3 นโยบาย สธ. 'สมศักดิ์' ฝากถึง รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ควรสานต่อ

3 นโยบาย สธ. 'สมศักดิ์' ฝากถึง รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ควรสานต่อ

“สมศักดิ์” ทิ้งทวนงาน สธ. ฝาก 3 เรื่องสำคัญถึง รมว.ใหม่ นับคาร์บ - นโยบายเกี่ยวกับความร่วมมือภาครัฐ - เอกชน (PPP) - ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs)

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2568 ที่อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดโครงการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี พ.ศ.2568 ภายใต้แนวคิด “ยกระดับการสาธารณสุขไทย สุขภาพแข็งแรงทุกวัย เศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง” ว่ากระทรวงสาธารณสุข(สธ.)มุ่งพัฒนา และยกระดับการบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งในยุคปัจจุบัน และอนาคต

รวมถึง สร้างความมั่นคงทางสุขภาพให้กับคนไทยในทุกมิติ ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีองค์ความรู้ที่ทันสมัย มีทักษะ สามารถพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สะดวก รวดเร็ว โดยนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาใช้รองรับความท้าทายของสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ยกระดับการสาธารณสุขไทย สุขภาพแข็งแรงทุกวัย เศรษฐกิจสุขภาพไทยมั่นคง
อยากส่งต่อเรื่องราวให้ทุกท่าน หากสามารถนำไปดำเนินการต่อได้ จะส่งผลดี  5 เรื่องสำคัญ คือ  1.การนับคาร์บ ปัจจุบันคนไทยเรียนรู้นับคาร์บ 42 ล้านคน มีคนหายป่วย 30,000 กว่าคน ลดค่าใช้จ่ายจากการหยุดยา และลดยาได้ราว 820 ล้านบาท เชื่อมั่นว่า การส่งเสริมป้องกันคือ หัวใจสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย หากสำเร็จก็จะขยายไปยังกลุ่มวัยเรียน วัยรุ่น และต่อยอดนโยบายลดโรค NCDs ได้อีกมาก

3 นโยบาย สธ. 'สมศักดิ์' ฝากถึง รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ควรสานต่อ

2.ระบบสุขภาพดิจิทัล โดยขอฝากสานต่อเทเลเมดิซีนของกระทรวงฯ รวมถึงมินิคลินิก เชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีจะลดความเหลื่อมล้ำได้มหาศาล ขยายบริการได้มากขึ้น  

3.เรื่องเชิงนโยบายมี 3 เรื่อง คือ แรงงานต่างด้าว ฝากการใช้ไบโอเมตริกซ์ยืนยันตัวตนแรงงานต่างด้าว และเข้าสู่ระบบสุขภาพเหมาะสม จะช่วยให้ สธ.ไม่ขาดทุนถึง 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ,การแบ่งส่วนราชการกรมการแพทย์ และกรมสุขภาพจิต บูรณาการทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน และการทำงานอย่างเป็นหนึ่งอันเดียวกันกับหน่วยงานสุขภาพของไทย ขอให้ สธ. ทำงานร่วมกับ ส.ต่างๆ ใกล้ชิดกันมากขึ้น

4.การบริหารจัดการ ฝากเรื่องโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน (PPP) เพื่อให้เกิดการลงทุนร่วมกัน จะได้ขยายการบริการสาธารณสุขมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการบางครั้งไม่ได้เชี่ยวชาญมาก ก็ควรหาที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญมาช่วย รวมถึงเรื่องบำบัดน้ำเสียที่ควรดำเนินการให้ครบ 100% รวมถึงเรื่องเงินกู้แหล่งงบประมาณภายนอก ขอให้วางแผนระยะยาว และดำเนินการต่อเนื่อง
5.เศรษฐกิจสุขภาพ สธ.มีบทบาทในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยอย่างยั่งยืน ทั้งพืชกระท่อม และกัญชา ทางการแพทย์ ต้องทำให้พืชเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันคนไทยต้องปลอดภัย ให้มีการใช้อย่างถูกต้อง และผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูงหรือ ATMPs ฝากเรื่องแซนด์บอกซ์ให้มีการดำเนินการต่อเนื่อง

“ อยากเห็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเป็นของกระทรวงสาธารณสุข และอยากให้มีการรวมความเชี่ยวชาญทั้งหมดอยู่ในแห่งเดียว” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ฝากถึงว่าที่ รมว.สาธารณสุขคนใหม่ ว่า การป้องกันโรคด้วยการนับคาร์บ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องยอมรับว่าคนป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยนอกที่ใช้ 30 บาทรักษาทุกที่ในปี 2567 มีจำนวน 220 ล้านครั้งต่อปี โดยเป็นโรคที่เกิดจากการกินไม่เป็นหรือบริโภคคาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไปถึง 167.5 ล้านครั้ง หรือเป็น 3 ใน 4 ของผู้ป่วยนอก เพราะฉะนั้น การให้ความรู้ผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร (อสส.) เป็นสิ่งที่พยายามดำเนินการ

“เมื่อคนเข้าใจ และปฏิบัติได้ ก็ลดค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาล ซึ่งปี 2567 งบประมาณใช้กับเรื่อง โรคNCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ส่วนใหญ่เกิดจากการกินไม่เป็น จนป่วยต้องรักษา 79,537 ล้านบาท ต้องลดลงได้ หากทำไปให้สุดก็จะเห็นตัวเลขประหยัดได้อย่างไม่น่าเชื่อว่า สิ่งที่ประเทศอื่นเขาทำไม่ได้ WHO ยังสั่นหน้า ใช้เวลา 10-15 ปีทำไม่ได้ แต่ประเทศไทยจะทำได้ ผมมั่นใจ” นายสมศักดิ์ กล่าว 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า  มีการตั้งกรรมการ และให้โจทย์ไว้ก่อนหน้านี้จากสิ่งที่พบเจอมา 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการPPP, ผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) การนับคาร์บ และอื่นๆ อีกมากมาย เหมือนกับเป็นการให้นโยบายไว้สำหรับปีงบประมาณหน้าต่อไปว่าจะต้องรวบรวม และทำอย่างไรให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ตรงนี้มีครบหมด ซึ่งเป็นโจทย์ที่ให้ไว้ 3 เดือนแล้ว

ถามถึงร่าง พ.ร.บ.อสม. นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเข้าสภาผู้แทนราษฎรใช้เวลาประมาณ 14 เดือนกว่า ใจตนถือว่าช้ามาก แต่ไม่ได้ช้าที่ สธ.แต่ที่ระบบราชการของการตรวจสอบหน่วยงานอื่น เพราะว่า พ.ร.บ.อสม.มีเรื่องการเงิน จึงต้องดูให้ละเอียด และยอมให้มีบัญชีเงินนอกงบประมาณ ก็พอใจมาก เมื่อลดค่าใช้จ่ายการดูแลรักษา และทำเรื่องการดูแลป้องกัน เงินที่ลดได้ควรกลับมาจุนเจือบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้เป็นประโยชน์ ก็มีกฎหมายหลายฉบับที่เป็นแนวทางตรงนี้สามารถทำได้

"เข้าใจว่าคงหลุดออกจากวงโคจรของกฎหมายฉบับนี้แล้ว แต่ว่ายังโชคดีที่หลายพรรคการเมืองก็มองเห็น และสนับสนุนผมเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ผมก็ไปเป็นประธานกรรมาธิการต่อ ต้องขอบคุณหลายพรรคการเมือง " นายสมศักดิ์ กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์