พฤติกรรมกิน‘เด็กเล็ก’น่าห่วง ทารกได้อาหารปรุงแต่ง-ดื่มน้ำหวาน/น้ำอัดลม

พฤติกรรมกิน‘เด็กเล็ก’น่าห่วง ทารกได้อาหารปรุงแต่ง-ดื่มน้ำหวาน/น้ำอัดลม

พฤติกรรมการกินเด็กปฐมวัยน่าห่วง อายุ 9 เดือนได้รับอาหารปรุงแต่งรส  ดื่มน้ำหวาน/น้ำอัดลม 1-6 ปีได้รับอาหารว่างไม่ดีต่อสุขภาพ- ไขมันปริมาณไม่เหมาะสม เกรงกระทบพัฒนาการสมอง แนะใช้คู่มือติดตามอาหารเด็กตามวัย

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2568 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ในการประชุมวิขาการโภชนาการแห่งชาติ “โภชนาการกับการกินดี มีสุข (Nutrition and Holistic  Well-Being)” มีการนำเสนอเรื่อง การจัดการสภาพแวดล้อมด้านอาหาร โภชนาการและการเฝ้าระวังเพื่อส่งเสริมสุขภาพ กรณี พัฒนาชุมชนต้นแบบเฝ้าระวังและส่งเสริม  ภาวะโภชนาการและพัฒนาการเด็กปฐมวัย   

รศ.ดร.พัชราณี ภวัตกุล หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากที่สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ได้จัดทำเครื่องมือที่เป็นคู่มือประเมินติดตามภาวะโภชนาการและพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ที่มีส่วนของการประเมินอาหารบริโภค หรือพฤติกรรมการบริโภคอาหารตามวัย กลุ่มเป้าหมายหลักคือเด็กปฐมวัยอายุ 0-5 ปี และยังมีการประเมินโภชนาการสำหรับแม่ที่ให้นมบุตรด้วย

ล่าสุด ได้นำเครื่องมือคู่มือนี้ไปทดลองใช้และพัฒนาในเด็กปฐมกว่า 400 คน ในชุมชนต้นแบบ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ขอนแก่น ปัตตานี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร เพื่อประเมินและติดตามภาวะโภชนาการของเด็ก โดยพิจารณาจากความแตกต่างทางบริบทของชุมชน เช่น ชุมชนชาวมุสลิมในภาคใต้ หรือชุมชนที่มีชนเผ่าในภาคเหนือ และบริบทที่ต่างกันในกรุงเทพมหานคร โครงการเน้นให้แต่ละชุมชนสามารถออกแบบกิจกรรมเอง มีเงื่อนไขหลักคือต้องใช้คู่มือของโครงการเป็นแกนนำในการขับเคลื่อน และต้องมีกิจกรรมที่สร้าง ความรอบรู้ให้กับชุมชน

9 เดือนได้รับอาหารปรุงแต่งรสแล้ว

การดำเนินงานในเบื้องต้น เรื่องผลการประเมินอาหารของเด็กอายุ 2, 4,6 และ  9 เดือน  รูปแบบนมที่ทารกได้รับ พบว่า นมแม่อย่างเดียว 14.86 % นมดัดแปลงสำหรับทารก 52.7 % และนมแม่และนมดัดแปลงสำหรับทารก 32.43 %   ซึ่งภาพรวมรูปแบบนมที่ทารกได้รับใน 1 วันไม่เหมาะสม 55.41 %  ส่วนการประเมินอาหารแม่ให้นมบุตรใน 1 วัน ไม่เหมาะสม 81.25 %

สำหรับผลการประเมินอาหารตามวัยของทารก 2, 4,6 และ  9 เดือน ที่น่าห่วง พบว่า 

  • จำนวนมื้ออาหารเหมาะสม ทำไม่ได้ 32.14 %
  • รับประทานข้าวเหมาะสม  ทำไม่ได้ 57.14 % 
  • รับประทานผักเหมาะสม ทำไม่ได้ 40.74 %
  • รับประทานผลไม้เหมาะสม ทำไม่ได้ 35.71 %
  • อาหารตามวัยไม่ควรปรุงแต่งรส ทำไม่ได้  56.25 %
  • ไม่ควรได้รับน้ำรสหวานหรือน้ำอัดลม ทำไม่ได้ 56.25 %

1-6 ปีได้อาหารว่างไม่ดีต่อสุขภาพ

ขณะที่ผลการประเมินอาหารตามวัย12,18,24,36,48,60 และ 72 เดือน ที่น่าห่วง พบว่า รับประทานผลไม้เหมาะสม ทำไม่ได้  37 %

  • รับประทานน้ำตาลเหมาะสม ทำไม่ได้  41.98 %
  • รับประทานอาหารว่างที่มีไขมันปริมาณเหมาะสม ทำไม่ได้  45.31 % 
  • หลีกเลี่ยงอาหารว่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทำไม่ได้ 45.31 %

ห่วงกระทบพัฒนากรสมอง

ข้อมูลนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ พฤติกรรมการบริโภคอาหาร พบว่ารูปแบบการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมนั้นมีสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่ง และสูงถึงประมาณ 70% ของกลุ่มที่ประเมิน โดยเด็กเล็กไม่เกิน 9 เดือนยังคงได้รับนมดัดแปลงหรือนมผงอยู่กว่า 50% ที่น่ากังวลที่สุดคือการพบว่าเด็กเล็กและทารกบางส่วนได้รับอาหารที่มีการปรุงแต่งรส รวมถึง น้ำหวานและน้ำอัดลม ซึ่งพบในสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่ง

“เด็กที่มีโภชนาการไม่ดี ถ้าขาดส่งผลต่อพัฒนาการสมอง การทำงานหลายๆอย่าง หากเกินหรือมีภาวะอ้วน ก็จะเป็นรากฐานให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)ในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการสำรวจพบเด็กวัยเรียนมีปัญหาไขมันในเลือดสูงแล้ว ดังนั้น เรื่องการดูแลวัยเด็ก ส่งเสริมพฤติกรรมบริโภคที่เหมาะสมสำคัญมาก”รศ.ดร.พัชราณีกล่าว

ขยายผลใช้ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม จากการนำคู่มือประเมินอาหารฯเข้าไปดำเนินการในชุมชนต้นแบบ 5 จังหวัด พบว่า เด็กที่เข้าร่วมโครงการโดยการนำคู่มือประเมินอาหารฯไปใช้มีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์เพิ่มขึ้นจาก 64.8 % เป็นราว 73% และมีแนวโน้มภาวะเตี้ยจะลดลง

รศ.ดร.พัชราณี หวังว่าคู่มือประเมินอาหารฯนี้ จะถูกนำไปใช้ในชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยแนวคิดการประเมินอาหารบริโภคที่พัฒนาขึ้นนี้ ได้ถูกเสนอให้มีการพิจารณาผนวกเข้ากับเอกสารสำคัญของชาติ เช่น สมุดสีชมพูที่เป็นสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก  เนื่องจากปัจจุบันการประเมินอาหารสำหรับเด็กยังไม่มีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งคู่มือนี้จะช่วยให้เด็กได้โภชนาการที่เหมาะสม สามารถป้องกันได้ทั้งด้านโภชนาการที่ขาดและเกิน

ดาวน์โหลด คู่มือประเมินติดตามภาวะโภชนาการและพัฒนาการเด็กปฐมวัย