สธ.รุก '125 รพ.ทันตกรรม' คิวพื้นฐานไม่เกิน 1 เดือน '25 ศูนย์เป็นเลิศ' 4 กลุ่มอาการ

ปีงบฯ 69 สธ. ขับเคลื่อน “125 โรงพยาบาลทันตกรรม” ตั้งเป้าลดคิวงานพื้นฐานเหลือไม่เกิน 1 เดือน ให้บริการรวม 25 ล้านครั้ง พร้อม “25 ศูนย์ความเป็นเลิศ” เคสซับซ้อน 4 กลุ่มอาการ
KEY
POINTS
- กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดโครงการ "125 โรงพยาบาลทันตกรรม" ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับบริการและลดการรอคอย โดยตั้งเป้าให้คิวบริการทันตกรรมพื้นฐานนัดได้ภายใน 1 เดือน
- จัดตั้ง "25 ศูนย์ความเป็นเลิศ" ด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อดูแลผู้ป่วยเคสซับซ้อน 4 กลุ่มอาการ ได้แก่ ผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก, ปากแหว่งเพดานโหว่, เด็กพิเศษ และผู้สูงอายุที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ
- โครงการนี้จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าฯ ในวาระครบ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพ โดยมีเป้าหมายให้บริการรวม 25 ล้านครั้งภายในปีงบประมาณ 2569
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการครั้งสำคัญเพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวาระครบ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพ โดยประกาศยกระดับบริการทันตกรรมทั่วประเทศผ่านโครงการ “125 โรงพยาบาลทันตกรรม” โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างเครือข่ายบริการที่ได้มาตรฐาน ไร้รอยต่อ ครบวงจร เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม ลดคิว ลดรอคอย และลดภาระโรคของประชาชน พร้อมตั้งเป้าให้บริการรวม 25 ล้านครั้ง ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
การขับเคลื่อนโครงการ “125 โรงพยาบาลทันตกรรม” เป็นไปเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแห่งความเสียสละและความเมตตา โครงการนี้จะใช้เวลาดำเนินการประมาณหนึ่งปี นับตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพ
125 โรงพยาบาลทันตกรรม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า จากข้อมูลที่บันทึกไว้ การให้บริการทันตกรรมในอดีตอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านครั้งต่อปี ในขณะที่หลักการดูแลสุขภาพช่องปาก ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากมีประชากร 70 ล้านคน ควรมีการเข้ารับบริการ 140 ล้านครั้ง แปลว่าประชาชนยังเข้าถึงความต้องการที่แท้จริงได้ไม่มาก ไม่ถึง 40 %
จึงมีการขับเคลื่อนนโยบาย One Province One Dental Hospital เริ่มจากนโยบาย "1 ทันตแพทย์ 1 ผู้ช่วย 1 ยูนิต" ตั้งแต่ปี 2566 โดยมีแนวคิดสำคัญ คือ การเปลี่ยนจากหน่วยทันตกรรมทั่วไปให้กลายเป็น “โรงพยาบาลทันตกรรม” เนื่องจากปัจจุบันมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มขึ้นมาก
การปรับเปลี่ยนจะช่วยให้บุคลากรด้านทันตกรรม สามารถบริหารจัดการปัญหาด้านทันตกรรมได้อย่างเบ็ดเสร็จ การนำร่องพัฒนาโรงพยาบาลทันตกรรมได้ดำเนินการแล้วในหลายจังหวัดแล้ว ประมาณ 80-90 แห่ง และจะทำให้ครบ 125 แห่ง
โรงพยาบาลทันตกรรม 125 แห่ง จะเน้นที่โรงพยาบาลศูนย์ (รพศ.) และโรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) ซึ่งจะได้รับการพัฒนาศักยภาพตามมาตรฐาน SAP ของกระทรวง เป้าหมายสำคัญคือการจัดบริการพื้นฐานให้ “ไม่มีคิว” หรือให้ประชาชนได้รับการตรวจและนัดหมายภายในระยะเวลา ไม่เกิน 1 เดือน เพื่อความสะดวก ประชาชนสามารถเปิดรับนัดหมายออนไลน์ผ่านระบบ “หมอพร้อม” ตั้งเป้าหมายการให้บริการรวม 25 ล้านครั้ง ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
25 ศูนย์ความเป็นเลิศ 4 กลุ่มอาการ
นอกจากนี้ จัดตั้ง 25 ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง (COE) ทีมงาน ระบุว่า เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีความซับซ้อน จะมีการจัดตั้ง 25 ศูนย์ความเป็นเลิศ (COE) ด้านสุขภาพช่องปาก ศูนย์เหล่านี้จะดูแลเคสซับซ้อน 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก, ผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่, เด็กพิเศษและเด็กที่มีโรคทางระบบ (ที่อาจต้องใช้เครื่องมือ เช่น การดมยาสลบ), และผู้สูงอายุที่มีความต้องการพิเศษ
มีเป้าหมายในการดูแลเคสซับซ้อนรวม 1,250 เคส โดยจะกระจายตัวในแต่ละเขต และการพัฒนาบริการจะไม่ใช่แบบต่างคนต่างทำ แต่จะมุ่งเน้นการสร้าง เครือข่ายบริการทันตกรรมที่มาตรฐาน ไร้รอยต่อ ครบวงจร ในระดับจังหวัด
“งานทันตกรรมเป็นงานที่สามารถก่อให้เกิดรายได้ และอยู่ในแผน Medical Hub ส่วนของรพ.รัฐมีการเปิด คลินิกทันตกรรมพิเศษ (Premium Clinic) เพื่อเป็นช่องทางหารายได้ และช่วยให้ทันตแพทย์รุ่นใหม่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องออกไปเปิดคลินิกเอกชนเอง ปัจจุบันมีโรงพยาบาลนำร่องในรูปแบบนี้ เช่น ปทุมธานี, อุดรธานี, และเชียงรายประชานุเคราะห์”นพ.โอภาสกล่าว
พัฒนาหลักสูตรผู้ช่วยทันตแพทย์
ด้านทพญ.วรารัตน์ ใจชื่น กองบริหารการสาธารณสุข(กบรส.) กล่าวว่า กิจกรรมจะเริ่ม Kickoff ในเดือนตุลาคม 2568 พร้อมทั้ง มีการตั้ง Dental Hospital Changemaker ใน 76 จังหวัด เพื่อสร้างผู้นำระบบบริการทันตกรรม ซึ่งทันตแพทย์ที่เข้ารับการอบรมนี้จะได้รับความรู้ความสามารถในด้านการบริหารจัดการ นอกเหนือจากการให้บริการในช่องปาก
รวมถึง จะมีการพัฒนา Dashboard เพื่อติดตามการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรด้านทันตกรรมทั้ง 12 เขต และที่สำคัญคือในไตรมาสที่ 2 (ม.ค. - มี.ค. 69) จะเริ่มมีการทบทวนและวางแผนเรื่อง ระบบการเงินของโรงพยาบาลทันตกรรม ทั้ง 125 แห่งอย่างเป็นระบบ
การจัดการบุคลากรผู้ช่วยทันตแพทย์ ทีมงานและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ช่วยทันตแพทย์เป็นสายงานที่ขาดตลาด กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ร่วมกับทันตแพทยสภาในการกำหนดหลักสูตรให้เป็นมาตรฐาน และปรับหลักสูตรบางส่วนให้เป็นออนไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่แล้วสามารถทำงานและเรียนไปพร้อมกันได้
“วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาเดิมที่เจ้าหน้าที่ต้องลาออกและเสียค่าใช้จ่ายสูงในการไปเรียน (ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท) ปัจจุบันสามารถผลิตผู้ช่วยทันตแพทย์ได้เฉลี่ยประมาณปีละ 200 คน รวมทั้งของมหาวิทยาลัยและกระทรวงสาธารณสุข”ทพญ.วรารัตน์กล่าว
เตรียมการรับขยายสิทธิประกันสังคม
นอกจากนี้ กำลังเตรียมการขยายสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันสังคม โดยจะขยายบริการให้ ไม่จำกัดเพดาน 900 บาท ในงานพื้นฐานตามความจำเป็น หากเข้ารับบริการในโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ภายในปีหน้า รวมถึงการพิจารณาเปิดนัดหมายในช่วงเย็นเพื่อให้สอดคล้องกับผู้ประกันตนที่ไม่สามารถลางานได้
ในส่วนของงานส่งเสริมและป้องกัน กรมอนามัย จะมีการรณรงค์เรื่อง การแปรงฟันถูกวิธีทั่วไทย รวมถึง จะมีการจัดบริการทันตกรรมฟรีในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ และยังมีการเพิ่มบริการทันตกรรมในกลุ่มเปราะบางในไตรมาสแรก เช่น เด็กในสถานสงเคราะห์ ผู้พิการซ้ำซ้อน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ถูกทอดทิ้ง และผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ รวมถึงผู้ต้องขังด้วยTop of Form







