'ดัชนีนวัตกรรมโลก' ไทยอยู่ที่ 45 ร่วง 4 อันดับ แพ้ 3 ประเทศในอาเซียน

ดัชนีนวัตกรรมโลก ไทยอยู่ที่ 45 ตกมา 4 อันดับ ทุนมนุษย์ และวิจัยเรื่องเดียวที่ดีขึ้น ขณะที่ NIA เร่งเครื่องดัน 5 อุตฯ เป้าหมาย 100 กิจการ/ปี เติบโต เกิดการลงทุนเพิ่มในธุรกิจนวัตกรรม 2,000 ล้านบาท
KEY
POINTS
- ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับในดัชนีนวัตกรรมโลก (GII) ประจำปี 2568 อยู่ที่ 45 จาก 139 ประเทศทั่วโลก ซึ่งลดลง 4 อันดับจากปีก่อนหน้า
- เมื่อเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศอาเซียน อันดับของไทยอยู่ที่ 4 เป็นรองจากสิงคโปร์ (อันดับ 5 ของโลก) มาเลเซีย (อันดับ 34) และเวียดนาม (อันดับ 44)
- ปัจจัยที่อันดับลดลงมากที่สุดคือ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ไทยยังมีจุดแข็งด้านการลงทุนวิจัย และพัฒนาโดยภาคธุรกิจซึ่งครองอันดับ 1 ของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดกิจกรรม Global Innovation Forum 2025 ภายใต้หัวข้อ “Global Health Tech towards Innovation Nation...เฮลท์เทคไทยมองไกลกว่าสุขภาพ” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ และมุมมองระดับโลกที่จะร่วมกันผลักดันนวัตกรรมไทยสู่อนาคต โดยภายในงานมีเปิดเผย ดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index; GII) ประจำปี 2568 และก้าวต่อไปของนวัตกรรมไทย
นวัตกรรมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า ผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (GII 2025) ภายใต้หัวข้อ ‘Innovation at a Crossroads : Charting the Future นวัตกรรมบนจุดเปลี่ยน – การกำหนดทิศทางสู่อนาคต’ ชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา การชะลอตัวของอัตราการเติบโตของบรรษัทข้ามชาติรายใหญ่
รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มของโลกที่กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม และอนาคตของนวัตกรรมจะขึ้นอยู่กับการลงทุนที่ยั่งยืน ความร่วมมือข้ามพรมแดน และการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้าง เพื่อให้เทคโนโลยี และนวัตกรรมสามารถเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้างอย่างแท้จริง
ไทยอยู่ที่ 45 ตกลง 4 อันดับ
ในปีนี้มีตัวชี้วัดทั้งสิ้น 78 ตัวชี้วัด แบ่งเป็นดัชนีย่อย 2 ด้าน คือ 1. ดัชนีย่อยปัจจัยนำเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) ประกอบด้วย 5 ปัจจัย ได้แก่ ด้านสถาบัน ด้านทุนมนุษย์ และการวิจัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านระบบตลาด และด้านระบบธุรกิจ
และ 2. ดัชนีย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) ประกอบด้วย 2 ปัจจัย ได้แก่ ผลผลิตจากองค์ความรู้และเทคโนโลยี และผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ โดยจะคำนวณจากค่าเฉลี่ยของดัชนีย่อยปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม และดัชนีย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม
สำหรับผลการจัดอันดับในปีนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 45 (36.7 คะแนน) จากประเทศเศรษฐกิจทั่วโลก 139 ประเทศ ลดลง 4 อันดับจากปีก่อนหน้า โดยปัจจัยนำเข้าทางนวัตกรรม และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรมขยับลดลงเช่นเดียวกันอยู่อันดับที่ 46 และอันดับที่ 43 ตามลำดับ โดยประสิทธิภาพของปัจจัยนำเข้าทางนวัตกรรมที่สามารถสร้างผลผลิตทางนวัตกรรมได้มีค่าอันดับใกล้เคียงกัน แม้ว่าผลผลิตทางนวัตกรรมได้มากกว่าปัจจัยนำเข้าที่ใส่ลงไปเพื่อพัฒนาความสามารถด้านนวัตกรรม
เทียบอาเซียน ไทยอยู่อันดับ 4
เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศกลุ่มรายได้ปานกลางระดับบน ประเทศไทยอยู่อันดับ 4 จากจำนวน 36 ประเทศ และอยู่อันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยสิงคโปร์ครองอันดับที่ 5 ของโลก มาเลเซียอันดับที่ 34 เวียดนามอันดับที่ 44 ขณะที่ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 50 และตามมาด้วยอินโดนีเซีย อันดับที่ 55
เมื่อพิจารณาจากการจัดอันดับรวมทั้ง 7 ปัจจัย ประเทศไทยมีอันดับลดลงเกือบทุกปัจจัย ยกเว้นปัจจัยด้านทุนมนุษย์ และการวิจัย (Human Capital and Research) อยู่อันดับที่ 53 (เดิมอันดับ 71) โดยปัจจัยย่อยด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อยู่อันดับที่ 36 (เดิมอันดับ 47) ขณะที่ปัจจัยที่อันดับลดลงมากที่สุดคือ ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) อยู่อันดับที่ 59 (เดิมอันดับ 50)
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านระบบตลาด (Market sophistication) ประเทศไทยยังมีอันดับที่ดีมากที่สุด สะท้อนความสามารถในการเข้าถึงเงินทุน การขยายตลาด และการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม รวมถึงปัจจัยตัวชี้วัดจุดแข็งจุดอ่อนของประเทศยังทำคะแนนได้ดีในหลายตัว เช่น สัดส่วนค่าใช้จ่ายมวลรวมภายในประเทศสำหรับการวิจัย และพัฒนาที่ลงทุนโดยองค์กรธุรกิจต่างๆ (GERD financed by business) ยังคงอยู่อันดับที่ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
"สะท้อนให้เห็นการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศยังมุ่งมั่นเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจด้วยการวิจัย และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จำนวนของสิทธิบัตรอนุสิทธิบัตรที่ยื่นขอหรือจดทะเบียนอยู่อันดับที่ 5 แสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เน้นการใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม"
จากผลการจัดอันดับ GII 2025 NIA เชื่อมั่นว่านวัตกรรมไทยยังมีโอกาสในการก้าวต่อไป โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การเร่งสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาดโลก จากจุดเด่นปัจจัยย่อยด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระบบนิเวศนวัตกรรมฝั่งอุปทานที่ต้องต่อยอดให้เกิดการใช้ประโยชน์ เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
และผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การเชื่อมโยงไปสู่ฝั่งอุปสงค์ เพื่อให้เกิดการเติบโตและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างระบบนิเวศการลงทุนที่เข้มแข็งเพื่อเร่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจของนวัตกรรม
ทั้งนี้ NIA ยังคงต้องมุ่งสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ครบวงจร ด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ Groom – Grant – Growth – Global โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม การเร่งผลักดันให้เกิด Thailand Innovation Hub เพื่อสร้างเครือข่ายศูนย์กลางนวัตกรรมที่เชื่อมโยงทั่วประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโต สร้างโอกาสขยายตลาด และแหล่งเงินทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
"อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพของไทยผ่านโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร การแพทย์และสุขภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว/ซอฟต์พาวเวอร์/สังคม ตั้งเป้าหมาย 100 กิจการต่อปีได้รับการเร่งสร้างการเติบโต เกิดรายได้ 1,000 ล้านบาท จากธุรกิจนวัตกรรม และเกิดการลงทุนเพิ่มในธุรกิจนวัตกรรม 2,000 ล้านบาท ” ดร.กริชผกา กล่าว
รวมถึง การยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และต่อยอดการลงทุนสู่ตลาดสากลผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่ Corporate Spark เน้นการจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ตอัปนานาชาติที่มีเทคโนโลยีหรือบริการโดดเด่น Global Market Link สร้างโอกาสเชื่อมโยง และขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และ Global Investment Link ยกระดับศักยภาพเพื่อโอกาสรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







