนตัวกับทพ.อรรถพรว่า ยืนยันขอให้สปสช.จ่ายหนี้เมื่อปี 2563 ที่มีอยู่ประมาณ 8.9 ล้านบาท และหนี้เมื่อปี 2567 อีกกว่า 40 ล้านบาท ให้กับรพ.มงกุฎวัฒนะ ถ้าจ่ายมาแล้วก็พร้อมที่จะรับดูแลผู้ป่วยบัตรทองต่อ แต่ระหว่างนี้ยังยืนยันว่า จะงดให้บริการผู้ป่วยนอก ระบบบัตรทอง ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2568 นี้ไปก่อน จนกว่าจะมีการใช้หนี้เสร็จ ย้ำว่า ที่รองเลขาฯ สปสช. บอกว่าจ่ายหนี้มาแล้ว 37 ล้านบาท นั้น ยังไม่พอ เพราะยังค้างจ่ายอีกกว่า 70 ล้านบาท






