'อนุทิน'ฝากโจทย์สธ.รองรับสังคมผู้สูงอายุ มอง 'แพ็คเกจสูงวัย'

'อนุทิน'ฝากโจทย์สธ.รองรับสังคมผู้สูงอายุ มอง 'แพ็คเกจสูงวัย'

นายกฯ อนุทิน หวนคืนสธ.ปาฐกถางานแรก เผยความท้าทายระบบสาธารณสุขในอนาคต ฝากโจทย์สธ.รองรับสังคมผู้สูงอายุ หลังแถลงนโยบายเตรียมมอบรมว.สธ.ใหม่หารือ “แพ็คเกจสูงวัย”

KEY

POINTS

  • นายกฯ อนุทิน ฝากโจทย์กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมความพร้อมรองรับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
  • หลังแถลงนโยบาย เตรียมหารือพิจารณา "แพ็คเกจสูงวัย" เพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้นานที่สุด และไม่เป็นภาระต่อครอบครัว
  • จะนำแนวคิดดังกล่าวไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการ สธ. คนใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิบัติจริง หลังเห็นต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่น ดูแลให้อายุยืน มีงานทำ พึ่งพิงรัฐในวาระท้ายจริงๆ 

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2568 ที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ได้รับรางวัลชัยนาทนเรนทร ประจำปี 2567 นักการสาธารณสุขดีเด่น ประเภทบริหาร ปาฐกถาแรกหลังรับตำแหน่งนายกฯ เรื่อง  “สาธารณสุขไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ว่า ปัญหาเรื่องช่วงอายุคนที่เพิ่มสูงขึ้นกำลังรอดำเนินการอยู่  จากการที่คนอายุยืนยาว เพราะมียาดี องค์ความรู้ดี มี Health Literacy ที่ดี มีความเข้าใจเรื่องของสุขภาพที่ดี และ มีบุคลากรทางสาธารณสุขที่ดี

สอดคล้องกับการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์  จึงควรต้องมองถึงการทำให้คนที่อายุยืนยาวอยู่ได้ด้วยตนเอง แบบไม่เป็นภาระ ไม่เป็นตัวดึง ลูกหลานสามารถไปทำงานปกติ สร้างเสริมรายได้ ส่วนภาครัฐมีรายได้มาดูแลประชาชนสูงอายุที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลจริงๆในบั้นปลายชีวิต ซึ่งปัจจุบันระบบสาธารณสุขทำได้ดีอยู่แล้วเรื่องการดูแลรักษา เริ่มมีการไปรักษาที่บ้าน โดยใช้ระบบต่างๆ ดูแล พยาบาลออกไปดูแล เอายา แม้แต่ติดเตียงก็ไปติดเตียงที่บ้าน มีเจ้าหน้าที่ในวงการสาธารณสุขไปดูแล

สิ่งที่ยังขาด ในเรื่องคุณภาพชีวิตยังไม่ค่อยดี คือ สูงอายุอยู่ติดเตียง ไม่อยากให้เห็นสภาพอย่างนั้น ยังมีความเป็นภาระอยู่ดี จึงมองหาแนวทางทำให้คนที่ยังไม่ถึงช่วงวัยต้องเป็นภาระคนอื่น แต่ให้สามารถอยู่ได้ ดูแลตัวเองมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เป็นโจทย์สำคัญ เหมือนที่เคยร่วมกับผู้บริหารสธ.ไปดูที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นสังคมผู้สูงอายุเช่นกัน เขาดูแลให้ผู้สูงอายุให้มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงมากๆ แม้กระทั่งหางานให้ทำ เพื่อจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจริงๆจึงจะต้องมารับการปรนนบัติจากลูกหลานและภาครัฐ

“ก็คงต้องมีแพ็คเกจบางอย่างสร้างขึ้นมาเพื่อดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ จะนำไปหารือผู้บริหาร สธ.ที่กำลังจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ คงใช้เวลาไม่นาน หลังเข้ารับตำแหน่งและแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็คงจะมอบให้ รมว.สธ.ท่านใหม่นำไปปฏิบัติงานร่วมกับบุคลากรสธ. คิดว่าด้วยพื้นฐานที่ดีของ สธ.เข้าใจเป้าหมายเดียวกันอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร  ในการนำไปพัฒนา ปฏิบัติดำเนินการต่อไป ”นายอนุทินกล่าว 

อีกทั้ง ต้องทำระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารสร้างความเข้าใจประชาชน ไม่ใช่ป่วยคนเดียว 40 คนต้องหยุดงาน หายไป 10 วัน ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ  จึงต้องพิจารณาเรื่อง ใส่ home isolation package อยากให้ว่าที่ปลัดสธ.ศึกษาเรื่องนี้ขึ้นมานำเสนอสร้าง Health medical literacy หากเจอสถานการณ์สุขภาพรูปแบบนี้ จะทำอย่างไรให้คนปลอดภัย และสามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้เกิดการสูญเสียโดยไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต้องคิดสำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่อไป

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ช่วงที่ตนอยู่ในตำแหน่งรมว.สธ.ก็ขับเคลื่อนหลายเรื่อง อย่างเครื่องโปรตอน  สธ.ก็คงต้องไปทำให้ครอบคลุม เรื่องการผลิตแพทย์ พยาบาล ก็ยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่วนอนาคตก็ต้องสร้างระบบความเข้าใจของประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนก ระบบการป้องกันการจู่โจมจากเอไอ ไอโอ เฟคนิวส์ แรงกดดันที่ไม่ได้ปรารถนาดี ซึ่งอาจเป็นจากฝ่ายตรงข้ามการเมืองที่ไม่ต้องการให้เดินหน้าไปได้

 รวมถึงเรื่องการถ่ายโอน รพ.สต.ไปที่ อบจ. บางพื้นที่เวิร์ก บางพื้นที่ตั้งไข่อยู่ ก็ ต้องสร้างระบบรองรับส่งไม้กัน เมื่อไปรับบริการที่รพ.สต.แล้ว สามารถส่งต่อมารับบริการที่รพ.สธ.ได้แบบไม่มีรอยต่อ ไม่มีการชะงัก ถ้าทำตรงนี้ได้เรื่องอื่นก็เรื่องเล็ก

“ไม่รู้ผมจะอยู่นานเท่าไร ถ้าทำได้เร็วและเสนอขึ้นมา ให้ความมั่นใจว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ หวังว่าถ่านไฟเก่ายังอยู่ รักกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว เชื่อว่าเข้าใจความผูกพันที่มี สธ.เป็นอย่างดี ไม่มีวันหมดอายุเหมือนยา ขอให้เรามั่นใจซึ่งกันและกัน และเร่งสร้างสิ่งดีงามให้ระบบการสาธารณสุขของไทย”นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า มาพบกันในบรรยากาศเช่นนี้เกิดความคิดถึง ความคึกคักที่เหมือนตัวเองได้กลับคืนสู้เหย้าอีกครั้ง เพราะตั้งแต่พ้นตำแหน่ง รมว.สธ.เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ไปอยู่กระทรวงอื่นและพักร้อนไป 2 เดือน และกลับมรับใช้ชาติบ้านเมืองอีกครั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่จดจำ และมีความประทับใจมาก คือ ตอนที่ทำงานอยู่ที่ สธ. เพราะใช้เวลาทั้งตำแหน่ง รมช.สธ. เมื่อ 22 ปีที่แล้ว และเป็นรมว.สธ.ก็รวม 7 ปีอยู่ที่สธ.

“ เชื่อว่าวันนี้ สธ.ยังสามารถดำรงสถานะที่เป็นผู้นำด้านการสาธารณสุขระดับต้นๆ ของโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปของโลก สังคม ประชาชน และเทคโนโลยีต่างๆ สธ.ก็คงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์ ถ้าทำงานด้วยความรัก ความเข้าใจ ควมเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน จะไม่มีปัญหาใดเรื่องสุขภาพ อนามัย และสาธารณสุขที่จะแก้ไข เพื่อประชาชนไม่ได้”นายอนุทินกล่าว  

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า องค์ประกอบที่ทำให้สาธารณสุขไทยอยู่แถวหน้าของโลกได้ นอกจากแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ของระะบบสาธารณสุขไทยแล้ว คือพี่น้อง อสม.  ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอยู่เคียงข้างระบบสาธารณสุขไทยมาตลอด โดยเฉพาะช่วงโควิดแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เป็นที่ยอมรับ ทำให้ทั่วโลกได้รู้สึกตื่นเต้น และไม่คิดว่าพี่น้องประชาชนทั่วไปสามารถทำตัวให้เป็นหมอ พยาบาล ที่คอยดูแลประชาชนเพื่อนบ้านทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ทุกคนต้องถือว่าเป็นคนในระบบเดียวกัน และทำให้ระบบการสาธารณสุขมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น